ตอนที่ 4 สามีและเมียน้อย
ตอนที่ 4
ตลอดระยะเวลาสามวัน ที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก แก้วตาหรือเสวี่ยฉิงซวี่ พยายามรื้อฟื้นความทรงจำของเจ้าของร่างให้ได้มากที่สุด แต่ภาพที่เห็นกลับขาด ๆ หาย ๆ ไม่ปะติดปะต่อ จึงทำให้ไม่สามารถตอบคำถามที่เกิดขึ้นภายในใจได้ว่า เจ้าของร่างกายนี้วางยาฮูหยินรองของสามีจริงหรือไม่
ยิ่งพยายามรื้อฟื้นมากเท่าใด ศีรษะของหญิงสาวยิ่งบีบรัดเข้าหากัน จนเกิดอาการปวดทรมานไปหมดทั้งศีรษะ
“โอ๊ย...ไม่คิดมันแล้ว ร่างนี้จะเป็นใครก็ช่าง เป็นคนดีหรือคนเลว แต่ในเมื่อตอนนี้กลายมาเป็นร่างของฉันแล้ว ก็ขอใช้ชีวิตตามแบบของตัวเองแล้วกัน”
หญิงสาวโพล่งออกมา สองมือยกขึ้นกุมขมับ หวังบรรเทาอาการปวดลงไปได้บ้าง
เมื่อหยุดบีบเคล้นใช้ความคิดอย่างหนัก อาการปวดศีรษะก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง จนในที่สุดก็กลับสู่สภาวะปกติ ทำให้หญิงสาวกลับมาหายใจหายคอได้โล่งขึ้น
...ค่อยยังชั่ว...
ระหว่างนั้น ภายในสถานที่คุมขังนักโทษ ชายหญิงคู่หนึ่ง ยื่นถุงเงินให้ผู้คุมสองคน หลังจากได้เงินแล้ว ผู้คุมหนึ่งในนั้น ก็เดินนำชายหญิงทั้งสอง เข้ามาภายใน เดินผ่านห้องขังห้องแล้วห้องเล่า จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องที่เสวี่ยซื่อถูกคุมขังอยู่
“ตายจริง ฮูหยินใหญ่อยู่ในนั้นคงลำบากมากสินะเจ้าคะ ท่านพี่หาทางช่วยพี่หญิงออกมาเถอะ น้องไม่เป็นอันใดแล้ว”
เสียงหวานหันไปออดอ้อนผู้ที่เป็นสามี ใบหน้างามหวานละมุน แสดงออกว่าห่วงใย สตรีที่อยู่ในชุดนักโทษมากเพียงใด
“ชิวเอ๋อร์ของพี่ นางคิดฆ่าน้องขนาดนี้ ยังจะเป็นห่วงนางอีกหรือ”
ชายหนุ่มที่โอบประคองเอวคอดกิ่วเอาไว้ตลอดเวลา ราวกับกลัวว่าหญิงสาวร่างบอบบางผู้นี้จะยืนด้วยตนเองไม่ได้อย่างนั้นแหละ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็นุ่มนวลอ่อนหวาน
“แต่น้องก็ไม่เป็นอะไรแล้วนะเจ้าคะ แค่ยังเวียนหัวอยู่นิดหน่อย” นิ้วมือเรียวงามถูกยกขึ้นมากุมศีรษะ
“เวียนหัวหรือ เห็นไหมพี่บอกแล้วไม่ต้องมา น้องก็ยังดื้อรั้นจะมา” สีหน้าบ่งบอกว่าห่วงใยคนในวงแขนมากแค่ไหน
“น้องอยากมาดูให้เห็นกับตา ว่าฮูหยินใหญ่อยู่ในคุกลำบากแค่ไหน...น้องหมายความว่า จะได้หาหนทางช่วยเหลือเจ้าค่ะ”
แก้วตาในร่างเสวี่ยฉิงซวี่นั่งมองชายหญิงแปลกหน้า ยืนพูดคุยกันอยู่หน้าห้องขังของตัวเองตาปริบ ๆ ตอนแรกก็ยังคงสงสัย ว่าคนทั้งสองเป็นผู้ใด เกี่ยวข้องกับเจ้าของร่างหรือไม่ แต่พอลองจับต้นชนปลาย จากประโยคที่ทั้งสองพูดคุยกัน เธอก็พอจะเดาได้แล้วว่า ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคงจะเป็นสามีของเจ้าของร่าง ส่วนหญิงสาวอีกคนคงจะเป็นฮูหยินรอง หรือหากเป็นสมัยปัจจุบัน ก็จะถูกเรียกว่าพวกเมียน้อย เพราะมาทีหลังเมียเอก
“จะช่วยเหลือทำไม นางมารร้ายอย่างนาง ควรจะถูกแขวนคอด้วยซ้ำ”
‘หลี่ป๋อเหวิน’ ส่งสายตาชิงชังหันมามอง อดีตผู้หญิงที่เขาเคยหลงใหลในความงดงามอันไม่เป็นสองรองใคร จนยอมทำทุกอย่าง เพื่อที่จะได้สาวงามมาครอง
จนกระทั่งเขาได้มาเจอ สตรีที่มีความงดงาม แม้จะน้อยกว่าสาวงามคนแรก แต่สิ่งที่เหนือกว่า คือ เด็กกว่า เอาใจก็เก่ง ออดอ้อน และที่สำคัญ ลีลาบนเตียงทำให้เขาติดอกติดใจ มาจนถึงทุกวันนี้
แม้ความรักในตัวฉิงซวี่จะลดน้อยลงไปมาก เขาก็ไม่คิดจะปล่อยหญิงสาวให้ออกไปจากชีวิต เพราะชายหนุ่มทั่วเมืองหลวงที่เคยอิจฉาว่าเขาได้ครอบครองสาวงาม คิดจะเข้ามารอคิวต่อแถว หากเขาปล่อยนางให้หลุดรอดไป
จนเกิดเรื่องขึ้น ฮูหยินรองที่เขารักมากถูกวางยา และหลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่าฉิงซวี่เป็นผู้บงการ ความเคียดแค้นชิงชัง จึงทำให้เขาไม่คิดเก็บสาวงามเช่นนางไว้ประดับบารมีอีก
แก้วตาไม่ชอบใจสายตาของชายผู้นี้เลย ต่อให้หล่อเหลาไม่แพ้พระเอกในซีรีส์จีนที่เธอชอบ แต่มาใช้สายตาแสดงออกว่ารังเกียจ ขยะแขยงชิงชังอย่างชัดเจนแบบนี้ เธอก็ไม่คิดจะเอามาทำพันธุ์อีกเช่นกัน
“ตายจริง ถึงขั้นต้องถูกแขวนคอเลยหรือเจ้าคะ น้องสงสารฮูหยินเอกเสียจริง ท่านพี่ต้องหาทางช่วยให้ได้นะเจ้าคะ”
‘จางฮุ่ยชิว’ ยกมือขึ้นมาทาบอก แม้วาจาจะบอกว่าสงสารภรรยาอีกคนของสามี แต่แววตากลับแสดงออกตรงข้ามกับสิ่งที่พูด
นี้ก็อีกคน แก้วตาเหลือกตามองบน ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย มันก็ต้องมีผู้หญิงประเภททำตัวนุ่มนิ่มอ่อนหวาน เสแสร้งทำตัวน่าทะนุถนอม แต่ภายในกลับเน่าเฟะ แฝงความชั่วร้ายเอาไว้...น่าเบื่อ ที่จะต้องรับมือกับคนประเภทนี้
“นี้พวกคุณสองคน ถ้าไม่มีธุระอะไรจะพูดกับฉันไม่สิพูดกับข้า ก็พากันไสหัวกลับไปเถอะ รำคาญ” หญิงสาวจากยุคปัจจุบัน จึงเอ่ยปากตามความรู้สึกที่แท้จริง
“จะตายแล้วยังจะปากดีอีกหรือ”
ตอนแรกป๋อเหวินกับฮุ่ยชิวก็พากันชะงักค้าง ไม่คาดคิด ว่าสตรีเรียบร้อยตามแบบฉบับคุณหนูในห้องหอ จะกล่าววาจาเช่นนั้นออกมา พอตั้งสติกันได้ ป๋อเหวินถึงตะคอกสวนกลับไป
“ทำไมถึงมั่นใจว่าข้าจะตาย ไม่คิดบ้างหรือ ว่าข้าอาจจะถูกใส่ร้าย หรือว่าใจจริงแล้วพวกเจ้าก็อยากจะกำจัดข้าออกไปให้พ้น”
หญิงสาวจากยุคปัจจุบันลุกขึ้นยืนหลังตรง ใบหน้างามเชิดหน้าอย่างถือดี ไม่รู้ละ ไม่ว่าเจ้าของร่างนี้จะทำความผิดจริงหรือไม่ ก็ได้ตายไปแล้ว ส่วนตัวนางที่ได้มาเป็นเจ้าของร่างต่อ ย่อมถือว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหา
“ใครจะใส่ร้ายเจ้า”
ป๋อเหวินไม่เชื่อว่า ในจวนของเขาจะมีใครกล้าทำเรื่องเช่นนั้น และไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนที่ฟังความข้างเดียว
“ก็ผู้หญิงที่ท่านกำลังประคองกอดอยู่นั้นไง คิดดูสิ หากกำจัดข้าไปได้ ใครจะเป็นผู้ที่ได้ผลประโยชน์” แม้ไม่รู้เรื่องราวดีเท่าไร แก้วตาหรือฉิงซวี่ก็กล่าวขึ้นมาได้เป็นฉาก ๆ
คุณชายหลี่หลุบตาลงมองใบหน้าหวาน ที่กำลังส่ายหน้าปฏิเสธในคำกล่าวหาของหญิงสาวในชุดนักโทษ ก่อนจะช้อนสายตากลับไปจ้องใบหน้าโทรมของคนในคุกอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่มีวัน ข้าไม่เชื่อว่าชิวเอ๋อร์จะเป็นคนเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมานางทำดีกับเจ้ามาตลอด มีแต่เจ้าที่คิดอิจฉาริษยานาง” ป๋อเหวินยืนกรานหนักแน่น
“น้องขอบพระคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ ที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของน้อง น้องคงไม่บ้าวางยาตัวเอง จนเกือบตายเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”
หยดน้ำใสเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่งาม ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริก สองมือยกขึ้นพนมลงบนอกของสามี
“เสแสร้งเก่งเสียจริง ช่างเหมาะสมกันอย่างกับผีเน่าโลงผุ”
ความจริงแก้วตาอยากจะด่าสาวงามที่ทำตัวเป็นแม่ดอกบัวขาวว่า...ตอแหล...แต่กลัวว่าจะไม่เป็นที่เข้าใจ จึงเลี่ยงมาใช้คำนี้แทน
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
ป๋อเหวินโกรธจนตัวสั่น ที่อีกฝ่ายหยามเกียรตินางอันเป็นที่รักมากขนาดนี้ เห็นทีการถูกขังอยู่ในคุก คงทำอะไรสตรีร้ายกาจเช่นนี้ไม่ได้ เขาหันไปยื่นถุงเงินอีกถุงให้ผู้คุม
ผู้คุมพยักหน้ารับเงินเก็บเข้ากระเป๋าของตนเอง ก่อนจะล้วงกุญแจขึ้นมาไขเปิดประตูคุก ให้คนนอกเข้าไป
แก้วตาในร่างฉิงซวี่เห็นเช่นนั้น รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาดีแน่ จึงเตรียมตัวรับมือ พออีกฝ่ายย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ฝ่าเท้าของหญิงสาว จึงยันออกไปด้านหน้า ปะทะเข้ากับหน้าท้องของชายหนุ่ม จนอีกฝ่ายหงายหลังล้มก้นกระแทกพื้น
“ท่านพี่” ฮุ่ยชิวอุทานออกมา พร้อมกับถลาเข้ามาในห้องขัง ช่วยประคองสามีที่ถูกถีบล้ม ให้ลุกขึ้นมายืนได้สำเร็จ...