บทที่ 2 ฮองเฮาที่งดงามดุจเทพธิดา
พอเดินถึงทางกว้าง ก็มีองครักษ์วังหลวงลาดตระเวนมาขบวนหนึ่ง
“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆปี...”
องครักษ์วังหลวงทั้งกองคุกเข่าถวายบังคมหลินจื่อโม่
“พวกเจ้าหยุดก่อน พาข้าไปตำหนักฮองเฮาเสีย”
ในตอนที่พวกองครักษ์วังหลวงกำลังจะไป หลินจื่อโม่กลับเอ่ยขึ้น
ฉาวสี่หันมามองเขาทันควันด้วยสีหน้าตกตะลึง
ตอนนี้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลละ แต่ในตอนนี้หลินจื่อโม่เป็นฮ่องเต้ ซ้ำยังใส่ชุดมังกรอยู่ ถ้าเขาออกปากยับยั้งตอนนี้ มิเท่ากับเป็นการลบหลู่เบื้องสูงรึ?
“ฝ่าบาท ได้เวลากลับตำหนักเฉิงเทียนแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉาวสี่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง สายตาเย็นเยียบแฝงแววข่มขู่เย็นชาจับจ้องมองมาที่เขา
“ไอ้สุนัขรับใช้ ข้าอยากไปที่ไหน มีหรือต้องให้สุนัขอย่างเจ้ามาคอยจัดแจงด้วยรึ?!”
หลินจื่อโม่จัดการซัดฝ่ามือตบหน้าเขาโดยพลัน จนล้มไปกองกับพื้น พอเห็นสายตาเคียดแค้นและรอยแดงรูปฝ่ามือที่ใบหน้านั้นแล้ว หลินจื่อโม่ที่เดิมยังกลัวว่าเขาจะเปิดโปงฐานะของตนออกมาก็กระทืบเข้าไปที่ปากเขาอย่างแรงอีกหนึ่งที จนเขาเปลี่ยนจากเสียงพูดเป็นร้องอุทานด้วยความเจ็บปวดแทน
“อื้ออื้อ....”
เดิมฉาวสี่ยังอยากตะโกนพูดอะไร แต่มีประกายวาวของดาบพาดผ่าน เขากุมคอจ้องมองหลินจื่อโม่ตาแทบถลน และล้มลงไป
“ลากออกไป ป้อนหมาซะ!”
หลินจื่อโม่ยื่นมีดสั้นที่ดึงออกมาจากเอวองครักษ์วังหลวงคืนกลับไป จากนั้นพูดขึ้น “นำทางไป!”
องครักษ์วังหลวงไม่กล้าไม่ทำตาม
ฮ่องเต้ผู้นี้ช่างอารมณ์แปรปรวนจริงๆ เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็จัดการฆ่าขันทีคนสนิทข้างกายทันทีเลย องครักษ์วังหลวงที่ฐานะต่ำกว่าอย่างพวกเขายิ่งไม่กล้าทำให้ฮ่องเต้คนนี้ไม่พอใจมากเข้าไปใหญ่
หลินจื่อโม่สีหน้าทะมึน มือที่สั่นเทาเล็กน้อยซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อยาว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคน ตอนเขาเห็นเลือดพุ่งกระฉูดออกจากลำคอฉาวสี่ เขาเกือบอาเจียนออกมาแล้ว แต่เขาพยายามยับยั้งมันสุดกำลัง จนทำให้ต้นขาโดนตนเองหยิกจนเขียวช้ำ
เขาต้องอยู่รอดให้ได้!
เขาจะขลาดกลัวไม่ได้
ไม่อย่างนั้นก็มีแต่ตายสถานเดียว
..............
ตำหนักเว่ยยาง
“เฝ้าอยู่ที่นี่ อย่าให้ผู้ใดเข้ามาได้เด็ดขาด!”
พอหลินจื่อโม่สั่งการเสร็จก็ก้าวเท้ายาวเข้าไปในตำหนักเว่ยยางทันที
ในตำหนักเว่ยยางตอนนี้ ฮองเฮาเซี่ยเฟิ่งชิงกำลังอาบน้ำอยู่
อ่างอาบน้ำใหญ่มาก ด้านบนโรยด้วยกลีบดอกไม้นานาพรรณ ไอหมอกคละคลุ้ง ทำให้เรือนร่างเซี่ยเฟิ่งชิงหลบซ่อนเร้นอยู่ในม่านหมอก เห็นได้ไม่ชัด
“ฝ่าบาท ทรงพระเจริญ...”
“ออกไปซะ!”
นางกำนัลที่รับใช้ในตำหนักถวายบังคมให้กับหลินจื่อโม่ที่เดินเข้ามา แต่กลับถูกเขาตะคอกให้ออกไป
“ฝ่าบาททรงมาได้อย่างไรเพคะ?”
เซี่ยเฟิ่งชิงมองไปยังหลินจื่อโม่ที่เดินเข้ามาหาตน มือของนางที่กำลังกวักน้ำพลันชะงักเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับเป็นปกติ กระทั่งในแววตายังแฝงแววท้าทาย เหล่มองชุดของหลินจื่อโม่
วินาทีต่อมาเซี่ยเฟิ่งชิงพลันตะลึง
เพราะนางเห็นจุดที่ชี้โด่ขึ้นมานั่นของหลินจื่อโม่ภายใต้ชุดมังกรท่อนล่าง
และในตอนนี้เองหลินจื่อโม่ได้ยืนข้างอ่างอาบน้ำ จนท่อนที่ชี้โด่อยู่นั่นเกือบทิ่มหน้านาง
หลินจื่อโม่ก้มมองหน้าฮองเฮาคนนี้
ฮองเฮาที่กำลังอาบน้ำได้ปล่อยผมยาวสยาย ผมยาวพลิ้วไหวมาทั้งด้านหน้าด้านหลัง ผิวขาวดุจหิมะ ดวงตางามชุ่มน้ำ เรือนร่างอรชร ภายใต้การสะท้อนของแสงตะเกียงในห้องมืดและไอหมอกเหนืออ่าง มันช่างงดงามดุจภาพวาด คล้ายแดนเทพเซียน
ใบหน้างามล้ำเหนือม่านหมอกของอ่างน้ำยิ่งดูงดงามเลิศล้ำดุจดอกบัวแรกแย้ม ไร้กลิ่นอายอื่นๆ งามจนแทบลืมหายใจ นี่มันสตรีธรรมดาที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเทพธิดาจากสรวงสววรค์ลงมาเยือนโลกมนุษย์ชัดๆ!
มิน่า ฮ่องเต้เลวนั่นเสียดายไม่ยอมให้เขาแตะต้อง!
“ฮองเฮา ข้ามาแล้ว!”
หลินจื่อโม่ยิ้มให้นาง จากนั้นก็ถอดชุดมังกรบนร่างตนออกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของนาง และก้าวเท้าเข้าในอ่างทันที
จากนั้นเขารัดเซี่ยเฟิ่งชิงเข้าอ้อมกอด
ฮ่องเต้นั่นอยากได้ทายาทไม่ใช่หรือไง?
ทำไมต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาล่ะ ตนมาทำลูกให้ฮองเฮาของเขาเลยไม่ดีกว่าหรือไง?!
ผิวขาวนวลเนียนของเซี่ยเฟิ่งชิง ผิวขาวเสียยิ่งกว่าหิมะ ขาวเนียนเสียยิ่งกว่าหยกขาว นุ่มลื่นเสียยิ่งกว่าผ้าไหม เรือนร่างงดงามไร้ที่ติ ประหนึ่งเป็นของที่งดงามที่สุด หาร่องรอยติไม่ได้เลย
สัมผัสอันน่าตกใจนี่ทำให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากดฮองเฮาและทาบร่างลงไป
ด้านนอกของตำหนักเว่ยยาง
ฮ่องเต้กำลังรีบร้อนเร่งมาทางนี้ ทำให้องครักษ์วังหลวงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกตกตะลึง
แต่เห็นได้ชัดว่า ฮ่องเต้ในตอนนี้ไม่สนใจอะไรพวกนี้ และรีบบุกเข้าไปทันที
พอผลักประตูเข้าไป สิ่งที่ฮ่องเต้เห็นคือ ฮองเฮาเซี่ยเฟิ่งชิงแนบร่างติดขอบอ่างหันหน้ามาทางตนด้วยสีหน้าแดงเรื่อ เรือนร่างนางเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด และผู้ที่ขยับอยู่ด้านหลังเซี่ยเฟิ่งชิงคือหลินจื่อโม่นั่นเอง
หลังจากฮ่องเต้เข้ามา เซี่ยเฟิ่งชิงที่กำลังเคลิบเคลิ้มพลันได้สติขึ้นมา และเบิกตากว้างราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้านางพลันซีดเผือดทันที
คนที่อยู่ด้านหลังนาง....ไม่ใช่ฮ่องเต้!
“เจ้า....พวกเจ้า....”
“พรืด...”
ฮ่องเต้พลันกระอักเลือดออกมา และล้มสลบลงไปทันที
“ใคร....อุ๊...”
เซี่ยเฟิ่งชิงคิดจะร้องขอความช่วยเหลือ พลันโดนหลินจื่อโม่ปิดปากไว้ และกระซิบข่มขู่ข้างหูนางว่า “ฮองเฮาอยากให้องครักษ์วังหลวงพวกนั้นพุ่งเข้ามาเห็นภาพนี้รึ?!”
เซี่ยเฟิ่งชิงพลันเบิกตากว้างอึ้งไปทันที
ราวกับคิดถึงภาพเมื่อครู่ นางเริ่มหวาดกลัว
หากเรื่องทั้งหมดถูกเปิดโปง งั้นฮองเฮาเช่นนางจะเป็นอย่างไรเล่า?!
พอเห็นท่าทีนางอ่อนลง หลินจื่อโม่ก็ปล่อยมือจากปากนาง จากนั้นเดินไปปิดประตู
เขาเดินมายืนข้างฮ่องเต้ที่หายใจรวยริน
“เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ?!”
ฮองเฮาที่คว้าผ้าผืนบางมาปกปิดร่างกายพลันร้องขึ้น
หลินจื่อโม่ยืนอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้ที่ล้มนอนกับพื้น และหันมาบอกนางว่า “ฮองเฮาคิดว่า ถ้าฮ่องเต้เลวนี่ยังอยู่ พวกเราจะยังรอดได้รึ?”
คำพูดเดียวทำฮองเฮาอึ้งไปเลย
ใช่สิ ฮ่องเต้เห็นนางถูกทำให้แปดเปื้อนกับตาตนเอง ตนยังจะเป็นฮองเฮาต่อไปได้รึ? ต่อให้ไม่ตาย ก็ต้องโดนส่งไปตำหนักเย็น
นางพลันนึกถึงตอนที่เห็นภาพเหล่านั้นเข้าโดยบังเอิญยามเดินผ่านตำหนักเย็น
นั่นเป็นสถานที่ที่ทำให้คนเป็นบ้าได้เลย!
แค่คิดดู ฮองเฮาก็ขนลุกซู่แล้ว
และในตอนนี้เอง ฮ่องเต้พลันได้สติขึ้นมา และเห็นหลินจื่อโม่ที่ยืนมองดูเขาอยู่
พริบตานั้นเขาพลันรู้สึกตัว ใบหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดปูดโปน ถลึงตาใส่หลินจื่อโม่ “เจ้าคนชั้นต่ำ ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น ข้าจะประหารเจ้าเก้าชั่วโคตร!”
“แค่กแค่กแค่ก...”
เพราะว่าเดือดดาลมากเกินไป ฮ่องเต้ไอแรงๆติดกัน
เขาหันไปตะคอกใส่เซี่ยเฟิ่งชิงอีกว่า “ฮองเฮา รีบเรียกองครักษ์วังหลวงเข้ามาจับตัวเจ้าคนชั้นต่ำนี่ซะ ข้าจะฆ่ามัน ข้าจะฆ่ามัน...”
เซี่ยเฟิ่งชิงโดนเขาตะคอกจนตกใจชะงัก สีหน้าลังเล อยากจะเอ่ยปากขึ้น แต่ก็สบเข้ากับสายตาคล้ายจะยิ้มก็มิเชิงของหลินจื่อโม่เข้าพอดี
“เจ้า...มัน...นังแพศยา!!!”
พอเห็นนางลังเล ฮ่องเต้ราวกับหัวใจแตกสลาย “แค่กๆ...นังแพศยา ข้าจะจับเจ้าผูกคอตาย จะจับเจ้าสับเป็นหมื่นๆชิ้น ข้าจะให้ชายโฉดหญิงชั่วอย่างพวกเจ้าไม่ได้ตายดี!”
“พรืด”
หลินจื่อโม่ย่อตัวลงมามองเขาอย่างดูถูก “ฮ่องเต้เลว เจ้าทำให้ใต้หล้านี้ร้อนระอุชาวบ้านอยู่ไม่เป็นสุข เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าตนจะมีวันนี้เช่นกัน?”