บทที่ 3 ไม่ต้องทำดีกับฉัน
สวี่กั๋วจื้ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น “สวี่อันอัน ท่าทีอะไรของเธอ?”
สวี่อันอันนิ่งไปแล้วยิ้มขึ้น “ท่าทีของหนูยังไม่ดีพอหรือคะ? คุณกั๋วจื่อ”
สีหน้าของฟางหงหลันดูไม่พอใจ พูดตำหนิขึ้น “อันอัน นั่นคือพ่อแกนะ ทำไมถึงพูดเช่นนี้กับเขา”
พี่สามสวี่จื่อฉินพูดประชดขึ้น “ทำไม? สวี่อันอัน เธอทำนิสัยคุณหนูอีกแล้วนะ ดูนิสัยตัวเองซะบ้างสิ แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่เชื่อฟังแล้ว ถ้าเธอออกจากบ้าน เธอไม่เหลืออะไรแน่”
“ใช่ค่ะ คุณพูดถูก” สวี่อันอันหันกลับไปอีกครั้ง แล้วเริ่มออกคำสั่ง “ถ้าพวกคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว ก็เชิญออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน ขออนุญาตไม่ส่งค่ะ”
เธอปกป้องฉาฉาให้หนีไป เลยทำให้ถูกพวกอันธพาลนั้นทุบตีอย่างสาหัส ตอนนี้ยังต้องนอนซมอยู่ในโรงพยาบาล คนในตระกูลสวี่กลับมาร้องความเป็นธรรมให้สวี่ฉาฉาที่เป็นคนดีสมบูรณ์แบบเสมอ
ต้องวนกลับมาเจอเรื่องราวของชาติที่แล้ว เธอยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ เพียงพริบตาเดียวก็มาจ้องเอาโควตาการแข่งขันสุนทรพจน์ของเธอแล้ว
เมื่อมองเห็นคนที่หน้าตาน่าเกลียดพวกนี้ สวี่อันอันไม่อยากวนกลับมารับมากับพวกเขาอีก เพียงแต่อยากให้พวกเขานั้นรีบไสหัวออกไป
ทุกคนต่างขมวดคิ้วขึ้น ส่วนสวี่จื่อซงกลับระเบิดอารมณ์ออกมา “สวี่อันอัน สมองของเธอถูกตีจนซื่อบื้อไปหมดแล้วใช่ไหม เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่? ที่กล้ามาไล่พวกฉันออกไป เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกฉัน?”
สวี่อันอันหันกลับไป หันหลังให้พวกเขา ไม่สนใจที่จะคุยกับพวกเขาอีก
ชาตินี้ สวี่ฉาฉาอยากได้โควตาในการแข่งสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ ไปกินขี้ซะไป!
สวี่ฉาฉาค่อยๆเงยหน้าขึ้น สายตาของเธอเหลือบไปดูหลังของสวี่อันอัน ใสายตาของเธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
แล้วก็ได้ยกมุมปากขึ้น สวี่อันอันเหมือนจะไม่ได้โง่เหมือนเดิมแล้ว
สีหน้าของคนตระกูลสวี่นั้นดูไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นสวี่อันอันที่แข็งกร้าวเช่นนั้น พวกเขาได้พูดต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงแล้วก็ออกไป
ประตูถูกปิดอย่างแรง เสียงดังเป็นอย่างมาก สั่นสะเทือนจนมีแผ่นผนังที่ลอกนั้นตกลงมา
แค่คิดก็รู้ว่าคนของตระกูลสวี่นั้นโมโหแค่ไหน
หลังจากประตูถูกปิดลง สวี่อันอันได้เปิดตาคู่นั้นของเธอ ตอนนี้ใจของเธอนั้นนิ่งสงบเป็นอย่างมาก
การไม่คาดหวังความอบอุ่นจากคนในบ้าน การไม่ทำตัวซื่อบื้อ จะเป็นเรื่องที่สบายใจเช่นนี้
ชาติที่แล้ว เธอเพิกเฉยตัวเองเกินไป เธอคิดเพียงแต่ว่าถ้าตัวเธอนั้นทำตัวมีมารยาท ทำตัวดี ก็จะสามารถเข้ากับคนในบ้านได้ แต่สิ่งที่ได้มานั้น……
สำหรับคนของตระกูลสวี่ เธอได้ทำตัวมีเมตตาและรักษาสัจจะถึงที่สุดแล้ว
เมื่อได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง เธอต้องใช้ชีวิตให้ดี ไม่ถลำเข้าไปในรอยเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง สวี่อันอันหันกลับไปอย่างไม่ชอบใจ คนที่กลับมาคือพี่รอง สวี่จื่อเยี่ยน
มองเห็นเขาเดินมาถึงหน้าเตียงแล้วพูดกับสวี่อันอันว่า “อันอัน เธออย่าดื้อรั้นอีกเลย การเชื่อฟังพ่อกับแม่มันยากขนาดนั้นเลยหรือ? ฉันเชื่อว่าขอแค่เธอขอโทษฉาฉา และรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก พ่อกับแม่ก็ไม่เอาเรื่องเธอแล้ว”
สิ่งที่ตอบกลับสวี่จื่อเยี่ยนคือความว่างเปล่า สวี่อันอันหลับตา ไม่อยากคุยกับเขา
สวี่จื่อเยี่ยนถอนหายใจพูดขึ้น “เธอพักผ่อนเถอะ พี่กลับก่อนละ”
ประตูถูกปิดขึ้นอีกครั้ง ใช้เวลาโต้เถียงนานขนาดนั้น สวี่อันอันรู้สึกกระหายขึ้นมา เธอลุกขึ้นมาหาน้ำดื่ม
ทางเดินของโรงพยาบาล มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่
เธอไปกดน้ำจากเครื่องกดน้ำ สวี่อันอันดื่มไปหลายอึก ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาก
เธอกดน้ำเสร็จเตรียมจะเดินออกไป เดินหันไปแล้วเห็นด้านหลังของเธอมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น
ใบหน้าของชายผู้นั้นดูลึกล้ำ สวมใส่เสื้อเชิ๊ตที่ตัดอย่างประณีต แขนเสื้อถูฏพับขึ้นอย่างสบายๆ เผยให้เห็นแขนขาวที่เรียวนั้น
ถึงแม้จะนั่งอยู่บนรถเข็น ก็ไม่อาจที่จะปิดบังท่าทีที่ดูงามสง่าของเขาได้
“พี่……พี่เหยียน” สวี่อันอันทักทายอย่างเก้ๆกังๆ
เมื่อได้ยินเสียงของสวี่อันอัน ลู่จิ้นเหยียนกวาดสายตาของเขาขึ้น แล้วมองไปที่เธอ “หือ?”
“ฉัน……คือสวี่อันอัน ก่อนหน้านี้เคยเจอคุณที่บ้านตระกูลสวี่” เมื่อจ้องมองสายตาของลู่จิ้นเหยียนที่ดูนิ่งและทรงพลัง ทำให้สวี่อันอันรู้สึกกดดัน จนปากน้อยๆนั้นแทบจะพูดออกมาไม่ได้อย่างคล่องแคล่ว
สวี่อันอันเคยเห็นเขาสองครั้ง เป็นพี่ชายต่างแม่ของซูจิ่งเฉิง พูดตามตรง ขอเพียงคนที่มีความเกี่ยวข้องกับซูจิ่งเฉิง เธอจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ได้ยินมาว่า ลู่จิ้นเหยียนมาโรคประจำตัวมาตั้งแต่เด็ก แต่เขามีพรสวรรค์ทางด้านการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก
ความเป็นความตายของตระกูลซูอยู่ในมือของเขา ทำให้เขานั้นมีตำแหน่งสูงส่งในตระกูลซู คนคนนี้ถึงแม้จะเป็นลูกชายคนโตของตระกูลซู แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ใช้นามสกุลตระกูลซู
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากนั้นสองปี ลู่จิ้นเหยียนก็ได้เสียชีวิตจากโรคประจำตัวของเขา
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ใจของสวี่อันอันก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา เธอมองใบหน้าด้านข้างที่ดูสมบูรณ์แบบของเขาอีกครั้ง สายตาของเขาดูซับซ้อน
ชาติที่แล้ว ในใจของสวี่อันอันนั้นมีเพียงคนของตระกูลสวี่ ทำให้เธอไม่รู้ว่าลู่จิ้นหยียนนั้นเสียชีวิตไปเมื่อไหร่ เธอเพิ่งจะมารู้ตอนหลัง ทำให้เธอรู้สึกเสียใจไปชวงเวลาหนึ่ง
ลู่จิ้นเหยียนค่อยๆตอบรับขึ้น “เพื่อนของจิ่งเฉิง คนของสวี่กั๋วจื้อ?”
สวี่อันอันพยักหน้าด้วยความประหม่า แปลกใจที่เขารู้ “ค่ะ……”
ถึงแม้ใบหน้าของชายผู้นี้จะดูหล่อเหลา แต่แววตาของเขานั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก ความเย็นชานั้นแผ่ซ่านออกมา ทำให้สวี่อันอันนั้นรู้สึกประหม่าขึ้นเล็กน้อย แก้วน้ำในมือนั้นถูกกำแน่นยิ่งขึ้น
ชาติที่แล้ว เธอชอบซูจิ่งเฉิง เหมือนสุนัขตัวเล็กที่วิ่งตามเขา ไม่มีใครที่ไม่รู้
การไปบ้านตระกูลสองครั้งนั้น เพื่อจะสร้างความประทับใจให้ตระกูลซู เพื่อให้พวกเขาเยินยอตัวเธอ เดิมทีเธอรู้สึกว่าตนเองนั้นทำได้ดีมาก
แต่ตอนหลังเธอเพิ่งรู้ว่า คนตระกูลซูมองเธอเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น
พวกเขาหัวเราะเยาะลับหลังเธอ ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ดูตัวเอง ที่วิ่งตามผู้ชาย ทำตัวต่ำตมและไร้สาระ
เธอมองดูเครื่องกดน้ำ แล้วเหลือบไปมองรถเข็นของลู่จิ้นเหยียน สวี่อันอันรับแก้วจากมือของลู่จิ้นเหยียนอย่างหวังดี
เธอกดน้ำแก้วหนึ่งยื่นให้เขาไป
ลู่จิ้นเหยียนจับแก้วน้ำในมือแล้วกวาดสายตามอง แล้วค่อยๆพูดขึ้น “ไม่ต้องมาทำดีกับฉัน ฉันไม่ยุ่งเรื่องของจิ่งเฉิง”