บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 ต้องมีขีดจำกัดของการใช้อารมณ์

นี่ถือว่าเป็นการพูดที่อ้อมค้อมแล้ว ที่ว่าได้ไม่คุ้มเสีย พูดให้น่าเกลียดก็คือ อย่าไปสิ้นเปลืองเงินพ่อแม่เลย เรียนไปให้ผ่านๆไปเสียดีกว่า

แน่นอนว่าสวี่อันอันต้องเข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เธอได้ตัดสินใจแล้ว จึงไม่ได้หวั่นไหวอะไร

สำหรับพ่อแม่ของเธอแล้ว น่าจะอยากไล่เธอไปให้ไกล จะได้ไม่ต้องรกหูรกตาพวกเขา! 

“เรื่องของหนู หนูสามารถตัดสินใจเองได้ รบกวนคุณครูช่วยหนูด้วยนะคะ ครูวางใจได้ หนูจะไม่ทำให้ครูต้องเสียหน้าค่ะ”  

ครูหลี่ถอนหายใจด้วยความหนักใจ เมื่อเห็นสวี่อันอันยืนยันเสียงแข็งเช่นนั้นแล้ว เขาทำได้เพียงจำใจต้องรับปาก   

สิ่งที่เขาช่วยได้คือพยายามหาโอกาสให้เธอ แต่ผลจะเป็นอย่างไร ต้องดูตัวสวี่อันอันเองแล้ว

“ครูสามารถช่วยเธอแจ้งกับทางอาจารย์สาขาวิชาการแพทย์ได้ ส่วนจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น เธอต้องเตรียมใจไว้ด้วย”

คำตอบเช่นนี้ สวี่อันอันก็รู้สึกพอใจแล้ว แล้วเธอหันไปมองครูหลี่แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “หนูขอขอบคุณครูล่วงหน้าค่ะไม่ว่าผลจะเป็นยังไง หนูจะยอมรับมันให้ได้ค่ะ”

ครูหลี่รับปากว่าจะช่วย สวี่อันอันก็ถือว่าได้รับเกียรติจากคุณครูมากแล้ว เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

หลังจากได้พูดลาคุณครู สวี่อันอันดึงถังเสี่ยวจิ้งที่หน้าเต็มไปด้วยความงุนงง เดินออกจากห้องพักครูประจำชั้น

ถังเสี่ยวจิ้งที่สมองมีแต่ความว่างเปล่า ถูกสวี่อันอันนั้นดึงสติกลับมา เธอยังไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองนั้นเห็นกับตา

แล้วยังถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจว่า “อันอัน เธอพูดจริงหรือ?”

สวี่อันอันยักไหล่พร้อมยิ้มขึ้นอย่างผ่อนคลายว่า “เธอเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ เป็นไปตามที่เธอเห็นนั่นแหละ”

ถังเสี่ยวจิ้งเอามือไปแตะที่หน้าผากของสวี่อันอัน แล้วกลับมาหยิกหน้าตัวเอง มันเป็นเรื่องจริงนิ!

แต่สิ่งที่สวี่อันอันพูดออกมานั้น มันเหนือความคาดหมายเสียจริง?

“หรือว่าเป็นเรื่องที่เธอกับสวี่ฉาฉาได้รับบาดเจ็บพร้อมกัน แล้วทางตระกูลสวี่ถึงได้บังคับเธอ?”

เมื่อคิดไปคิดมา ถังเสี่ยวจิ้งคิดได้เพียงสาเหตุเรื่องนี้เพียงเท่านั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอได้ยินข่าวลือมาก็ไม่น้อย

คนที่เกลียดชังน้องสาวของตนเองลึกเข้าไปในหัวใจเช่นนี้ ไม่ว่าสวี่อันอันจะได้ทำหรือไม่ แต่ทุกคนต่างคิดว่าสวี่อันอันนั้นเป็นคนทำขึ้น 

การคาดเดาของถังเสี่ยวจิ้ง สวี่อันอันไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ยอมรับ “เธอไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เอาเวลาไปเตรียมตัวการแข่งพูดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษเดือนหน้าให้ดีก็พอ!”

“อันอัน เธอย้ายมาพักกับฉันไหม ยังไงพ่อฉันไม่ค่อยจะอยู่บ้านอยู่แล้ว ที่บ้านมีฉันกับแม่เพียงเท่านั้น และมีป้าแม่บ้านอยู่ด้วย แม่ฉันชอบเธอมากเลยนะ แม่ชอบบ่รถึงเธอบ่อยๆว่าจะไปเที่ยวบ้านฉันเมื่อไหร่”  

ถังเสี่ยวจิ้งทนเห็นสิ่งที่ตระกูลสวี่นั้นกระทำต่อสวี่อันอัน และท่าทีเจ้าเล่ห์ของสวี่ฉาฉาเช่นนั้น แค่คิดก็น่ารำคาญชะมัดแล้ว  

ตระกูลสวี่ไม่ชอบน้องสาวแท้ๆคนนี้ แต่กลับดีกับน้องสาวที่อุ้มผิดมาจนเกินหน้าเกินตา การปฏิบัติที่ลำเอียงเช่นนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเราต้องไปเจอเช่นนั้นก็คงไม่สบายใจเหมือนกัน

แม้แต่ถังเสี่ยวจิ้งที่เป็นคนนอกยังทนดูต่อไปไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนที่ถูกกระทำ 

“จิ้งจิ้ง ขอบคุณความหวังดีของเธอนะ แต่ฉันมีแผนของตัวเอง เธอวางใจได้ ฉันได้ย้ายออกมาจากบ้านนั้นแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ให้คนบ้านนั้นต้องมารังแกอีก”

ตระกูลถังนั้นร่ำรวยมหาศาล การมีคนเข้ามาอยู่เพิ่มอีกหนึ่งคนไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย

แต่สวี่อันอันเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเอง เธอไม่อยากจะไปอาศัยใต้ชายคาของคนอื่นอีกต่อไป

เมื่อได้ยินสวี่อันอันพูดเช่นนั้น ถังเสี่ยวจิ้งลืมตาโตขึ้น มองเธออย่างเหลือเชื่อ “ห๊า? เธอย้ายออกจากบ้านตระกูลสวี่แล้วเหรอ แล้วตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน? ย้ายมาอยู่บ้านฉันเถอะ บ้านฉันใหญ่มาก เธอเลือกห้องได้ตามสบายเลย”

ถังเสี่ยวจิ้งตื่นเต้นขึ้นมา สวี่อันอันอดไม่ได้ที่จะนวดหูของเธอไปมา เธอรู้ดีว่าถังเสี่ยวจิ้งนั้นหวังดีกับเธอ เธอรู้ว่ามีเพียงถังเสี่ยวจิ้งเท่านั้นที่จริงใจกับเธอ

แต่ว่า……

“หรือถ้าเธอรู้สึกเกรงใจที่อยู่บ้านฉัน ถ้ามีเวลาว่าง เธอทำของกินอร่อยๆให้ฉันกินได้นะ เธอรู้นิว่าฉันชอบกินอาหารที่เธอทำที่สุดแล้ว”

เหมือนเธอจะเดาความกังวลของสวี่อันอันออก ถังเสี่ยวจิ้งดึงแขนของสวี่อันอัน และเริ่มทำท่าออดอ้อนขึ้นมา

เมื่อต้องเผชิญกับความจริงใจของถังเสี่ยวจิ้งเช่นนั้นแล้ว สวี่อันอันไม่รู้จะพูดยังไงดี ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าจะพูดอะไรขึ้น ก็ได้ยินเสียงคนเรียกเธอจากด้านหลัง   

“อันอัน เธออย่าเพิ่งไปไหน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

เมื่อได้ยินเสียงนั้น ดวงตาของสวี่อันอันก็ดูจริงจังขึ้น และรอยยิ้มนั้นก็ได้หายไป

เดิมสวี่อันอันกะจะไม่ไปสนใจ เมื่อคิดถึงสวี่ฉาฉาชอบสร้างเรื่องว่าเธอไปทางที่ไม่ดี และชอบทำลายชื่อเสียงของเธอ

สวี่อันอันรู้สึกว่า ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลย ก็จะรู้สึกไม่ดีต่อคำที่เธอถูกเรียกว่า “น้องสาวใจร้าย”

เมื่อหันไปมอง สวี่ฉาฉาที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ระยิบระยับ กระโปรงคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ K และถือกระเป๋าแบรนด์ miniที่สินค้าขาดตลาดไปแล้ว ของที่ประโคมอยู่ในตัวของเธอนั้นดูดีหรูหราเป็นอย่างมาก

แล้วกลับมามองดูเสื้อผ้าธรรมดาที่เธอสวมใส่ มูลค่าทั้งตัวที่เธอสวมใส่นั้นน่าจะเพียงไม่กี่สิบหยวนเพียงเท่านั้น 

สวี่อันอันยิ้มขึ้น “อะไร? คุณหนูฉาคิดว่าฉันยังซวยไม่พอ ยังจะมาซ้ำเติมฉันอีกหรือ?” 

ลูกแท้ๆของตระกูลสวี่ที่ถูกไล่ออกจากบ้าน วันแรกที่กลับไปเรียนก็ดันมาเจอหน้ากับลูกเลี้ยงซะแล้ว

ฉากละครที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ จะคาดเหล่าผู้ชมไปได้อย่างไร?

นักเรียนที่อยู่แถวนั้นต่างก็เข้ามามุงดู ต่างก็ชะโงกมองมาทางนี้ เหมือนมีเรื่องสนุกๆให้ชมเช่นนั้น

สวี่ฉาฉาที่ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก ตาของเธอก็เริ่มแดงขึ้นแล้ว ท่าทางที่ดูเรียบร้อยแล้วพูดขึ้นกับสวี่อันอันว่า “อันอัน ฉันจะมาบอกให้เธอกลับบ้านพวกเราเถอะ ทำอะไรก็ต้องยับยั้งอารมณ์ตัวเองไว้บ้าง ผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่ข้างนอกมันอันตรายเกินไป” 

ที่แท้ก็ทำตามใจตัวเองนี่เอง พวกเพื่อนนักเรียนที่มุงดูต่างก็มองสวี่อันอันแล้วพูดกระซิบขึ้น

ถ้งเสี่ยวจิ้งทนดูต่อไปไม่ไหว เธอออกมาปกป้องสวี่อันอัน แต่ถูกสวี่อันอันนั้นห้ามไว้

ผู้หญิงเลวคนนี้ฝีมืออยู่ในระดับสูง ถังเสี่ยวจิ้งที่ซื่อตรงไม่ใช่คู่ปรับของสวี่ฉาฉา อาจจะทำให้เธอต้องลำบากได้ 

“โอ๊ะ ถ้าคุณหนูฉาไม่พูดขึ้นมา ฉันลืมไปเลยว่าห้องเล็กๆที่ไว้ใช้เก็บของระเกะระกะนั้นคือบ้านของฉัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel