เป้าหมายหลัก
บทที่ 7 เป้าหมายหลัก
ในช่วงเที่ยงอริสาถามลูกชายถึงอาหารที่เขาอยากทานอีกครั้งและจอมทัพยังจำกลิ่นหอมของเกี๊ยวน้ำได้ เขาจึงบอกให้เธอทำให้ทานอีกเหมือนเมื่อเช้า อริสาไม่ปฏิเสธและยังคงตั้งกล้องถ่ายคลิปวิดีโออีกด้วย สิ่งนี้สร้างความสงสัยให้ลูกชายอีกครั้ง
“ทำไมคุณต้องถ่ายคลิปทำอาหารด้วย” จอมทัพเดินเข้ามาใกล้และเขย่งเท้ามองอย่างสงสัย
“นี่คืองานของฉัน”
“แม่ คุณโกหกลูกงั้นเหรอ” เขาแย้ง ในขณะที่เริ่มทำจมูกฟุดฟิดสูดดมกลิ่นหอมของน้ำซุป “งานอะไร ทำไมต้องทำที่บ้านด้วย งานก็ต้องทำที่ทำงานสิ”
อริสาทนไม่ไหวต้องยื่นมือมาบีบแก้มนุ่มของลูกชายด้วยความมันเขี้ยว ทั้งที่พึ่งจะอายุเพียงห้าขวบแท้ ๆ แต่กลับสามารถตั้งคำถามและโต้ตอบราวกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“งานในโลกมีหลายรูปแบบ เราสามารถทำงานที่บ้านได้เหมือนกัน”
“แล้วทำไมพ่อต้องไปทำงานที่อื่นล่ะ บางวันเขาก็ไม่ได้กลับบ้านด้วย” จอมทัพบ่นอุบอิบ
“งานของพ่อคุณแตกต่างจากของฉัน เขาต้องเดินทางไปที่ต่าง ๆ ทำให้ไม่อยู่บ้านหลายครั้งไงล่ะ”
“น่าเบื่อมาก ถ้าลูกโตขึ้นลูกจะทำงานอยู่บ้าน”
“แต่คุณคือทายาทคนต่อไปของตระกูลวัชรเตชวานิชนะ เพราะฉะนั้นคุณไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้หรอก” อริสาแย้งลูกชาย เธอไม่ได้อยากดับฝันเขาแต่นั่นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ “ครอบครัวของคุณมีธุรกิจมากมายหลายอย่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ มันไม่ง่ายเลยที่จะอยู่บ้านเฉย ๆ”
จอมทัพพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ เมื่อโตขึ้นเขาไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้จริง ๆ เพราะมีธุรกิจหลายอย่างที่ต้องแบกรับไว้ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่จอมทัพสงสัยเช่นกัน เด็กชายเงยหน้าถามแม่ด้วยแววตาใสซื่อ “แม่ นี่เป็นเหตุผลที่คุณไม่มีเงินหรือเปล่า”
ใบหน้าของอริสาถึงกับกระตุกอย่างแรง นี่ลูกชายกำลังกล่าวหาว่าเธอมัวแต่อยู่ที่บ้านเลยไม่มีเงินงั้นเหรอ? ตอนนี้เธอมีเงินแต่ไม่กล้าใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายต่างหากล่ะ อีกอย่างเธอพึ่งจะมาที่นี่ได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น แล้วจะมีเงินเทียบเท่าตระกูลเก่าแก่ของพวกเขาได้อย่างไร!
“อาหารของคุณเสร็จแล้ว ไปรอที่โต๊ะเถอะ” อริสาไม่ตอบคำถามลูกชาย เธอกลัวว่าจะโมโหมากกว่าเดิม ในหัวได้แต่ตั้งคำถามว่าเขาคิดคำถามพวกนี้ได้อย่างไรกัน
อาหารเที่ยงผ่านไปอย่างราบรื่นจนน่าแปลกใจ ในตอนแรกอริสาคิดว่าหากเป็นแบบนี้ก็คงจะไม่แย่นักแต่เธอคิดผิดเสียแล้ว เพราะสงครามที่แท้จริงเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหากล่ะ เมื่อจอมทัพได้ทานอาหารก็คล้ายกับได้พลังกลับคืนมาอีกครั้ง
ตลอดเวลาช่วงบ่ายที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน อริสาไม่รู้จักคำว่าสงบสุขเลยแม้แต่วินาทีเดียว เด็กวัยห้าขวบที่มีพลังเหลือล้นได้ก่อกวนการทำงานของเธอทุกวิถีทางที่เขาจะสามารถทำได้ จอมทัพถามเธอเกี่ยวกับทุกสิ่งอย่างที่สงสัย หากคำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจก็จะคว้าสิ่งของที่อยู่ใกล้โยนไปทั่วหรือไม่ก็ลงไปนอนร้องไห้อยู่บนพื้น แถมยังกระโดดโลดเต้นวิ่งเล่นไปมาเสียงดังจนข้างห้องทนไม่ไหว
ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงอริสาถูกตักเตือนจากนิติบุคคลถึงสามครั้ง พูดง่าย ๆ ก็คือปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังน้อยกว่าปัญหาที่จอมทัพสร้างในวันนี้เสียอีก
จอมทัพรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อให้ถึงช่วงเย็นของวันนี้สักที เขาอยากจะทานหมูปิ้งมานานแล้วและในเมื่อวันนี้มีโอกาสก็จะไม่พลาดแน่นอน! เด็กชายรีบวิ่งไปหาแม่และจับมือเธอเดินออกมานอกห้องทันที เขาใช้ร่างกายเล็ก ๆ ของตัวเองปิดบังประตูไว้ไม่ให้แม่กลับเข้าไปได้
“แม่ ลูกอยากไปเดินเล่นด้านล่าง” จอมทัพพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ตอนนี้เหรอ แต่นี่ใกล้จะถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วนะ”
“ลูกเบื่ออาหารคุณแล้ว พวกเราไปทานที่อื่นกันเถอะ” จอมทัพพูดตาเป็นประกาย เขาเดาว่ารถเข็นหมูปิ้งคงจะอยู่แถว ๆ นี้แน่นอน ถ้าหากเดินหาไม่นานก็คงจะเจอ
อริสาได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับมึนงง เขาพึ่งจะทานอาหารฝีมือเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแต่กลับเบื่อแล้ว ความชอบของเด็กเปลี่ยนเร็วจริง ๆ อริสามองไปที่หน้าต่างและพบว่าท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เมฆสีดำกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาแล้ว
“ไม่ได้หรอก คุณเห็นไหมว่าฝนกำลังจะตก ถ้าพวกเราไปตอนนี้ก็คงจะเปียกกันพอดี”
“ไม่ได้! ลูกจะลงไปข้างล่าง จะลงไป!” พูดจบเขาก็กระทืบเท้าเสียงดัง
“คุณต้องการอะไรกันแน่ ที่คุณมาที่นี่เพราะบางอย่างใช่ไหม” เธอคิดว่าลูกชายไม่ได้อยากอยู่กับแม่จริง ๆ เขาคงจะใช้เธอเพื่อเป้าหมายอะไรสักอย่าง
“อะไร คุณกำลังพูดอะไร ลูกไม่เข้าใจ” จอมทัพบ่ายเบี่ยง กลัวว่าหากอริสารู้ความจริงแล้วจะนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อ “ลูก ลูกก็แค่อยากลงไปด้านล่างก็เท่านั้นเองนะ!”
“ก็ได้ ฉันจะเชื่อคุณ” เธอพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบกระเป๋าเงินและร่ม อันที่จริงอริสาไม่เชื่อคำพูดของจอมทัพแล้ว แต่เพราะอยากรู้จุดประสงค์ของเขาว่าคืออะไรกันแน่ เธอจึงต้องทำตามที่ลูกชายต้องการก่อน และสำหรับเด็กคนนี้การห้ามเหมือนเป็นการเติมน้ำมันลงไปในกองไฟเสียมากกว่า
ทั้งสองคนเดินตามทางไปเรื่อย ๆ ในขณะที่จอมทัพก็ชะเง้อคอมองหารถเข็นหมูปิ้งแต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอเสียทีจนเด็กชายเริ่มท้อใจ อริสาเห็นสีหน้าไม่พอใจของลูกชายก็คิดว่าเขาคงจะเหนื่อย เธอไม่อยากเห็นลูกลงไปดิ้นกับพื้นอีกแล้วจึงรีบจับมือเขาเดินมาที่ตลาดข้างเพนต์เฮาส์
ที่ตลาดแห่งนั้นเป็นเพียงตลาดขนาดเล็ก ที่ไม่เข้ากับบรรยากาศตึกสูงโดยรอบเลยสักนิดเดียว ทั้งที่หันไปทางไหนก็เจอกับตึกและคอนโดราคาแพง แต่ที่ตลาดนี้ยังคงสามารถตั้งอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะว่าได้ก่อตั้งมาก่อนที่พื้นที่รอบ ๆ จะพัฒนาเสียอีก อีกทั้งยังได้มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและสะอาดตามมาตรฐานด้วย นายทุนหลายคนจึงไม่สามารถซื้อที่ดินตรงนี้มาทำธุรกิจได้
ในตอนแรกจอมทัพไม่อยากเดินตามมาด้วยซ้ำแต่เมื่อเดินมาถึงกลับได้กลิ่นหอมที่โหยหามานาน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และมั่นใจว่ากลิ่นหอมนั่นคือสิ่งที่ตามหามานาน!
จอมทัพรีบวิ่งเข้าไปในตลาดทันที เขาไม่สนใจแม่และรีบวิ่งฝ่าผู้คนเข้าไปจนในที่สุดก็เจอร้านขายหมูปิ้งร้านนั้นสักที!
เด็กชายมองร้านนั้นด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ เขายืนจ้องอยู่นานไม่ขยับไปไหน ก่อนจะรีบหันมาบอกแม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุด ๆ “แม่ เรากินหมูปิ้งกันเถอะ กินเยอะ ๆ เลยด้วย!”
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ นี่คือเป้าหมายของลูกชายสินะ” เธอพึมพำกับตัวเองหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าแววตาและน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะมีความสุขมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของลูกชาย
เป้าหมายที่แท้จริงของจอมทัพคือการได้มาซื้อหมูปิ้ง เขาไม่ได้อยากจะอยู่กับแม่เลยสักนิดเดียวและพ่อก็คงไม่อนุญาตให้ทานแน่ ๆ ถึงได้อยากจะมาอยู่กับแม่ที่อ่อนแอ “เขาก็ฉลาดใช้ได้เลยนะ”
จอมทัพเห็นว่าแม่ไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลย เด็กชายจึงรีบเดินเข้ามาหาเธอแล้วเขย่าขาเบา ๆ ขอร้องด้วยการทำหน้าตาน่าสงสาร “แม่ พวกเรากินหมูปิ้งกันเถอะนะ ลูกอยากกินหมูปิ้ง!”
อริสาทำท่าถอนหายใจด้วยความเสียดาย เธอแค่อยากจะแกล้งเขาเท่านั้น “น่าเสียดายที่พ่อของคุณคงไม่ให้กินหรอกนะ”
“ช่างพ่อสิ! ถ้าพวกเราไม่พูดแล้วใครจะรู้ล่ะ”
“หืม? นี่คุณรักหมูปิ้งมากกว่ารักพ่ออีกงั้นเหรอ”
“ปะ เปล่าสักหน่อย พ่อสำคัญที่สุดในชีวิตลูกนะ!” เขารีบเถียงพร้อมกระทืบเท้าแย้งอีกครั้ง “ลูกรักพ่อที่สุด”
“ถ้าพ่อสำคัญที่สุดก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของพ่อสิ พ่อของคุณไม่อยากให้คุณทานอาหารแบบนี้ คุณก็ไม่ควรจะทานนะ” เธอยังคงแกล้งเขาต่อ
จอมทัพมึนงงเล็กน้อย เขาทำหน้าตาสับสน คงเพราะหมูปิ้งก็อยากกินมากแต่พ่อก็สำคัญมากเช่นกัน
“แต่ถ้าต่อไปนี้คุณเป็นเด็กดี ไม่โวยวายเสียงดัง ไม่ลงไปนอนดิ้นกับพื้น ฉันจะซื้อให้คุณ”
“แม่! คุณพูดจริงหรือเปล่า ห้ามโกหกลูกเด็ดขาดนะ!” จอมทัพดีใจมากจนกระโดดโลดเต้นไปมา “ลูกสัญญาว่าลูกจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อด้วย! คุณต้องซื้อหมูปิ้งให้ลูกเยอะ ๆ เลยนะ”
“ได้ แต่คุณต้องทานให้หมดด้วย” อริสาจับมือลูกชายเดินเข้าไปซื้อหมูปิ้ง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็จำได้ว่าเป็นคุณป้าคนนั้นที่เคยเจอเมื่อหลายเดือนก่อน
อันที่จริงอริสาเคยคิดจะกลับไปซื้อหลายครั้งแต่เมื่อไปถึงก็ไม่เคยเห็นร้านป้าเลย ตอนนี้เธอเลยพอจะเดาได้ว่าป้าคงจะย้ายมาอยู่ที่ตลาดแห่งนี้แล้ว
“เอาหมูปิ้งยี่สิบไม้ค่ะ แล้วก็ข้าวเหนียวสองห่อ” อริสาพูด
จอมทัพได้ยินแบบนั้นก็รีบถาม “แม่ ทำไมคุณไม่เหมาหมดร้านเลยล่ะ”
“คุณกินหมดงั้นเหรอ”
“ลูกกินไม่หมด” จอมทัพส่ายหัว
“แล้วจะเหมาหมดร้านไปทำไม”
“แล้วทำไมเราจะเหมาหมดร้านไม่ได้” เขารีบเถียง “คุณไม่มีเงินขนาดนั้นเลยเหรอ น่าสงสารจริง ๆ”
ป้าณีหรือแม่ค้าขายหมูปิ้งได้ยินก็อดขำไม่ได้ เธอจึงพูดขึ้น “ถ้าแม่ของหนูซื้อหมด คนอื่นคงไม่ได้ทานน่ะสิ”
จอมทัพเงยหน้าพูดกับป้า “หมูปิ้งของคุณอร่อยมาก” เขามองหมูปิ้งยี่สิบไม้ในมือด้วยความตื่นเต้นจนอดใจไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับห้องไปทานขณะที่ยังร้อน ๆ
“ชอบก็ทานเยอะ ๆ เลยนะ” ป้าณีพูดด้วยความเอ็นดูเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เหมือนก้อนแป้งคนนี้ ก่อนจะแถมหมูปิ้งให้อีก
“คุณอย่าลืมขอบคุณนะจอมทัพ” อริสาเตือน
“ขอบคุณครับป้า ผมชอบหมูปิ้งของคุณมาก!” จอมทัพรับหมูปิ้งมาอย่างอารมณ์ดีจนทำให้คนแถวนั้นขำกับท่าทางใสซื่อของเขา
อริสาได้แต่คิดในใจว่าตอนนี้ลูกชายของเธอเหมือนหมาหน้าโง่เสียจริง