บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 บุตรสาวของข้าแท้จริงคือนางร้าย...[1/2]

บทที่ 4

บุตรสาวของข้าแท้จริงคือนางร้าย...[1/2]

ภายในห้องนอนอันทรุดโทรมแสงแดดอ่อนยามบ่ายส่องลอดช่องหน้าต่างไม้เก่าเข้ามา บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของเด็กน้อยบนเตียงพร้อมกลิ่นหอมของยาต้มที่คละคลุ้งไปทั่ว

จ้าวหว่านชิงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงดวงตาไม่ละไปจากร่างเล็กที่เพิ่งได้รับการรักษา ตลอดทั้งคืนหญิงสาวไม่กล้าหลบตานอนราวกับกลัวว่าหากเผลอหลับไปเพียงชั่วขณะอาการป่วยของเด็กน้อยตรงหน้าอาจจะกำเริบขึ้นมา

นางทำใจไว้แล้วว่าหากยามที่เด็กน้อยลืมตาตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่อีกฝ่ายจะแสดงออกอาจเป็นความหวาดกลัวหรือความเกลียดชังเพราะแผลในใจที่ร่างเดิมได้ฝากเอาไว้ไม่มีทางลบเลือนได้ง่าย ๆ

แต่ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่จ้าวหว่านชิงคิด...

ไม่นานนักขนตาที่เรียงตัวเป็นแพของซูเหยากะพริบเล็กน้อย เด็กหญิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแววตาหม่นหมองพร่าเลือน จ้าวหว่านชิงที่เห็นเช่นนี้ก็รีบเข้าไปหาเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วง

“เด็กน้อยเจ้าฟื้นแล้ว....”

“จ้าวหว่านหนิง?”

เมื่อภาพแรกที่มองเห็นคือใบหน้าของจ้าวหว่านชิงเด็กน้อยก็เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจก่อนจะกวาดสายตามองรอบกายราวกับต้องการตรวจสอบบางอย่าง จากนั้นซูเหยาก็ก้มลงมองร่างกายของตนเองพลางพึมพำบางอย่างแผ่วเบาทว่าจ้าวหว่านชิงที่ตั้งใจฟังกลับไม่อาจจับถ้อยคำได้

“เด็กน้อยเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

เมื่อเห็นท่าทางแปลกของซูเหยาจ้าวหว่านชิงจึงเอ่ยถามเด็กน้อยวัยแปดขวบตรงหน้าอย่างร้อนรน ใบหน้าสวยและแววตาของนางแสดงออกถึงความเป็นห่วงและความกังวลอย่างชัดเจน

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?”

หัวใจของจ้าวหว่านชิงเต้นสะดุดไปชั่วขณะเมื่อได้ฟังคำถามของเด็กน้อยตรงหน้า นางรีบข่มอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวทว่าสีหน้ากลับกลายเป็นหม่นหมองก่อนเอ่ยตอบด้วยเสียงแผ่วเบา

“เจ้าถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนมาหลายวัน…ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วเลยล้มป่วยลง”

นางกำมือแน่นความรู้สึกผิดจากการกระทำของร่างเดิมบีบคั้นจนหายใจติดขัด จ้าวหว่านชิงคิดเสมอว่าซูเหยาจะต้องโกรธอาจจะร้องไห้ฟูมฟายหรือด่าทอนาง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาแห่งความประหลาดใจที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะเข้าใจ

ซูเหยาเพียงจ้องมองอยู่อย่างนั้นแววตาคล้ายกำลังวิเคราะห์สิ่งใดบางอย่างก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

โครกกก

เสียงท้องร้องเบา ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันในห้องนอนทำเอาซูเหยาที่พึมพำอะไรกับตนเองอยู่เมื่อครู่ชะงักไปทันที ใบหน้าที่เรียบนิ่งมีสีแดงจาง ๆ แตะขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ทำให้จ้าวหว่านชิงที่นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ รีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เจ้าอย่าขยับนะ ร่างกายยังอ่อนแรง ข้าจะไปเอาโจ๊กมาให้”

ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบนางก็รีบลุกขึ้นก้าวฉับ ๆ ไปยังห้องครัวตักโจ๊กหอมกรุ่นที่ต้มไว้ตั้งแต่เช้าขึ้นมาหนึ่งชาม กลิ่นหอมของข้าวต้มผสมขิงลอยอบอวลชวนให้อบอุ่นหัวใจพอถือกลับมาถึงห้องนอนนางก็คุกเข่าวางชามโจ๊กลงตรงหน้าเด็กหญิงด้วยท่าทีระมัดระวัง

“โจ๊กยังร้อนอยู่ค่อย ๆ กินนะ”

ซูเหยามองชามโจ๊กสลับกับมองจ้าวหว่านชิงดวงตากลมโตสะท้อนความลังเลและประหลาดใจ แต่เมื่อความหิวครอบงำสุดท้ายนางก็ยื่นมือเล็ก ๆ ที่สั่นเทาหยิบช้อนขึ้นมา ทว่าพอพยายามจะตักโจ๊กกลับไม่อาจทำได้มือเล็กไร้เรี่ยวแรงจนแทบถือช้อนไม่อยู่

กึก!

เสียงช้อนกระทบกับขอบชามดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้อง เด็กหญิงกัดริมฝีปากแน่นสีหน้าฝืนกล้ำกลืนความอ่อนแอเอาไว้ จ้าวหว่านชิงที่เห็นเช่นนั้นก็เอื้อมมาคว้าชามไว้ในมือพลางพูดเสียงนุ่ม

“พอเถอะ...เดี๋ยวข้าป้อนเจ้าเอง”

นางตักโจ๊กขึ้นมาเป่าเบา ๆ จนควันขาวคลายจางก่อนจะยื่นช้อนให้เด็กหญิงตรงหน้า ซูเหยาชะงักเล็กน้อยดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจแต่เมื่อสบกับสายตาที่อบอุ่นอ่อนโยนนางก็ยอมอ้าปากรับคำโจ๊กช้า ๆ

โจ๊กคำแล้วคำเล่าถูกป้อนจนหมดชาม บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความสงบอ่อนโยนราวกับผืนผ้าอุ่นคลุมกายทั้งที่ไม่มีถ้อยคำใดมากมายแต่กลับทำให้หัวใจของทั้งสองคนค่อย ๆ คลายเกร็งลงทีละน้อย

“เจ้านอนพักผ่อนอีกหน่อยนะ...ข้าจะไปต้มยาให้เจ้า”

ซูเหยาเงยหน้ามองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเงียบ ๆ สายตาที่เคยแข็งกร้าวและระแวงเมื่อครู่พลันอ่อนลงเล็กน้อยขณะมองตามแผ่นหลังของจ้าวหว่านชิงที่เดินออกจากห้องไป

ภายในห้องครัวยามนี้มีเสียงไฟก่อกองเล็ก ๆ ใต้เตายังคงดังเปรี๊ยะ ๆ กลิ่นสมุนไพรขมเฝื่อนคละคลุ้งไปทั่วครัวเก่า จ้าวหว่านชิงยืนเฝ้าหม้อดินดวงตาเหม่อมองยาที่ค่อย ๆ เดือดพล่านแต่ใจกลับไม่ได้อยู่กับหม้อต้มยาเบื้องหน้า

หญิงสาวกำลังครุ่นคิดวิเคราะห์สถานการณ์ของตนเอง ตอนนี้นางคือตัวประกอบในนิยายที่ถูกสามีทอดทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย ส่วนฐานะครอบครัวไม่ถึงกับลำบากจนปากกัดตีนถีบแต่ก็ไม่ได้มั่งมีถึงกลับใช้จ่ายอย่างสบายใจได้ ทั้งจ้าวหว่านชิงยังเป็นคนว่างงานไร้ที่ดินทำการเกษตรหากยังเป็นเช่นนี้อีกไม่กี่ปีเงินเก็บในบ้านคงหมดและนางคงได้กลายเป็นขอทานเร่ร่อนเป็นแน่

“เฮ้อ...ส่วนสามีที่ควรจะเป็นที่พึ่งพิงก็...”

ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ จ้าวหว่านชิงไม่ต้องการสามีที่ไร้ความรับผิดชอบอีกต่อไป การหย่าขาดคือทางเดียวที่นางเลือกได้และที่สำคัญนางจะไม่ทอดทิ้งซูเหยา เด็กคนนั้นไม่ควรกลับไปอยู่กับญาติฝั่งสามีที่เห็นแก่ตัวเพราะหากปล่อยไปชีวิตของเด็กหญิงต้องพบเจอแต่สิ่งเลวร้ายแน่นอน

“ถ้าเกิดมาเป็นตัวประกอบที่ร่ำรวยก็คงดี....” จ้าวหว่านชิงกัดฟันแน่นพลันนึกถึงหญิงสาวในชุดขาวที่เป็นผู้ส่งนางมาเกิดใหม่ในร่างนี้

“ยัยคนผิดคำพูด! ไหนรับปากว่าจะให้ข้าได้เกิดมาในร่างตัวประกอบที่ร่ำรวยสุขสบายแล้วเหตุใดถึงเป็นแบบนี้!”

ติ้ง!

[ มีบุคคลต้องการเชื่อมต่อกับท่านต้องการยอมรับหรือไม่?]

ทว่าสิ้นคำพูดของหญิงสาวจู่ ๆ หน้าต่างระบบที่โปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพร้อมข้อความ คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากัน จ้าวหว่านชิงกัดริมฝีปากลังเลไปครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็คว้ามือขึ้นมากดปุ่ม ‘ยอมรับ’

เพียงชั่วพริบตาหน้าต่างระบบก็เปลี่ยนรูปแบบเป็นจอภาพวิดีโอโปร่งใส ภายในนั้นคือใบหน้าที่คุ้นเคยของผู้หญิงในชุดขาวที่ยืนยิ้มพลางโบกมือทักทายเหมือนทุกอย่างเป็นน่ายินดี

“เจ้า!” จ้าวหว่านชิงแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจจนแทบจะพุ่งออกมาเป็นเพลิงโทสะทันทีที่พบหน้าอีกฝ่ายผ่านหน้าจอของระบบ

“โอ้…ไป๋เสวี่ยหรงเจ้าดูแข็งแรงดีนี่นา...ฮ่าฮ่า”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel