บทที่ 24 ถูกตราหน้าว่าเป็นขโมย 1/2
ส่วนหลินหว่านหันไปล้างมือให้สะอาดเตรียมหยิบขนมใส่กระทง โดยไม่ลืมตัดครึ่งแบ่งให้เหล่าท่านป้าได้ลองชิมก่อนจะสั่งซื้ออย่างถล่มทลาย
“ขนมครกหอม ๆ มาแล้วขอรับระวังร้อนด้วยนะขอรับคุณหนูโจว เพิ่งขึ้นจากเตาสด ๆ ร้อน ๆ กันเลยทีเดียว”
“ขอบคุณพี่ชายเหวินเสียนมากเจ้าค่ะ ท่านป้าขนมครกรอบแรกพร้อมแล้วลองดูสิเจ้าคะ พอมีผักโรยด้านบนแล้วยิ่งน่าทานเข้าไปอีกข้าแบ่งครึ่งสำหรับให้พวกท่านลองชิม และขอคำติชมจากพวกท่านด้วยเพื่อให้ข้าได้นำกลับไปปรับปรุงเจ้าค่ะ”
“อื้ม ดูมีสีสันสดใสและเพิ่มความน่าทานมากกว่าเดิมนะ แต่ป้าเชื่อว่ารสชาติยังคงอร่อยเช่นเดิมอย่างแน่นอน”
“โอ้ มันแตกต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ ด้วยสหายข้า เจ้าผักสองอย่างนี้ช่วยให้รสสัมผัสที่อร่อยมากขึ้นอีกระดับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผักที่แม่ค้าคนงามนำมาใส่ในขนม จะทำให้มีความอร่อยที่แตกต่างแต่รสชาติไม่ได้เปลี่ยนไปแม้สักนิด รอช้าอยู่ใยแม้ค้าจัดขนมครกให้ป้าสิบกระทงสิจ๊ะ”
“ใช่ ๆ ๆ ของป้าอีกห้ากระทงนะแม่ค้าคนงาม”
“ส่วนของข้าแปดกระทงนะจ๊ะ”
“ได้เลยเจ้าค่ะพวกท่านรอสักประเดี๋ยวจะได้รับขนมครกกันทุกคน หากหยิบทานระหว่างทางอย่าลืมเป่าด้วยนะเจ้าคะ”
หลังสิ้นเสียงการชิมขนมของท่านป้าทั้งหลายลงแล้ว ก็มีลูกค้าประจำคนอื่น ๆ ทยอยเข้ามาต่อแถวเพื่อซื้อขนมครกเช่นทุกวัน แต่พอเห็นว่าบนหน้าขนมมีสองสีหลินหว่านก็ไม่ลืมอธิบายให้ฟัง เมื่อได้ชิมก็มีอาการไม่ต่างกับกลุ่มท่านป้าก่อนหน้านี้สักนิด ยามนี้มีกระทะขนมตั้งหกใบแล้วยังเกือบทำไม่ทันคนซื้อ จำนวนแป้งที่ผสมก็ต้องเพิ่มวันละหลายจินไม่เช่นนั้นจะไม่พอขาย และเสี่ยงถูกลูกค้าโวยวายพอตนเองไม่ได้ทาน
เมื่อกิจการมีทีท่าจะเติบโตได้ดีเกินหน้าเกินตาคนทำอาชีพคล้ายกัน ความอิจฉาริษยาบวกกับความโลภในจิตใจ มักจะเปลี่ยนให้คนปกติกลายร่างเป็นอันธพาล หวังใช้วิธีการสกปรกใส่ร้ายเอาสูตรขนมครกของหลินหว่าน ด้วยคิดว่าพวกนางเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นานจะรังแกตอนนี้ย่อมง่ายกว่า เพราะยังไม่มีใครคอยหนุนหลังปกป้องเช่นคนอื่น แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าการมาหาเรื่องหลินหว่านครั้งนี้ จะเป็นการให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวอย่างแท้จริง หลินหว่านไม่ยอมเลิกรานางพาอันธพาลพวกนี้ไปร้องทุกข์กับท่านเจ้าเมือง ที่สำคัญก่อนจะไปที่ศาลาว่าการบุรุษตัวใหญ่สามสี่คน กลับถูกสตรีรูปร่างบอบางสั่งสอนจนล้มลงไปนอนโอดโอยกับพื้นดินเสียหนึ่งรอบ
“พี่ชายเหวินเสียนช่วยดูลูกค้าให้หน่อยเถิดว่ายังเหลืออีกกี่คน ที่ต่อแถวรอซื้อขนมครกของร้านเราข้าจะได้คำนวณจำนวนคู่ของขนมให้ได้ครบทุกคนเจ้าค่ะ”
“ได้ขอรับคุณหนู หนึ่ง สอง สาม สี่........สิบ เรียนคุณหนูที่ยังต่อแถวรออยู่มีทั้งหมดสิบคนขอรับ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะเช่นนั้นสองรอบสุดท้ายคงจะหมดพะ....”
“ไหนพวกหัวขโมยหน้าด้านมันอยู่ตรงไหนเรียกออกมาคุยกับข้าเสียหน่อยจะเป็นไรไป ใจกล้าแอบขโมยเอาสูตรขนมของข้ามาทำขายหาเงินอย่างสบายใจ ไม่รู้จักละอายใจที่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนก็ได้เช่นนั้นรึ”
“ทางนี้ขอรับเถ้าแก่เนี้ยร้านของพวกมันอยู่ข้างหน้าพวกเรานี้แล้ว ข้าเห็นนางกับผู้ช่วยสองสามคนมาขายขนมได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วขอรับ”
“เถ้าแก่เนี้ยครั้งนี้จับตัวได้อย่าปล่อยให้พวกมันหลบหนีไปได้นะเจ้าคะ ท่านจะใจดีกับคนชั่วพวกนี้ตลอดไม่ได้เด็ดขาด เพราะสุดท้ายคนที่สูญเสียผลประโยชน์ก็คือท่านเองนะเจ้าคะ”
“ฮึ ไม่มีทางคนชั่วพวกนี้ต้องชดใช้ให้ข้าและต้องได้รับโทษ หลีกทาง ๆ ๆ พวกเจ้าหยุดมือประเดี๋ยวนี้ห้ามขายขนมนั่นเด็ดขาด”
“หือ แล้วท่านเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนถึงสั่งไม่ให้ข้าค้าขาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะมีใครออกมาห้ามปรามแต่อย่างใด มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องทำตามคำสั่งของท่านด้วย” หลินหว่านยังไม่เข้าใจว่าสตรีวัยกลางคนนางนี้มาอาละวาดที่หน้าร้านของตนทำไม
“สิทธิ์อะไรน่ะหรือก็สิทธิ์ที่ข้าเป็นเจ้าของสูตรขนม ที่เจ้าบังอาจให้คนไปขโมยมาขายหาเงินอยู่ตรงนี้อย่างไรเล่า ได้ยินชัดหรือยังว่าเหตุใดข้าถึงสั่งให้พวกเจ้าหยุดขายน่ะ” เถ้าแก่เนี้ยจิ่วพูดออกไปเต็มปากว่าตนเป็นเจ้าของสูตรขนม
“ห้ะ!! เดี๋ยว ๆ ๆ นี่ท่านป้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่เจ้าของสูตรขนมอะไรของท่าน ขนมที่ขายอยู่นี่เป็นสิ่งที่ข้าคิดและทดลองทำเองกับคนติดตามอยู่หลายวัน ถึงได้สูตรที่ดีที่สุดเอามาทำขายในตลาดนะ จู่ ๆ ท่านก็มากล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของเช่นนี้ไม่หน้าด้านไปหน่อยรึ อ้อ ท่านคงอิจฉาที่ขนมของร้านข้ามีคนมาต่อแถวซื้อมากกว่า จึงคิดวางแผนใส่ร้าย
กล่าวหาว่าสูตรขนมถูกขโมยไปสินะ” หลินหว่านพอจะเดาอะไรได้ลาง ๆ แล้วล่ะ
“นั่นสิเจ้านายของพวกข้าต้องลงมือผสมแป้งตั้งกี่รอบ กว่าจะได้ออกมาเป็นสูตรขนมที่ขายดีเช่นทุกวันนี้ได้ กลับมีพวกเห็นแก่ตัวอยากได้สูตรขนมไปเป็นของตนเองใครกันที่หน้าด้านน่ะ ทั้งที่เป็นคนทำมาหากินเหมือนกันแท้ ๆ แต่จิตใจกลับมืดบอดคิดแย่งสูตรขนมของผู้อื่น” น่าซือที่ได้ยินเถ้าแก่เนี้ยจิ่วต่อว่าหลินหว่านก็ทนไม่ไหวตอกกลับนางไปอีกคน
“พวกเจ้าทุกคนเห็นหรือยังว่าพวกมันไม่ยอมรับความจริง ข้ากับลูกน้องที่ร้านช่วยกันคิดหัวแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่คนพวกนี้กลับแอบขโมยจดสูตรขนมของข้าอย่างหน้าด้าน ๆ แล้วมาบอกว่าตนเองเป็นคนต้นคิดเอง ถุ้ย!! หมายความว่าพวกเจ้าจะปฏิเสธไม่ยอมรับผิดใช่ไหม” เถ้าแก่เนี้ยจิ่วยังไม่ยอมหยุดนางยังคงพูดเพื่อให้ผู้คนแห่งนี้เชื่อคำพูดของนาง
“เถ้าแก่เนี้ยข้าเคยบอกท่านแล้วว่าอย่างชะล่าใจวางกระดาษไปทั่ว สุดท้ายคนชั่วก็ฉกฉวยสิ่งที่เป็นของท่านไปเสียแล้ว ถึงท่านจะพูดจนปากฉีกคงไม่มีใครเชื่อพวกเราหรอกขอรับ” คนงานในร้านของเถ้าแก่เนี้ยจิ่วก็ร่วมมือกับเจ้านายเล่นงิ้วด้วยอีกคน
“จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่แม่ค้าคนงามจะขโมยสูตรขนมของเจ้า ถ้าหากสูตรนี้เถ้าแก่เนี้ยเป็นคนคิดขึ้นมาจริง ๆ เหตุใดไม่ทำขายเสียให้รู้แล้วรู้รอดเล่า กลับมาโวยวายทั้งที่คนเขาเปิดร้านขายมาเกือบครบหนึ่งเดือนแล้วน่ะรึ ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อสิ่งที่พวกเจ้าพูดมาไหนจะไม่มีหลักฐานอีก ทุกคำที่พ่นออกมาจากปากท่านล้วนไม่น่าเชื่อถือทั้งสิ้น” ลูกค้าคนหนึ่งที่ต่อแถวอยู่ที่เดิมพูดขึ้นตามสิ่งที่ตนคิดเอาไว้ และยังเข้าข้างหลินหว่านอย่างโจ่งแจ้ง
“ขอบคุณท่านน้าที่ช่วยพูดให้ข้าเจ้าค่ะแต่ก็จริงอย่างที่ท่านน้าพูด ไหนล่ะหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าขนมที่ข้าทำขายอยู่นี้ คือสูตรที่ขโมยมาจากร้านค้าของพวกเจ้าไหนล่ะแบบร่างกระทะทำขนม วัตถุดิบที่ใช้ทำส่วนผสมของขนมทั้งหมดมีกี่อย่าง ประกอบไปด้วยอะไรสิ่งที่ทำให้ขนมมีกลิ่นหอมคืออะไร ลองตอบมาให้ข้าได้ฟังสักหน่อยเถิดรวมถึงผู้คนในตลาดแห่งนี้ด้วย ความจริงจะได้กระจ่างเพื่อความสบายทั้งของท่านและข้าเป็นอย่างไรกล้าหรือไม่” แค่วัตถุดิบผสมทำแป้งหยอดขนมก็หาไม่ได้เหมือนนางแล้วยังจะปากดีอีก
“นะ นะ นั่นมันรายละเอียดในสูตรขนมใครจะนำมาพูดต่อหน้าผู้คนกัน หากพูดออกไปคนพวกนี้ก็จำได้และนำไปทำขายเหมือนที่เจ้าทำน่ะสิ ข้าไม่ได้โง่ให้เจ้าหลอกเอาได้หรอกนะนางเด็กเมื่อวานซืน ถ้าเจ้ายอมรับและคืนสูตรขนมมาข้าจะให้อภัยเจ้า แต่ถ้ายังดึงดันถกเถียงอยู่เช่นนี้อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน” เถ้าแก่เนี้ยจิ่วนำบ่าวไพร่มาด้วยสามสี่คน