บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 หน้าตาน่าเกลียด

ดวงตาคู่นั้นของสวี่อันอันนั้นเบิกตาโต ลู่จิ้นเหยียนคิดว่าที่เธอทำเช่นนี้ เพราะอยากให้เขารู้สึกดีกับเธอ เพื่อจะไปพูดเรื่องดีๆของเธอกับซูจิ่งเฉิงงั้นหรือ?

“ฉันเปล่านะ! ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆ” มือน้อยของสวี่อันอันก็กำแน่นขึ้นอย่างตื่นเต้น เธอกวาดสายตาลงไปแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ได้ชอบซูจิ่งเฉิงด้วย”  

เกิดใหม่ในชาตินี้ ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลสวี่ หรือว่าซูจิ่งเฉิง  

เธอจะไม่เป็นคนประจบสอพลอคนนั้นอีก

พูดจบ สวี่อันอันก็หันกลับไปทันที

ลู่จิ่งเหยียนมองดูเงาด้านหลังที่เดินออกไป เขาขมวดคิ้วขึ้น สายตานั้นดูลึกล้ำขึ้นไปอีก

วันที่ออกจากโรงพยาบาล หน้าประตูโรงพยาบาลมีรถซีดานคันหนึ่งจอดอยู่ เป็นรถที่ตระกูลสวี่ใช้มารับสวี่ฉาฉา 

สวี่จื่อเจี้ยนเปิดประตูให้สวี่ฉาฉาด้วยท่าทีสุภาพบุรุษเป็นอย่างมาก สวี่จื่อฉินเดินตามมาจากด้านหลัง ช่วยเธอถือของอีนุงตุงนัง ทั้งสามคนคุยกันอย่างออกรสชาติแล้วเดินขึ้นรถไป

รถคันนั้นได้แล่นออกไป เหมือนไม่มีใครสนใจว่ายังมีสวี่อันอันอีกคน

สวี่อันอันยิ้มขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร

เพียงแต่ว่าอยากจะหนีออกจากบ้านนั้นออกไปทันที ถึงแม้ตระกูลสวี่นั้นจะมีเงิน แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิด

ในสายตาของพวกเขา เธอเป็นเพียงคนขี้เหร่ที่ออกงานไม่ได้

ตระกูลสวี่มีตึกที่เป็นบ้านเดี่ยวสามชั้น การตกแต่งก็ดูสวยงามเป็นอย่างมาก และเป็นคฤหาสน์ที่วิวดีที่สุดอีกด้วย

ในปีนั้นสวี่กั๋วจื้อได้ลาออกจากงานราชการ มาเป็นนักธุรกิจ

ไม่พูดถึงไม่ได้ งานด้านธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลายปีมานี้เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับชุดยูนิฟอร์มบริษัท ทำให้เขาทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ทำให้เขาเป็นที่อิจฉาของคนในเมืองเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาการทำงาน ในหมู่บ้านมีคนลุงหลายคนออกมารับแสงแดดอยู่ด้านนอก และยังมีคุณป้าๆหลายคนนั่งดื่มชาอยู่ในสวน

เมื่อมองเห็นสวี่อันอันที่สะพายกระเป๋ากลับมาเอง พวกเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่นัก เหมือนจะเห็นจนชินไปแล้ว

ก็ยังเป็นเฉกเช่นเมื่อก่อน ที่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยคำปลอบโยนอย่างประหลาดใจ 

“อันอัน ทำไมกลับมาเองละ? พี่เจี้ยนกับพี่เยี่ยนขับรถหรูออกไปแต่เช้ารับพี่สาวเธอกลับมาแล้ว ทำไมไม่รับเธอกลับมาด้วยละ?”

เมื่อพูดว่าขับรถหรู สายตาของป้าหลินก็แสดงความอิจฉาขึ้นมา ความร่ำรวยและอำนาจของตระกูลสวี่เป็นที่ยอมรับกันในเมืองแห่งนี้ 

ในเขตเมืองนี้ไม่มีใครที่ไม่อิจฉาตระกูลสวี่

ในแถบนี้ ป้าหลินได้ชื่อว่าเป็นคนที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นเป็นอย่างมาก เป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้ดี

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซุบซิบอะไรของบ้านใคร บ้านไหนทะเลาะกันหรือแม้แต่ผู้ชายบ้านไหนออกไปมีชู้ เธอจะรู้ไปหมดทุกเรื่อง 

คุณป้าหลินคนนี้ก็เหมือนจะ “เป็นห่วง” เรื่องในบ้านของเธอเช่นนั้น

ถ้าเป็นเมื่อก่อน สวี่อันอันต้องช่วยปกป้องคนในบ้าน จะต้องพูดว่าตนเองนั้นเมารถ ถ้าขึ้นรถก็จะอ้วกไม่หยุด วิธีเดินกลับน่าจะดีกว่า

แต่ครั้งนี้ สวี่อันอันจะไม่ปกปิดอีกต่อไป ไม่อยากจะทำดีต่อคนของตระกูลสวี่ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกหกอีกต่อไป

“หนูก็อยากนั่งรถกลับมาเหมือนกัน แต่พี่สาวรังเกียจว่าฉันสกปรก เลยไม่ให้หนูขึ้นรถ หนูจะทำยังไงได้? คุณป้า พวกป้าน่าจะไม่รู้ว่าที่นอนของหนูในบ้านนั้นเป็นห้องเก็บของ เข้าไปก็เหม็นกลิ่นสาบ หน้าร้อนแบบนี้ ยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่ ”

“สวี่อันอันพูดแล้วก็น้ำตาคลอเบ้า เธอสูดจมูกสะอื้นพร้อมกับพูดขึ้นอีกว่า “หนูทานข้าวบนโต๊ะไม่ได้นะคะ ต้องรอให้พี่สาวทานเสร็จแล้วหนูถึงจะได้ทาน เสื้อผ้าที่หนูสวมใส่ ก็เก็บเสื้อผ้าของพี่สาวที่ไม่ใช้แล้ว แล้วยังมีกระเป๋าใบนี้ที่พี่ไม่เอาแล้ว ถึงได้เอามาให้หนู”

ป้าๆทั้งหลายเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจขึ้นมา ต่างก็รู้สึกสงสารสวี่อันอันเป็นอย่างมาก  

ตระกูลมีเงินถึงเพียงนี้ แต่กลับตระหนี่ถึงเพียงนี้ ถึงได้เลี้ยงลูกสาวเหมือนคนใช้เช่นนี้ แต่กลับเอาลูกเลี้ยงเลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆ นี่ถือเป็นการข่มเหงกันเกินไปแล้ว

สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมาว่าดีกับลูกสาวนั้น เป็นเรื่องเสแสร้งทั้งสิ้น ประคบประหงมลูกเลี้ยงเหมือนเพชรพลอย เลี้ยงลูกในไส้เหมือนเพียงต้นหญ้า มีเพียงตระกูลสวี่เท่านั้นที่จะทำอย่างนี้ได้

“เด็กดี ไม่ต้องร้องแล้ว ดูสิคนบ้านนี้ทำเรื่องอะไรกัน? ถ้าฉันมีหลานสาวที่ดีถึงเพียงนี้ ฉันต้องรักดั่งแก้วในดวงใจ ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ เฮ้อ~”

“ปกติพวกเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคนดี ที่แท้ก็เสแสร้งทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าตระกูลที่มีเงินมากมายขนาดนั้น กลับขี้เหนียวกับลูกสาวแท้ๆถึงเพียงนี้ มันก็ทำกันเกินไป!”

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของพวกป้าๆ สายตาสวี่อันอันก็แสดงความพึงพอใจขึ้นมา นี่แหละเป็นสิ่งที่เธอต้องการ

คิดว่าอีกเพียงไม่กี่วัน เรื่องนี้ต้องแพร่ไปทั่วแถบนี้อย่างแน่นอน ดูสิว่าพวกเขาจะแสร้งทำอะไรต่อไปได้อีก

“คุณป้าๆค่ะ หนูคุยกับพวกป้าต่อไม่ได้แล้ว หนูต้องรีบกลับไปทำอาหารก่อน ถ้ากลับไปช้า จะถูกคุณพ่อคุณแม่และพวกพี่ๆด่าได้ค่ะ”

คำพูดของเธอไม่เกินจริง เสน่ห์ปลายจวักของสวี่อันอันนั้น ทุกคนในบ้านต่างก็ยอมรับในฝีมือของเธอ

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เพียงแต่ต้องไปโรงเรียน เธอยังต้องทำอาหารทั้งสามมื้อไว้

เพียงเพราะเหตุผลว่าสวี่ฉาฉาไม่ทานอาหารที่แม่บ้านทำทำให้เธอนั้นต้องนานช้ากว่าสุนัข และต้องตื่นเช้ากว่าไก่ เพื่อจะปรนนิบัติอาหารการกินของทุกคนในบ้าน แต่ตอนนี้เธอคิดจะไม่ทำเช่นนั้นต่อไปแล้ว

ป้าหลันเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “บ้านตระกูลสวี่มีแม่บ้านไม่ใช่หรือ ทำไมยังเป็นเธอที่ต้องทำอาหารละ?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel