เอาคืนอีกฝ่าย
ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนเดินมาถึงตึกสูงใจกลางเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว ทันทีที่ได้เข้ามาในห้องของแม่ จอมทัพได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมา เขาสูดดมอยู่หลายครั้งก็รู้สึกสบายขึ้นมาก อีกทั้งคิ้วที่เคยขมวดก็ผ่อนคลายลงเมื่อได้สัมผัสกับอากาศเย็นหลังจากที่เดินผ่านแดดร้อนมานาน
เด็กชายมองไปรอบห้องและรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นจากที่ไหนจึงไม่ได้ใส่ใจนัก แล้วรีบเดินไปนั่งที่โซฟาราวกับว่านี่คือบ้านของเขาเอง
อริสาอยากจะร้องห้าม เพราะตอนนี้ตัวของจอมทัพมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมดและเธอก็พึ่งทำความสะอาดเมื่อเช้า แต่ถึงอย่างนั้นต้องฝืนกลืนคำพูดนั้นลงคอไป ปล่อยให้ลูกชายนั่งเล่นอยู่ตรงนั้นในขณะที่ตัวเธอเองก็เดินไปหยิบยาแล้วเดินกลับไปหาเขา
“อยู่นิ่ง ๆ ฉันต้องทายาให้คุณ” เธอพูดหลังจากจับข้อเท้าเล็กของลูกชายไว้และเห็นว่ามันบวมเล็กน้อย
“ไม่ต้อง เดี๋ยวถึงบ้านฉันให้แม่บ้านทำให้ ยาของคุณไม่มีคุณภาพหรอก” เด็กชายกอดอกเชิดคางไม่อยากรับความช่วยเหลือ
“ฉันก็ไม่ได้อยากทาหรอก แต่ถ้าทำแบบนั้นพ่อของคุณจะหาว่าฉันรังแกคุณได้” พูดจบเธอก็จับเท้าเล็ก ๆ ของเขาขึ้นมาแล้วทายาลงไปโดยไม่สนใจคำพูดอะไรของลูกชายอีก
จอมทัพสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อยาเย็น ๆ ถูกนวดลงบนข้อเท้าของเขา แต่ก็พยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาให้อริสาได้เห็น ก่อนจะรีบหันไปทางอื่น
“บ้านของคุณทำเลดีมาก” เขาสังเกตมาสักพักแล้วว่าตึกแห่งนี้อยู่ใกล้ทุกอย่าง โดยเฉพาะร้านขายหมูปิ้งที่ชอบ
“แพงขนาดนี้ก็ต้องทำเลดีอยู่แล้ว” เธอนึกถึงราคาก็รู้สึกขนลุก ถ้าขายห้องนี้ได้ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายโดยไม่ต้องทำงาน
“แค่เงินเล็กน้อย”
“แล้วตอนนี้คุณมีเงินเท่าไหร่”
จอมทัพนิ่ง เขาลืมไปเลยว่าไม่มีกระเป๋าเงินติดตัว ตอนนี้จึงไม่มีเงินเลยสักบาทเดียว
“ไม่มีสักบาทเลยใช่ไหมล่ะ” อริสาเยาะเย้ย
“ตะ ตอนนี้ฉันแค่ลืมกระเป๋าไว้ที่บ้าน! คุณรอให้ฉันไปเอากระเป๋ามาก่อนเถอะ!”
“ไม่จำเป็น ฉันไม่ต้องการรู้เรื่องเงินของคุณ” อริสาปฏิเสธ แค่ได้เห็น สีหน้าอับอายของลูกชายก็ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมา “รู้แค่ว่าตอนนี้คุณไม่มีเงินก็พอแล้ว”
จอมทัพสะบัดหน้าหนีแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เขาปล่อยให้เธอทายาไปเรื่อย ๆ ส่วนตัวเขาก็มองสำรวจห้องนั่งเล่นอย่างเพลิดเพลิน ทุกอย่างดูสะอาดและสบายตาจนอดมองไม่ได้ อันที่จริงเขาอยากจะเดินสำรวจสักหน่อยแต่แม่กลับพูดขึ้นเสียก่อน
“พ่อของคุณมาแล้ว พวกเราต้องลงไปข้างล่างสักที”
ได้ยินคำพูดเหมือนไล่คนแบบนี้จอมทัพก็ไม่พอใจ เขาเปิดประตูเดินออกไปโดยไม่สนใจเธอเลย ทันทีที่เห็นพ่อ เด็กชายก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วรีบวิ่งเข้าไปกอดอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจฝุ่นมากมายบนร่างกายของตัวเอง
“พ่อ ลูกอยากกลับบ้าน” จอมทัพพูดเสียงออดอ้อน ขณะกำลังซบไหล่พ่อ
จอมทัพหันหลังให้กับอริสาเลยไม่เห็นสีหน้าของเธอ หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูเล็กน้อย หลังจากที่ได้มองใบหน้าของไอศูรย์ชัด ๆ
ในวันที่หย่ากันอริสาแทบไม่กล้าเงยหน้ามองเขาด้วยซ้ำเพราะรังสีอำมหิตที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา ส่วนในความทรงจำก็เป็นเพียงภาพเลือนรางเพราะร่างเดิมก็ไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่ครั้งเดียว วันนี้จึงถือว่าได้เห็นหน้าชายคนนี้ชัด ๆ เสียที
หากบอกว่าหิรัญเป็นเหมือนแสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิ ไอศูรย์ก็คงจะเป็นเหมือนพายุลมแรงในฤดูฝน เขาไม่ได้มีความอบอุ่นอ่อนโยนเลยสักนิด มีเพียงแค่ความเฉยเมยผ่านสายตาเย็นชาคู่นั้น ทุกอย่างในตัวเขาล้วนแสดงถึงความดุร้ายและเด็ดเดี่ยวของผู้นำตระกูล
เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมร่างเดิมถึงได้กลัวไอศูรย์มากขนาดนั้น
แต่แม้จะมีรังสีความน่ากลัวแผ่ออกมารอบกาย ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเขามีเสน่ห์เย้ายวนมากขนาดไหน แม้จะไม่ได้ทำอะไรแต่ก็สามารถดึงดูดสายตาให้คนรอบข้างหันมามองได้เสมอ หรือเพียงแค่เขาขยับตัวเล็กน้อยก็สามารถทำให้สาวแรกแย้มหลงรักหัวปักหัวปำจากเสน่ห์ของชายชาตรีที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
ตัวละครในนิยายเรื่องนี้ถือว่าหน้าตาดีมากจริง ๆ
ไอศูรย์เห็นว่าอริสาไม่พูดอะไร เธอเอาแต่จ้องมองเขาตาไม่กะพริบราวกับว่าไม่เคยเจอกันมาก่อน “คุณมองอะไร”
“ปะ เปล่า” เธอรีบพูดหลังจากตั้งสติได้ “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัว”
“แม่ เดี๋ยวก่อน!” จอมทัพร้องห้าม เขาใช้ขาสั้น ๆ กระโดดลงจากอ้อมแขนของพ่อแล้วเดินมาหาเธอ ก่อนจะกระซิบบอกเสียงเบา “คุณเป็นแม่ที่แย่มาก”
อริสาคิ้วกระตุก ทั้งที่เธอคอยช่วยเขามากขนาดนี้แต่เด็กคนนี้กลับไม่สำนึกบุญคุณ ทันทีที่เห็นพ่อความกล้าของเขาก็ดีดมากขึ้นหลายเท่าตัว
เธอย่อตัวลงไปลูบหัวลูกชายเบา ๆ และมองเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะดึงเด็กชายเข้ามากอดแน่นแล้วกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนแม่ที่รักลูกมาก
“แล้วคุณคิดว่าตัวเองเป็นลูกที่ดีมากงั้นเหรอ พวกเราก็ไม่ต่างกันหรอก”