บทที่ 9 พบเจอบุรุษปริศนา 1/1
โจวหลินหว่านและบ่าวผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองคน ออกเดินทางด้วยรถม้าทำให้สะดวกสบายกว่านั่งเกวียนวัวหลายเท่า พวกเขาทั้งสามคนไม่รีบร้อนค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นการสำรวจตามเมืองต่าง ๆ ที่เป็นทางผ่าน รวมถึงแวะซื้อเสบียงอาหารเพิ่มเติมเป็นระยะ เพื่อป้องกันยามที่ต้องพักค้างแรมตามป่าเขาที่ไม่มีโรงเตี๊ยม ระหว่างนั่งรถม้าน่าซือได้เล่าถึงตระกูลของมารดา ที่ยามนี้ต่างแยกย้ายกระจัดการกระจายไปคนละทิศละทาง
ภายหลังท่านตาท่านยายเสียชีวิตก็มีการแบ่งสมบัติ โดยท่านแม่ได้มากกว่าพี่ชายและน้องสาวคนอื่น ๆ เนื่องจากท่านแม่ช่วยครอบครัวทำงานมากกว่าจึงได้สมบัติเยอะ ด้วยเหตุนี้มู่อวี่เฉินจึงพยายามตามเกี้ยวพามารดาของนาง จนได้แต่งงานและใช้เงินทองในการสอบขุนนางอยู่หลายครั้งกว่าจะผ่านได้ แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับกลายเป็นคนทรยศหักหลังไปเสียได้ โจวหลินหว่านไม่อยากให้บ่าวทั้งสองคิดถึงอดีตอีก จึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะนางไม่ได้มีความทรงจำที่ดีกับคนเลวเช่นนั้น
“ท่านอาน่าซืออย่าได้ยึดติดกับเรื่องในอดีตอีกเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเราจะพาท่านแม่ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ข้าจะหาซื้อที่ดินสวย ๆ อยู่ติดเชิงเขาจะแบ่งส่วนหนึ่งทำสุสานให้กับท่านแม่ และที่เหลือก็จะสร้างบ้านของตัวข้าเองหนึ่งหลัง ส่วนพวกท่านสองคนหลังแต่งงานกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกัน ต้องสร้างเพิ่มอีกหนึ่งหลังรวมถึงบ้านพักคนงานที่จะมีในอนาคตเจ้าค่ะ”
“แล้วคุณหนูจะไปทำกิจการอันใดที่แคว้นหยางหรือเจ้าคะ ถ้าต้องซื้อที่ดินสวย ๆ บรรยากาศดีติดเชิงเขา ก็คงต้องเป็นหมู่บ้านนอกเมืองถึงจะมีที่ดินเช่นที่คุณหนูต้องการ ราคาไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไปพวกบ่าวสองคนพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง บ่าวยินดีมอบให้คุณหนูเพื่อนำไปซื้อที่ดินเจ้าค่ะ” น่าซือและหยุนเหลียงขายเซาปิ่งมาหลายปี ก็พอจะมีเงินเก็บอยู่เล็กน้อยแต่พวกเขายินดีช่วยเหลือโจวหลินหว่านในสิ่งที่นางอยากทำ
“กิจการที่ข้าคิดเอาไว้อย่างแรกคือทำขนมของโปรดขายที่ตลาด กิจการที่สองอาจจะใช้เวลาในการสร้างหลายเดือน แต่เมื่อสร้างสำเร็จมันจะออกมางดงามรอต้อนรับลูกค้าร่ำรวยทันที ส่วนอีกหนึ่งกิจการต้องรอซื้อที่ดินเสียก่อนถึงจะลงมือทำได้เจ้าค่ะ รับรองว่าท่านอาทั้งสองต้องใช้แรงช่วยข้าทำจนเหนื่อยทุกวันแน่ ๆ”
“เรื่องใช้แรงงานคุณหนูไม่ต้องห่วงไปขอรับ ปล่อยเป็นหน้าที่ของบ่าวจัดการให้ท่านเอง หรือคุณหนูจะหาซื้อทาสเพิ่มอีกสองสามคนก็ได้นะขอรับ จะได้มีคนคอยช่วยดูแลเรือนยามที่บ่าวไปช่วยคุณหนูขายขนม” หยุนเหลียงเสนอให้โจวหลินหว่านซื้อคนมาเพิ่ม สำหรับดูแลเรือนและทำงานในเรือนยามที่พวกเขาไม่อยู่
“ขอบคุณท่านอาหยุนเหลียงที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมา หากต้องซื้อคนมาช่วยงานเพิ่มเอาไว้รอให้ที่พักคนงานสร้างเสร็จ ตามแบบที่ข้าต้องการเสียก่อนแล้วค่อยไปเลือกพวกเขามาคิดว่าควรจะเป็นบุรุษสี่คน และเป็นสตรีหนึ่งคนเพราะเรือนของข้าไม่ได้สร้างใหญ่โตมากนัก อีกอย่างกำแพงบ้านจะให้นายช่างสร้างสูงกว่าผู้อื่นสักหน่อยเจ้าค่ะ จะได้ปลอดภัยจากพวกโจรขโมยที่คิดจะปีนข้ามรั้วเข้ามา หากกิจการไปได้ดีอาจจะเพิ่มการจ้างงานกับคนในหมู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือให้พวกเขามีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวคนละเล็กละน้อยก็ยังดีเจ้าค่ะ”
“คุณหนูของบ่าวคงได้เรียนรู้จากท่านเทพมามากมาย ถึงได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนเช่นนี้บ่าวคิดว่าสิ่งที่ท่านคิดไว้ จะประสบความสำเร็จอย่างงดงามแน่นอนเจ้าค่ะ”
“คิ คิ คิ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรเจ้าค่ะท่านอาน่าซือ”
ทั้งสามคนเดินทางอย่างมีความสุขเหนื่อยที่ไหนก็แวะพัก มีเสียงพูดคุยถามไถ่กันมาตลอดการเดินทาง น่าซือและหยุนเหลียงเริ่มจะคุ้นชินกับความเป็นกันเองของเจ้านายผู้นี้ ที่ไม่ถือตัวพูดจาไพเราะให้เกียรติแม้แต่บ่าวเช่นพวกตน นั่นยิ่งทำให้ทั้งสองเคารพรักบุตรสาวของเจ้านายอย่างโจวหลินหว่านเพิ่มขึ้นไปอีก
การเดินทางจากแคว้นเว่ยผ่านชายแดนเข้าไปยังแคว้นหยาง ทั้งสามคนใช้เวลาเกือบสองเดือนไม่เพียงแค่นั้น ระหว่างการเดินทางโจวหลินหว่านได้สอบถามหลาย ๆ คน ที่ได้พบเจอว่าเมืองไหนของแคว้นที่บรรยากาศดี และเป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดจากชายแดนแคว้นหยาง เสียงส่วนมากแนะนำให้นางเดินทางไปเมืองหยางหลิน ที่มีแนวสันเขาเขียวขจีอากาศเย็นสดชื่นเป็นเมืองที่น่าอยู่มากเมืองหนึ่ง เมื่อได้รับคำชี้แนะว่าเป็นเมืองหยางหลินจึงเดินทางไปที่นั่นทันที
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้โจวหลินหว่านผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับใคร กลับหัวใจเต้นแรงผิดปกติกับบุรุษแปลกหน้าที่พบเจอโดยบังเอิญ ขณะที่แวะพักกลางทางก่อนจะเข้าเมืองหยางหลิน ข้างแม่น้ำสายหลักของเมืองมีร่างบุรุษนอนหมดสติใบหน้าซีดเซียว โจวหลินหว่านผู้มีจิตใจเมตตาหรืออยากรู้ก็ไม่อาจทราบได้ นางเดินเข้าไปพลิกร่างหนาที่ยังคงนอนนิ่งเพื่อตรวจสอบเบื้องต้น ว่าตายแล้วหรือยังมีลมหายใจอยู่กันแน่
“ฮ้า ค่อยยังชั่วหน่อยน้ำเย็น ๆ ช่วยให้สดชื่นได้เสมอ เจ้าคิดเช่นเดียวกับข้าหรือไม่เสี่ยวลวี่ ว่าที่นี่สมกับคำชื่นชมที่ทุกคนแนะนำให้เดินทางมายังเมืองหยางหลินจริง ๆ”
“ข้าย่อมเห็นด้วยกับนายหญิงอยู่แล้วเจ้าค่ะ ป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ย่อมมีอาหารการกิน ที่ช่วยให้ชาวบ้านมีอาชีพเสริมอย่างการล่าสัตว์ หรือขึ้นเขาหาผักป่าและสมุนไพรหายากมากมาย แต่อย่างไรเสียในป่าลึกก็ยังมีสัตว์ร้ายที่เป็นอันตรายอยู่เช่นกันเจ้าค่ะ”
“รีบกลับไปที่รถม้ากันเถิดอีกไม่ไกลก็จะถึงเมืองหยางหลินละ..เอ๊ะ! เสี่ยวลวี่เจ้าช่วยข้าดูหน่อยสิว่าตรงนั้นใช่คนหรือไม่ ตายแล้วหรือยังหายใจอยู่กันแน่หวังว่าคงไม่ใช่พวกโจรป่าหรอกนะ”
“นายหญิงคนเจ้าค่ะข้าได้กลิ่นคาวเลือดลอยมา ท่าทางจะยังไม่ตายนะเจ้าคะนายหญิง”
“ห๊ะ! มีเลือดก็แสดงว่าอาจจะบาดเจ็บและพลัดตกแม่น้ำ จนลอยมาเกยตื้นอยู่ที่นี่น่ะสิเสี่ยวลวี่ ถ้าข้าเข้าไปช่วยแล้วถูกบุรุษผู้นั้นทำร้ายขึ้นมาจะทำเช่นไรเล่า”
“โธ่ นายหญิงท่านยังจะกลัวอีกหรือเจ้าคะ ยามที่ท่านตบตีกับพวกสาวใช้ในจวนนั่นไม่เห็นจะกลัว เหตุใดเพิ่งจะนึกกลัวขึ้นมาในตอนนี้เสียได้เล่า”
“นั่นมันก็จริงอยู่หรอกแต่ข้าอยากถูกปกป้องบ้างนี่นา จะเป็นสตรีที่แข็งแกร่งต่อหน้าบุรุษทุกคนไม่ได้สิเสี่ยวลวี่ เฮ้อ เช่นนั้นลองเข้าไปดูก่อนว่าบาดเจ็บมากหรือน้อยแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”