รับมือกับลูกชาย
บทที่ 6 รับมือกับลูกชาย
เช้าวันถัดมาขณะที่อริสากำลังนอนหลับอย่างเคลิบเคลิ้มแต่กลับมีเสียงเคาะอย่างแรงที่หน้าประตูห้อง ในตอนแรกเธอคิดว่าคงเป็นเสียงของห้องอื่นแต่เมื่อตั้งสติก็จำได้ว่าลิฟต์ของเพนต์เฮาส์มาถึงหน้าประตู ดังนั้นไม่มีทางเป็นห้องอื่นแน่นอน
อริสาจึงจำเป็นต้องลืมตาตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ เธอมองไปที่นาฬิกาและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเพียงเจ็ดโมงเช้าเท่านั้น
“เสียงอะไรกันเนี่ย” เธอบ่นพึมพำก่อนจะเดินไปที่ประตูและเมื่อเดินเข้าไปใกล้เสียงดังนั่นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ทันทีที่เปิดประตูออกไปก็ไม่พบใครยืนอยู่ตรงหน้า อริสาขยี้ตาอีกครั้งเพื่อเรียกสติตัวเองก่อนจะได้ยินเสียงเล็กเสียงหนึ่งดังมาจากด้านล่าง
“แม่ คุณตื่นสายมาก” จอมทัพบ่นเธอ ก่อนจะบอกให้เธออย่าขวางประตู “หลีกไป ลูกจะเข้าห้อง”
จอมทัพพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แม้ว่าจะเคาะประตูเรียกแม่อยู่นาน แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาโมโหเท่ากับการที่พ่อบอกให้เขาแทนตัวเองกับแม่ว่า ‘ลูก’ เหมือนอย่างที่เขาพูดกับพ่อ เพราะแต่ก่อนจอมทัพมักจะแทนตัวเองกับอริสาว่า ‘ฉัน’ เสมอ แต่จู่ ๆ กลับต้องมาพูดแบบนี้กับแม่ เขาไม่ชอบใจเลย
สติของอริสาเริ่มกลับมาครบสมบูรณ์ เธอก้มหน้าลงไปและเห็นลูกชายตัวน้อยพยายามเข็นกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดใหญ่มากกว่าตัวเองเข้ามาในห้องด้วยท่าทางทุลักทุเล แม้จะยากลำบากแต่ก็ไม่เคยคิดจะขอความช่วยเธอจากผู้หญิงตรงหน้าแม้แต่น้อย
“คุณมารอนานหรือยัง” เธอถามพร้อมกับช่วยลูกชายยกกระเป๋าเดินทางมาไว้ภายในห้อง
“นานมาก ลูกเคาะตั้งนานกว่าคุณจะมาเปิด!” เขากัดปากอย่างไม่พอใจ
“ก็ตอนนี้มันยังเช้าอยู่นี่ ปกติคุณตื่นกี่โมงกัน” อริสาถามพร้อมกับเข็นกระเป๋าเข้ามายังห้องนอนอีกห้อง ปกติจะมีสามห้องนอน สำหรับเธอหนึ่งห้อง สำหรับห้องทำงานหนึ่งห้อง ส่วนอีกห้องที่เหลือก็ให้เป็นของจอมทัพ แต่เมื่อมองไปยังเตียงก็พบว่าเตียงนี้สูงมากและคงไม่เหมาะสำหรับเด็กตัวเล็กอย่างจอมทัพ
“ตอนนี้เจ็ดโมงแล้วนะ คุณควรตื่นได้แล้ว” เขาสอนแม่เหมือนกับที่พ่อสอนเขามาอีกที ปกติเวลานี้คือเวลาทานอาหารเช้าของเขาด้วยซ้ำ
“ก็ตื่นอยู่นี่ไง”
“ลูกหิวข้าวแล้ว คุณมีอาหารเช้าอะไรให้ทานบ้าง” จอมทัพเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้เหมือนอยู่บ้านตัวเองไม่มีผิด
“แล้วปกติคุณทานอะไรเป็นอาหารเช้า ฉันจะได้ทำให้” อริสาเดินมาที่ห้องครัว แล้วเริ่มจับกระทะอีกครั้ง คิดว่าอาหารเช้าของจอมทัพก็คงเป็นอาหารธรรมดาทั่วไป
“ปกติก็จะทานซุปเห็ดทรัฟเฟิลสีดำที่ต้องมาจากฤดูหนาวด้วยนะถึงจะอร่อย ถ้ามาจากฤดูร้อนจะราคาถูกกว่าและรสชาติไม่ดีด้วย แล้วลูกก็ชอบทานคู่กับครัวซองต์ที่ต้องทำใหม่ ๆ จากเตานะถึงจะมีกลิ่นหอม ไม่ใช่ที่อบจากของเมื่อวานนะ”
มือของอริสาที่กำลังจับกระทะถึงกับต้องชะงัก สมองของเธอกำลังประมวลผลช้า ๆ
จอมทัพเห็นสีหน้ามึนงงของแม่ก็พอจะเข้าใจว่าเธอคงทำไม่ได้ เด็กชายจึงถอนหายใจเบา ๆ แล้วยกมือขึ้นมากอดอก “เมนูนี้คงจะยากไปสำหรับคุณ เอาอย่างนี้แล้วกันนะแม่ ลูกจะทานอาหารง่าย ๆ อย่างไข่เบเนดิกต์ คุณก็แค่ต้องมีไข่ดาวน้ำวางมาบนขนมปังมัฟฟิน อาจจะมีเบคอนหรือพาม่าแฮมด้วยก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องมีซอสฮอลแลนเดสนะ! ส่วนนี้สำคัญมาก ห้ามขาดเลย”
จอมทัพภูมิใจกับคำพูดของตัวเองมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาอธิบายอาหารที่ชอบให้คนอื่นฟัง แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจกับตัวเองมากขนาดไหน คุณชายอย่างเขายอดเยี่ยมมาก
“เข้าใจแล้ว คุณนั่งรอก่อน”
จอมทัพพยักหน้าอย่างชื่นชมที่แม่เข้าใจอะไรง่ายแบบนี้ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อ! แล้วลูกก็ขอน้ำแร่กับน้ำส้มที่ต้องคั้นสด ๆ ด้วยนะ”
อริสาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเริ่มทำอาหารให้เขาทันที เวลาผ่านไปไม่นานเกี๊ยวน้ำก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าของเขา จอมทัพมองหน้าแม่อย่างไม่เข้าใจแถมยังเห็นด้วยว่าน้ำส้มที่เธอนำมาให้มาจากกล่อง ไม่ได้คั้นสดด้วยซ้ำ! อีกทั้งน้ำแร่ที่ขอก็มีนมมาแทนอีกด้วย!
“ลูกไม่ได้อยากทานแบบนี้!” จอมทัพปฏิเสธเสียงแข็ง
“ต้องขอโทษด้วยที่แม่ของคุณไม่มีทั้งวัตถุดิบและเวลามาเตรียมอาหารให้คุณ นี่คือสิ่งที่ฉันทำให้คุณทานได้ในตอนนี้”
“ไม่สมเหตุสมผลเลย” จอมทัพบ่นอุบอิบพร้อมทั้งกอดหน้าอกแน่น ไม่ยอมทานอาหารที่แม่ทำให้
“อร่อยนะ คุณไม่ลองชิมหน่อยเหรอ” อริสาพูดขณะที่กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย “กลิ่นหอมมากด้วย”
“ไม่! ลูกไม่กิน!” เด็กชายพูดเสียงดัง เขาจะต้องทานไข่เบเนดิกต์หรือซุปเห็ดทรัฟเฟิลเท่านั้น
“ฉันให้เวลาคุณทานอาหารเช้ายี่สิบนาทีเท่านั้น ถ้าหากไม่ทานตอนนี้ก็รอถึงตอนเที่ยงเลยนะกว่าจะได้ทานอีกรอบ คุณแน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่หิว”
“บอกว่าไม่กินก็ไม่กินสิ ทำไมคุณพูดไม่รู้เรื่อง” จอมทัพไม่พอใจอีกครั้ง เขาอุตส่าห์รีบมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้ทานอาหารที่อยากทาน ทั้งที่แม่บ้านบอกให้เขาทานอาหารที่บ้านก่อนด้วยซ้ำ
เด็กชายนั่งมองอริสาทานเกี๊ยวน้ำจนหมด ในตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรแต่พอมองไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอยากอาหารขึ้นมา เขาอยากจะลองทานสักคำแต่เมื่อเห็นว่าแม่มองมาที่เขา มือที่กำลังจะจับช้อนก็หยุดทันที จอมทัพจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีเด็ดขาด!
เวลาผ่านไปครบยี่สิบนาที เกี๊ยวน้ำของจอมทัพก็ยังไม่ถูกแตะต้องเลยสักนิด แม้แต่น้ำส้มหรือนมก็ด้วยแต่อริสาไม่ใจอ่อน เธอเก็บทั้งสามอย่างกลับไปทันที จอมทัพไม่นึกว่าแม่จะทำแบบนี้จริง ๆ เขารีบมองตาขวางใส่เธอเพราะอยู่ที่บ้านไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเขาด้วยซ้ำ!
“ฉันบอกแล้วว่าคุณจะได้ทานอาหารอีกครั้งคือตอนเที่ยง” อริสาพูดอย่างใจเย็น แต่เมื่อมองกลับไปหาลูกชายก็พบว่าเขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นคล้ายจะไม่อยากฟังอะไรจากปากแม่ด้วยซ้ำ “ฉันจะไปอาบน้ำไม่นาน คุณอยู่ที่นี่คนเดียวได้ไหม”
“คุณอยากทำอะไรก็เชิญ ลูกดูแลตัวเองได้” จอมทัพไม่สนใจ เขาใช้ขาสั้น ๆ คู่นั้นกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วเดินไปเปิดทีวีดูอย่างสบายใจ
อริสายืนมองอยู่สักพักและเห็นว่าเด็กชายอยู่นิ่งจริงอย่างที่พูด เธอจึงเดินกลับไปที่ห้องเพื่อที่จะรีบอาบน้ำแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็มีคนโทรเข้ามาเสียก่อน เมื่อมองไปที่หน้าจอก็พบว่าเป็นอดีตสามีอย่างไอศูรย์นั่นเอง
“คุณควรจะโทรมาบอกกันก่อนที่จอมทัพจะมาสิ แล้วนี่ทำไมเขาถึงมาเช้าขนาดนี้” อริสารีบพูดทันที
“เช้าที่ไหนกัน เขาไปถึงที่นั่นช่วงเจ็ดโมงไม่ใช่หรือไง” ไอศูรย์ปฏิเสธข้อกล่าวหา
“ก็นี่แหละที่เรียกว่าเช้า”
“ดูเหมือนว่ามาตรฐานของพวกเราจะไม่เหมือนกันนะ”
อริสาไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับอดีตสามี เธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถสู้เขาได้ “แล้วคุณโทรมามีธุระอะไร”
“ผมแค่อยากจะโทรมาเช็กว่าตอนนี้จอมทัพเป็นยังไงบ้าง”
“นี่พึ่งผ่านมาแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะ คุณไม่ไว้ใจฉันกับจอมทัพหรือไงกัน”
“ก็ประมาณนั้น”
อริสาพูดไม่ออก ถ้าเขาไม่ไว้ใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็พอจะเข้าใจได้แต่นี่กลับไม่ไว้ใจทั้งสองคน และปล่อยให้แม่ลูกคู่นี้มาอยู่ด้วยกันเนี่ยนะ
นี่รวยจนสมองกลับแล้วงั้นเหรอ…
“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะโทรหาคุณเอง ไม่ต้องห่วง”
“ดูแลเขาให้ดี” ไอศูรย์ไม่ได้สนใจ เขากดวางสายไปทันทีหลังพูดจบ
อริสาไม่อยากจะสนใจชายคนนี้ เธอรีบอาบน้ำทันทีและขณะที่กำลังจะเดินออกมาจากห้องก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากห้องนั่งเล่น จึงรีบเดินไปหาจอมทัพทันทีแล้วเห็นว่าเขาทำแจกันที่วางอยู่ตกแตกเป็นเสี่ยง ๆ
อริสามองด้วยความเสียดายและเสียใจเพราะพึ่งซื้อแจกันนี้มาเมื่อวาน และราคาก็ไม่ใช่น้อย ๆ
“มันตกลงมาแตกเองนะ ลูกไม่ได้ทำ!” จอมทัพรีบปฏิเสธ เขาแค่อยากจะเดินสำรวจรอบ ๆ ห้องเท่านั้น แต่มือเจ้ากรรมดันไปสะกิดแจกันนั้นเข้าโดยไม่ตั้งใจ ทั้งที่ไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำแต่มันกลับกลิ้งลงมาตกแตกต่อหน้าต่อตาเขา
“อย่าขยับ!” เธอตะโกนลั่น เห็นว่าลูกชายจะขยับตัวอริสาก็รีบเดินเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วและรีบอุ้มจอมทัพทันที กลัวว่าหากเขาขยับแล้วจะโดนเศษแก้วบาดเท้าเข้า “คุณไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”
“ลูกไม่เจ็บ” จอมทัพก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาไม่เคยถูกแม่ตะโกนใส่แบบนี้มาก่อนจึงทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งยังถูกเธอหมุนและพลิกตัวไปมาด้วย
“ดีแล้ว คุณนั่งรอที่นี่ อย่าเดินไปแถวนั้นเด็ดขาด” แล้วเธอก็เดินมาเก็บกวาดเศษแก้วเหล่านั้นอยู่นานจนแน่ใจแล้วว่าไม่หลงเหลืออะไร อริสามองไปยังเงินของเธอที่ถูกทิ้งลงไปในถังขยะ แต่นั่นยังไม่เจ็บปวดเท่ากับการที่รู้ว่านี่คือแจกันใบสุดท้ายที่ร้านนั้นมีแล้ว
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแล้วส่งให้กับไอศูรย์ ‘ลูกชายของคุณทำสิ่งนี้ เขาไม่เป็นอะไร’
อริสาเดินกลับมาหาจอมทัพอีกครั้งและเห็นว่าเขากำลังทำหน้าไม่พอใจ เมื่อสบตากับแม่จึงรีบพูด “มันตกลงมาเองนะ!”
“คุณติดหนี้ฉันอยู่ แจกันใบนี้ซื้อมาในราคาสองพันบาทและพึ่งถูกใช้เมื่อวานนี้เอง แต่ถึงต่อให้แจกันจะไม่ใช่อาคาร รถ หรือที่ดินแต่ฉันจะคำนวณค่าเสื่อมราคาให้ด้วย ส่วนมากทุกปีจะมีค่าเสื่อมราคาอยู่ประมาณห้าเปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินและด้วยความที่คุณเป็นลูกชายของฉัน ฉันจะไม่นำเงินเฟ้อมาคิดคำนวณและไม่มีดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณจะติดหนี้ฉันอยู่หนึ่งพันเก้าร้อยบาท คุณคิดว่าคุณจะสามารถจ่ายคืนให้ฉันได้ตอนไหน” อริสาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จอมทัพไม่เข้าใจทุกคำพูดของแม่เลยสักนิด อยู่ ๆ เธอก็เดินเข้ามาพูดอะไรก็ไม่รู้ แม้อยากจะโต้กลับแต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจริง ๆ ค่าเสื่อมราคาคืออะไร เปอร์เซ็นต์คืออะไร เงินเฟ้อและดอกเบี้ยคืออะไร สิ่งเหล่านี้เขาไม่เคยได้ยินเลยสักคำ
“เอาเป็นว่าตอนนี้คุณติดหนี้ฉันอยู่หนึ่งพันเก้าร้อยบาท คุณรู้ใช่ไหมว่าหนึ่งพันเก้าร้อยมีเลขศูนย์กี่ตัว” อริสาถามเมื่อเห็นสีหน้าลูกชายมึนงง
“รู้สิ! มีเลขศูนย์สองตัว แล้วก็มีเลขหนึ่งกับเก้าด้วย!” จอมทัพรีบพูด ในที่สุดเขาก็เข้าใจเสียที
“เก่งมาก แล้วคุณจะคืนฉันได้ตอนไหน”
“ก็ ก็แบบว่าตอนไหนล่ะ” จอมทัพพูดตะกุกตะกัก เขาไม่มีเงินติดตัวเลยด้วยซ้ำ “พรุ่งนี้ลูกจะบอกพ่อให้เอาเงินมาคืนคุณเอง คุณไม่ต้องห่วงหรอกกับเงินแค่นี้!”
“ก็ดี”