แผนการร้ายฉบับหมูปิ้ง
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์แล้ว เด็กชายต้องอยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนยกเว้นแค่เวลาที่ต้องไปโรงเรียนเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นความรักที่มีต่อหมูปิ้งยังคงไม่จางหายไปไหน
จอมทัพก็ใช้เวลาที่มีคิดแผนที่เขาจะสามารถไปกินหมูปิ้งได้โดยไม่ให้พ่อรู้เด็ดขาด แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน เพราะหลังจากวันนั้นทุกคนต่างให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษหรือเรียกง่าย ๆ ก็คือจับตาดูอยู่ หากว่าจอมทัพก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกก็คงจะไม่สำเร็จ
ในระหว่างที่กำลังคิดทบทวนอยู่ สายตาของเขาก็มองไปเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่ถูกวางทิ้งไว้จากเมื่อหลายวันก่อน ใบหน้าของอริสาลอยเข้ามาในหัวของจอมทัพ ในวันนั้นเขาเห็นว่าเส้นทางที่รถขายหมูปิ้งเข็นไปเป็นทางเดียวกันกับเพนต์เฮาส์ของแม่ ถ้าเดาไม่ผิดบางทีสองแห่งนั้นอาจจะอยู่ใกล้กันก็ได้
คิดได้แบบนั้นจอมทัพรีบเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงทันที เขาแน่ใจว่าใกล้ ๆ เพนต์เฮาส์ของแม่จะต้องมีหมูปิ้งขายแน่นอน! หากว่าเด็กชายได้ใช้เวลาอยู่ที่นั่นก็อาจจะสามารถตามหาหมูปิ้งที่ต้องการได้ และแม่ที่อ่อนแอคนนั้นก็จะไม่สามารถห้ามอะไรเขาได้ อีกทั้งจอมทัพก็จะสามารถทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง ไม่ว่าหมูปิ้งกี่ไม้เขาก็สามารถทานได้!
ในเย็นวันนั้นจอมทัพจึงเดินไปหาพ่อด้วยท่าทางเรียบร้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่วิ่งเร็วหรือกระโตกกระตากเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะเข้าห้องก็เคาะประตูด้วยจนไอศูรย์ต้องเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายเขากันแน่ เด็กชายเดินไปหาพ่อและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“พ่อ ตั้งแต่ที่แม่จากไปลูกรู้สึกเหงามาก คุณสามารถพาลูกไปหาแม่ได้ไหม”
ไอศูรย์ไม่คิดจะเชื่อ เขาจำได้ว่าจอมทัพไม่ชอบอริสามาก ไม่ว่าจะเจอหน้ากันกี่ครั้งเขาก็มักจะแกล้งผู้เป็นแม่เสมอ แล้วจู่ ๆ วันนี้จะคิดถึงได้อย่างไร “คุณต้องการอะไรกันแน่”
“ลูกคิดถึงแม่จริง ๆ ตั้งแต่วันนั้นที่ได้ไปอยู่กับแม่ ลูกรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปมาก วันนั้นลูกเจ็บขาแม่ก็ทายาให้ลูกด้วย ปกติเธอไม่เคยคิดจะเข้าใกล้ลูกด้วยซ้ำ” เขาเริ่มรีบอธิบาย “พ่อ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณสามารถไปถามเธอได้”
“เวลาก็ผ่านมาตั้งนานแล้วทำไมคุณถึงพึ่งคิดถึงเธอล่ะ” เขาไล่ต้อนลูกชาย
“ก็ ก็เพราะพ่อกักบริเวณลูกอยู่ไง! ตอนนี้ใกล้ครบสองอาทิตย์แล้วลูกเลยพึ่งมาบอกพ่อ”
“ปกติคุณลืมง่ายจะตาย แค่เรื่องเมื่อวานคุณก็จำไม่ได้แล้ว แต่นี่ทำไมถึงยังนึกถึงอริสาอีก มีแผนการอะไรอีกหรือเปล่า”
“เปล่าสักหน่อย!” จอมทัพรีบส่ายหน้า แผ่นหลังแข็งเกร็งขึ้นมา “วันนั้นแม่ดีกับลูกมากจริง ๆ แล้วลูกก็เริ่มคิดถึงเธอด้วย”
ไอศูรย์ยังคงไม่ปักใจเชื่อ เขายังคงใช้สายตาแหลมคมจ้องมองมาที่ลูกชาย
“อีกอย่างเธอก็เป็นแม่ของลูกเหมือนกัน… ต่อให้เมื่อก่อนพวกเราไม่สนใจกันแต่ลูกคิดว่าในอนาคตอาจจะสนิทกับเธอได้” จอมทัพนึกถึงเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ดูจะสนิทกับพ่อแม่ แต่เขากลับมีแค่คนขับรถและแม่บ้านเท่านั้นที่คอยพูดคุยด้วย “ทำไมคนอื่นมีแม่แต่ลูกไม่มีล่ะ”
ประโยคเมื่อครู่เป็นความจริงที่ออกมาจากหัวใจดวงน้อย ๆ ของจอมทัพ ก่อนที่ทั้งสองคนจะหย่ากัน แม่ก็ไม่เคยสนใจไยดีเขาและหลังจากที่เธอออกจากบ้านนี้ไปก็ไม่เคยติดต่อมาหาเขาบ้างเลย
ในช่วงแรกจอมทัพก็ไม่ได้สนใจมากนักแต่เวลาผ่านไปเด็กชายก็มักจะตั้งคำถามเสมอว่าแม่ทุกคนต้องรักลูกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมแม่ของเขาถึงไม่รักเขาล่ะ ต่อให้เขาจะดื้อมากขนาดไหนอย่างน้อยเธอก็ควรจะห่วงใยเขาบ้างสิ
คำพูดของลูกชายเป็นเหมือนเครื่องเตือนสติของไอศูรย์ อันที่จริงเขาไม่ต้องการให้จอมทัพติดต่อกับอริสาเลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อลูกชายอยากจะพูดคุยกับแม่ ไม่ว่านี่จะเป็นข้ออ้างหรือความต้องการจริง ๆ ของลูกก็ตาม ไอศูรย์ทำได้เพียงช่วยเหลือลูกชายให้ความต้องการของเขาเป็นจริง
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตากลมโตของเด็กน้อย เห็นร่องรอยแห่งความหวังเต็มไปหมด สิ่งนี้คงจะเป็นอาวุธชิ้นสำคัญที่ทำให้ไอศูรย์ต้องใจอ่อนหลายต่อหลายครั้ง “ก็ได้ พ่อจะเก็บเรื่องนี้ไปคิดดู”
“ขอบคุณมากพ่อ!” จอมทัพรีบวิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อทันที แถมยังใช้ศีรษะถูไถไปกับเสื้อของพ่อราวกับเป็นแมวน้อย เด็กชายนั่งอยู่บนตักพ่อสักพักก่อนจะนึกคำถามหนึ่งขึ้นมาได้ “พ่อ ลูกมีคำถาม”
“ว่ามาสิ” เขาพูดขณะที่มือก็เซ็นเอกสารไปด้วย
“ถ้า ถ้าสมมติมีคนมารังแกลูก พ่อจะปกป้องลูกไหม”
“ทำไมล่ะ มีคนมารังแกคุณงั้นเหรอ” ไอศูรย์ชะงัก
“ไม่ ลูกหมายถึงในอนาคต ถ้ามีคนมาล้อลูกว่าลูกเป็นตัวตุ่น หนอน หรือหมาอะไรแบบนั้น คุณจะช่วยปกป้องลูกไหม” คำพูดของอริสายังติดอยู่ในใจของจอมทัพไม่หาย เขาจะไม่ยอมให้ใครมาเรียกตัวเองว่าหมาจอมทัพเด็ดขาด!
มือที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่ถึงกับต้องหยุดชะงักอีกครั้ง พร้อมกับก้มหน้ามองลูกชายและเห็นว่าเขามีท่าทางจริงจังเสียด้วย “อืม พ่อจะปกป้องคุณ”
ได้ยินแบบนั้นจอมทัพก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาใช้ขาสั้น ๆ ของตัวเองกระโดดลงจากตักของพ่ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกจากห้องไปก็หันมาพูดเอ่ยชม “พ่อ คุณเป็นพ่อที่ดีมาก”
ไอศูรย์ไม่เข้าใจพฤติกรรมที่ลูกชายแสดงออกมาเท่าไหร่นัก
หลังจากที่จอมทัพเดินออกไปจากห้องแล้ว ไอศูรย์จึงสั่งให้เลขาไปสืบชีวิตของอริสาในช่วงที่ทั้งสองคนเลิกกันไปว่าเธอใช้ชีวิตอย่างไร หากว่าเธอใช้ชีวิตย่ำแย่ก็คงจะให้ลูกชายเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาข้อมูลของอริสาก็ถูกส่งมาให้ไอศูรย์
ในนั้นเขียนว่าชีวิตของอริสาตอนนี้กำลังไปได้สวยเลยทีเดียว เธออาศัยอยู่ในเพนต์เฮาส์ใจกลางเมืองแห่งนั้นที่เคยส่งให้เขา และกำลังทำอาชีพถ่ายวิดีโอแนวไลฟ์สไตล์ที่เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ ดูท่าว่างานนี้จะไปได้สวยเช่นกัน ในคลิปเธอดูผ่อนคลายและมีความสุข ต่างจากช่วงที่อยู่คฤหาสน์แห่งนี้ลิบลับ
ส่วนเรื่องชายชู้คนนั้น ทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากที่หย่ากับเขาเสร็จ
เขารู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปจากเดิม อีกทั้งในตอนที่เจอกันครั้งล่าสุดก็ไม่มีความกลัวในแววตาคู่นั้นด้วย ไอศูรย์คิดว่านี่อาจจะเป็นผลดีกับจอมทัพเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความไปหาอดีตภรรยา
‘เจอกันหน่อย’