รับมือกับลูกชาย
จากนั้นอริสาก็เริ่มทำงานของตัวเองอีกครั้ง เธอปล่อยให้ลูกชายเล่นอยู่กับของเล่นของเขา ส่วนตัวเธอก็มองไปที่อีกฝ่ายอยู่เป็นระยะ ในตอนนี้อริสาเริ่มจัดมุมกล้องถ่ายคลิปทำความสะอาดรังนกเหมือนอย่างทุกครั้ง
ในตอนแรกจะทำความสะอาดแบบจิกสดก่อน โดยนำรังนกแห้งมาคีบเศษฝุ่นและขนนกออกเท่าที่ทำได้ก่อนและกว่าขั้นตอนนี้จะเสร็จก็ใช้เวลานานพอสมควร ปกติอริสาจะไลฟ์สดไปด้วยแต่เพื่อความเป็นส่วนตัวของจอมทัพ เธอจึงทำแค่เพียงถ่ายคลิปเท่านั้น
จอมทัพนั่งมองแม่อยู่นานจนเริ่มเกิดความสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไรกันแน่ จึงเดินเข้าไปถาม “แม่ คุณกำลังทำอะไรอยู่”
“ฉันกำลังทำความสะอาดรังนกอยู่ คุณเห็นขนสีดำพวกนี้ไหม เราต้องเอามันออกไป”
“นี่คือรังนกงั้นเหรอ ทำไมมันสกปรกแบบนี้ล่ะ” จอมทัพเพียงยื่นมือไปจับอย่างสงสัย เขาเคยทานมาก่อนแต่ไม่ใช่ในรูปแบบนี้
“ก็มันยังไม่ได้ทำความสะอาดอย่างหมดจดเหมือนที่คุณเคยทาน”
“ลูกเห็นคุณทำมาตั้งนานแล้วทำไมถึงสะอาดแค่นี้ล่ะ คุณชอบทานขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคุณไม่ไปซื้อ”
“กว่าจะเอาสิ่งสกปรกพวกนี้ออกก็ต้องใช้เวลานะ อีกอย่างฉันจะไม่ได้ชอบทานแต่ชอบเวลาที่ต้องทำความสะอาดรังนกพวกนี้ต่างหากล่ะ มันช่วยทำให้จิตใจสงบมากขึ้น” อริสาพูดขณะที่สายตาและมือยังคงจดจ่ออยู่ที่รังนกไม่ห่าง “อีกอย่างแม่ของคุณไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อรังนกมาทานบ่อย ๆ หรอกนะ”
“คุณน่าสงสารมาก”
จอมทัพเคยเห็นคนในบ้านทานรังนกอยู่เป็นประจำ เขาจึงไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้เป็นของหายากหรือมีราคาสูงเลยสักนิดเดียว แต่วันนี้ได้มาอยู่กับแม่ก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอรันทดจริง ๆ
ขณะที่จอมทัพกำลังสงสารแม่อยู่ ตัวของเธอกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยเพราะนี่คือชีวิตปกติของคนทั่วไป ชีวิตของลูกชายต่างหากที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ส่วนมากเด็กในวัยนี้คิดว่าในสังคมจะเป็นเหมือนสิ่งรอบตัวที่พวกเขาได้พบเจอ หากว่าทุกวันได้ทานอาหารดี ๆ ก็มักจะคิดว่าคนอื่นก็ทานแบบเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่เลย
“แม่ ลูกอยากทำบ้าง” จอมทัพเริ่มสนใจจึงเอื้อมมือไปหยิบแต่กลับถูกแม่ขวางไว้เสียก่อน
“มันแพง”
“ลูกมีเงิน!”
“คุณติดหนี้ฉันอยู่หนึ่งพันเก้าร้อยนะ”
“ไม่! ลูกจะทำ จะทำ จะทำ!” เด็กชายกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
อริสาหันไปมองจอมทัพด้วยสายตาเย็นชา เธอพยายามอดทนกับเสียงแหลมของลูกชายแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจึงถามออกไป “เสียงของคุณแหลมมาก ทุกครั้งที่ทำแบบนี้คุณเคยเจ็บคอบ้างไหม”
จอมทัพถึงกับชะงักและเงียบไปสักพัก เสียงของเขาแหลมขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่พอตั้งสติได้ว่าถูกเปลี่ยนเรื่องเขาก็กลับมาเป็นแบบเดิม จอมทัพเริ่มร้องไห้แข้งขาอ่อนแรงแล้วลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเหมือนอย่างทุกครั้ง เสียงร้องไห้ของเขาดังขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่แขนและขาก็สะบัดไปมาอย่างเอาแต่ใจ
“ลูกจะทำ แม่เอามาให้ลูกทำเดี๋ยวนี้” แม้จะร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่คำพูดเอาแต่ใจยังชัดเจน ทว่าอริสาก็ยังไม่สนใจอยู่ดี เด็กชายจึงเริ่มออกคำสั่ง “แม่ใจร้าย! คุณเอามาให้ฉันทำเดี๋ยวนี้นะ เอามา!”
เธอก้มมองหน้าลูกชายและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนิ่ง “ฉันจะรอจนกว่าคุณจะเงียบ”
จอมทัพได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังเข้าไปอีก แต่อริสายังคงนิ่งเฉยกับคำสั่งและเสียงร้องไห้ แม้ว่าจะปวดหูและรำคาญเล็กน้อยก็ตาม ในอดีตเธอเคยไม่ชอบนิสัยเย็นชาและเอื่อยเฉื่อยของตัวเองแต่ตอนนี้กลับคิดว่านิสัยแบบนี้ก็ดี
อริสาปล่อยให้ลูกชายร้องไห้อยู่อย่างนั้น ส่วนเธอก็ยังคงทำความสะอาดรังนกและอยู่ ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพลูกชายและส่งให้พ่อของเขา
‘ลูกชายของคุณขยันมาก เขาลงไปนอนเพื่อถูพื้นให้กับฉัน’
จอมทัพเห็นแม่ถ่ายภาพของเขาก็รีบถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “แม่ คุณทำอะไร ลูกกำลังร้องไห้อยู่นะ”
“ฉันรู้ว่าคุณกำลังร้องไห้และตอนนี้พ่อของคุณก็น่าจะรู้แล้วเหมือนกัน”
“แม่ คุณทำแบบนี้ไม่ได้!” จอมทัพแผดเสียงลั่นห้อง พ่อของเขาเคยบอกว่าเขาไม่สามารถทำพฤติกรรมแบบนี้ได้แต่เวลาอยู่กับแม่ผู้อ่อนแอ ใครจะเชื่อฟังพ่อกันล่ะ “แม่ คุณ ฮึก คุณใจร้ายมาก”
เสียงร้องไห้ของเขาดังขึ้นอีกครั้งและดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความเสียใจ อริสาก็สัมผัสความรู้สึกนั้นได้เช่นกัน
เธอก้มมองลูกชายอีกครั้งและเห็นว่าเขาหันหลังให้กับเธอแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นคอและใบหูแดงจากการร้องไห้ ร่างกายก็ยังสั่นไปตามเสียงสะอื้น จนเธอเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาจริง ๆ ทว่าเมื่อมองไปที่ข้อความก็พบว่าไอศูรย์อ่านเรียบร้อยแล้ว
อริสาวางรังนกเหล่านั้นลงและนั่งมองลูกชายเงียบ ๆ จนเสียงร้องไห้ของเขาเงียบลงไป แล้วจึงเดินเข้าไปหาและเห็นคราบน้ำตาเต็มหน้าไปหมด เธอพยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่งอย่างง่ายดายและพอจะเดาได้ว่าแรงของเขาคงจะหมดไปแล้ว จากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาของลูกชายอย่างเบามือ
“คุณหิวไหม ฉันจะทำอาหารว่างให้ทาน”
จอมทัพที่หมดแรงก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่มีการต่อต้านใด ๆ จากนั้นไม่นานก็มีนม ขนมปัง และผลไม้มาวางไว้ตรงหน้าของเด็กชาย เขารีบกินโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ไม่นานทุกอย่างก็หายเข้าไปในท้องของจอมทัพ
อริสาเห็นว่าลูกชายอารมณ์เย็นขึ้นแล้วจึงพูด “จอมทัพ ถ้าคุณยังทำนิสัยชอบลงไปนอนกับพื้นแบบนี้อยู่อีก คนจะรังเกียจเอาได้นะ”
“ใครกล้ารังเกียจลูก!” เด็กชายรีบแย้ง
“คุณก็รู้ว่าใคร” เธอหมายถึงพ่อของเขา
“ก็ ก็พ่อดุ แต่คนอื่นไม่กล้าดุลูกสักหน่อย”
“ใช่อยู่ที่คนอื่นไม่กล้าดุคุณ แต่ถ้าวันหนึ่งคนอื่น ๆ มองมาที่คุณด้วยสายตาดูถูกและรำคาญ แถมยังแอบเอาคุณไปนินทาลับหลัง คุณจะรับไหวเหรอ”
“พ่อบอกว่าจะปกป้องลูก”
“แต่พ่อคุณไม่สามารถปกป้องคุณได้ทุกอย่างหรอกนะ คุณต้องรู้จักควบคุมพฤติกรรมของตัวเอง ครั้งที่แล้วคุณก็เจ็บเท้าเพราะดิ้นไปมาใช่ไหมล่ะ” เธอมองไปที่ข้อเท้าขาวเนียนของลูกชายและเห็นว่าเขายังคงต่อต้านอยู่ “เอาเถอะ เรื่องแบบนี้ต้องค่อย ๆ สอนกันไป”
จอมทัพได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจที่แม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป “แม่ คุณห้ามถ่ายรูปลูกแล้วส่งให้พ่อเด็ดขาด”
“แต่พ่อของคุณไม่ไว้ใจฉัน ฉันต้องรายงานทุกอย่างเกี่ยวกับคุณให้เขารู้”
“งั้นคุณก็ต้องส่งแต่เรื่องดี ๆ เท่านั้น”
“แต่บางครั้งคุณก็ทำเรื่องไม่ดีนะ”
“งั้นคุณก็อย่าส่งให้พ่อสิ”
อริสาที่กำลังล้างจานหันกลับมามองลูกชายด้วยความเอือมระอา “คุณเป็นพวกชอบเอาหน้าสินะ”
“แม่พูดอะไร ลูกไม่เข้าใจ” จอมทัพรีบถาม
อริสาไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา หลังจากล้างจานเสร็จเธอกลับมานั่งที่เดิมและไม่ลืมอุ้มลูกชายมานั่งข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน แล้วหยิบรังนกขึ้นมาชิ้นหนึ่งก่อนจะยื่นให้เขา
“ที่ฉันให้คุณลองทำความสะอาดรังนก ไม่ใช่เพราะพฤติกรรมเอาแต่ใจของคุณที่ชอบลงไปนอนร้องไห้กับพื้น แต่เพราะเห็นความตั้งใจจริงของคุณต่างหาก คุณเข้าใจไหม”
“ลูกเข้าใจแล้ว!” เด็กชายพยักหน้ารัว ๆ แล้วยื่นมือมารับรังนกอย่างทะนุถนอม จากนั้นก็เริ่มทำตามแม่ของเขาโดยคีบขนสีดำออกอย่างช้า ๆ
อริสาแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนแรกคิดว่าคุณชายอย่างจอมทัพจะรังเกียจสิ่งของที่ไม่สะอาดแต่กลับผิดคาด เขาตั้งใจทำความสะอาดและดูเหมือนจะมีสมาธิกับสิ่งนี้อีกด้วย
“คุณไม่รังเกียจเหรอ รังนกพวกนี้ยังสกปรกอยู่เลยนะ” อริสาถามด้วยความสงสัย
“ไม่ ลูกไม่รังเกียจ” สายตาของเขายังคงจดจ่ออยู่กับรังนก “ทำความสะอาดบ่อย ๆ เดี๋ยวก็สะอาดเอง”
เมื่อได้ยินคำตอบจากลูกชายเธอก็เผลอยิ้มออกมา ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นมุมนี้ของเขาสักครั้งเพราะในความทรงจำของร่างเดิม จอมทัพเป็นคนที่ชอบใช้อารมณ์ ไม่สนใจอะไรและเสียงดังตลอดเวลา ทว่าตอนนี้เขากลับแตกต่างจากในความทรงจำมาก
เธอหันกลับมาสนใจรังนกของตัวเองอีกครั้ง สองแม่ลูกนั่งข้างกันเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างสนใจสิ่งของตรงหน้าของตัวเอง แต่เวลานี้กลับมีความรู้สึกสงบเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน