บทที่ 22 ขึ้นเขาตามหาหัวมัน
“ท่านอาหยุนเหลียงพี่ชายเหวินเสียนพวกเรารีบขึ้นเขากันเถิดเจ้าค่ะ ชักช้าเกินไปอาจจะมืดค่ำเสียก่อนพวกเราจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ขอรับคุณหนู/ขอรับคุณหนู”
หลินหว่านเดินขึ้นเขาตรงไปเรื่อย ๆ ตามที่เสี่ยวลวี่ได้บอกไว้ โดยมีบุรุษทั้งสองคอยดูแลอยู่ด้านซ้ายและขวาของนาง เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้ายที่จะเจอได้ทุกเมื่อ จนกระทั่งเดินเลยกลางภูเขาขึ้นมาได้เกือบครึ่งชั่วยามก็เริ่มเห็นต้นพืชผักมากมาย มีพืชผักบางอย่างที่หยุนเหลียงและเหวินเสียนรู้จัก แต่ที่เหลือพวกเขาสองคนไม่รู้เลยว่ามันสามารถกินได้หรือไม่ ต่างกับหลินหว่านในยามนี้ที่วิ่งเข้าไปหาต้นผักใบเขียวด้วยความดีใจอย่างที่สุด ยอดเครือของหัวมันที่อยากได้หรือแม้แต่ลูกฟังทองขนาดใหญ่ ใบเตย ดอกอัญชันรวมถึงข้าวโพดก็ยังมีอยู่บนเขาแห่งนี้จะไม่ทำหลินหว่านดีใจได้อย่างไร
“กรี๊ดดดด!! ในที่สุดก็เจอพวกเจ้าเสียทีคราวนี้ล่ะขนมครกของข้าจะมีสีสันสวยงาม น่าทานมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าสมกับเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ของแคว้นหยางอย่างแท้จริง ฮ่า ๆ ๆ”
“เอ่อ คุณหนูขอรับเจ้าผักหน้าตาแปลก ๆ พวกนี้คือสิ่งที่ท่านบอกไว้ใช่หรือไม่ แล้วมันนำไปทำอะไรได้บ้างนอกจากโรยหน้าของขนมครกน่ะขอรับ” หยุนเหลียงที่ยังงุนงงกับอาการดีใจของหลินหว่านถามด้วยความอยากรู้
“นั่นน่ะสิขอรับคุณหนูโจวบริเวณนี้มีผักบางอย่างที่ข้ารู้จัก แต่ว่าพวกผักที่ท่านวิ่งไปจับตรงนั้นทีตรงนู้นทีและอีกหลายต้นกลับไม่เคยรู้จักมาก่อน มันสามารถนำไปทำเป็นอาหารทานได้จริง ๆ ใช่ไหมขอรับคุณหนู” เหวินเสียนยิ่งแล้วใหญ่เขาโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยกินหัวมันที่หลินหว่านพูดถึงเลยสักครั้ง
“ไอหยา พี่ชายเหวินเสียนไม่รู้จักของอร่อยพวกนี้เสียแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่ข้าจับย่อมกินได้และอิ่มท้องด้วยเจ้าค่ะ เอาเช่นนี้เป็นอย่างไรพวกท่านสองคนช่วยก่อกองไฟให้มีถ่านสักกองหนึ่ง ข้าจะเผาหัวมันสีม่วงนี้ให้ได้ลองชิมรสชาติของมันดูสักครั้ง หากติดใจขึ้นมาต้องช่วยข้านำมันกลับไปปลูกที่บ้านด้วยนะเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ง่ายมากขอรับท่านรอประเดี๋ยวข้าจะจัดการให้เองขอรับ”
ระหว่างที่รอเหวินเสียนก่อกองไฟหลินหว่านกับหยุนเหลียง ก็ช่วยกันเก็บหัวมันม่วง ฟักทอง ข้าวโพด ขุดต้นใบเตยและดอกอัญชัน นอกจากนั้นยังมีลิ้นจี่ที่กำลังเริ่มโตอีกหลายสิบต้น หลินหว่านไม่ลืมเก็บยอดเครือหัวมันม่วงกลับไปด้วย เพราะว่ามันสามารถนำไปปลูกต่อได้และเติบโตได้รวดเร็ว เมื่อเก็บทุกอย่างใส่ตระกล้าทั้งสามใบเกือบเต็มแล้ว กองไฟของเหวินเสียนก็มีถานสีแดงร้อน ๆ รออยู่ หลินหว่านจึงโยนหัวมันลงไปในกองถ่านใช้ขี้เถ้ากลบเล็กน้อย เพื่อใช้ความร้อนทำให้หัวมันสุกอย่างทั่วถึง เหวินเสียนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อกับหัวมันม่วงเผาตรงหน้า ที่หลินหว่านบอกว่ากับเขาว่ารสชาติอร่อยจนต้องติดใจ จนได้เวลาจึงใช้ไม้เขี่ยหัวมันออกมาจากกองถ่าน กลิ่นหอมที่ลอยออกมาก็ทำบุรุษทั้งสองถึงกับแอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก
“ได้แล้ว ๆ ฟืดดด แค่กลิ่นก็บ่งบอกได้ว่าจะต้องหวานเป็นแน่ พวกท่านสองคนลองชิมดูสิเจ้าคะแต่ระวังร้อนด้วยนะ ประเดี๋ยวลิ้นพองจะทานข้าวไม่อร่อยเอาได้เจ้าค่ะ”
“อูย ๆ ๆ ร้อนอย่างที่คุณหนูเตือนจริง ๆ ด้วยขอรับ ฟู่ ฟู่ ง่ำ อื้อ!! หอมหวานมากหากต้องเดินทางไกล พกเจ้าหัวมันนี้เป็นเสบียงก็ดีไม่น้อยเลยนะขอรับคุณหนู”
“ฟู่ ฟู่ ง่ำ ง่ำ โอ้โห!! ข้าเชื่อแล้วว่าคุณหนูโจวรู้จักพืชผักต่าง ๆ มากกว่าข้าขอรับ ไม่คิดว่าแค่หัวมันเผาธรรมดา ๆ ยังอร่อยได้ถึงเพียงนี้” เหวินเสียนได้ลองชิมเป็นครั้งแรกทั้งแปลกใจและชื่นชอบ
“ต่อไปจะมีให้ทานหากพวกท่านช่วยข้าปลุกไว้ที่บ้าน และเมื่อไหร่ที่ย้ายไปอยู่บ้านสวนก็นำมันไปปลูกเพิ่มอีกหลาย ๆ แปลง เผื่อว่าจะแบ่งให้ชาวบ้านได้นำไปปลูกที่บ้านของพวกเขาด้วย มีหัวมันไว้เป็นเสบียงหน้าหนาวก็อิ่มท้องได้นะเจ้าคะ”
“เป็นความคิดที่ดีมากเลยขอรับข้าสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ถ้าเป็นไปได้คุณหนูช่วยบอกเล่ากับคุณชายใหญ่สักหน่อยได้ไหมขอรับ หากนำเรื่องดี ๆ ถวายรายงานต่อหยางอ๋องคงจะมีรางวัลตอบแทนกลับมาให้ท่าน ในอนาคตกิจการของคุณหนูอาจจะขยายใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม การมีคนตำแหน่งใหญ่โตหนุนหลังย่อมได้เปรียบมากกว่านะขอรับ” เหวินเสียนคิดว่าคุณชายใหญ่ของตนน่าจะช่วยหลินหว่านในเรื่องนี้ได้
“หือ ไม่เลวเลยนะเจ้าคะถึงขั้นมีท่านอ๋องคอยหนุนหลัง กิจการของข้าในอนาคตย่อมไม่มีใครกล้ามาหาเรื่อง แต่หากต้องพึ่งอำนาจของท่านอ๋องคงมีข้อแลกเปลี่ยนที่มีค่ามากพอเสียก่อน หากจะทำการค้านี้ไว้ข้าจะลองกลับไปทบทวนดูอีกทีนะเจ้าคะ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนกว่าเรื่องอื่น ๆ ก็คือช่วยกันขนเจ้าพวกนี้ลงเขาเจ้าค่ะ ยังต้องนำพวกมันไปทำให้สุกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ สำหรับโรยบนหน้าขนมครกอีกนะเจ้าคะ” หลินหว่านเก็บเรื่องหยางอ๋องไว้ในใจจะรีบร้อนไม่ได้
“ต้องเร่งมือหน่อยแล้วเหวินเสียนใกล้จะเลยยามเซินไปทุกที หากมืดค่ำระหว่างทางลงเขาจะเป็นอันตรายได้ คุณหนูไม่ต้องแบกตะกร้าพวกนี้หรอกขอรับประเดี๋ยวข้ากับเหวินเสียนจัดการเอง”
“คุณหนูโจวเดินลงเขาอย่างปลอดภัยก็พอแล้วขอรับ อย่าห่วงเจ้าพวกนี้รับรองไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใดขอรับ”
“อืม ขอบคุณพวกท่านสองคนมากเจ้าค่ะ”
กว่าทั้งสามคนจะลงจากเขามาถึงด้านล่างก็เล่นเอาเหนื่อยหอบอยู่เหมือนกัน ส่วนคนที่บ้านเช่าก็เป็นกังวลเพราะทั้งเจ้านายและสตรีในดวงใจยังไม่กลับมาเสียที จวบจนดวงตะวันโพล้เพล้เสียงรถม้าก็เข้ามาหยุดด้านในบ้านเช่าพอดี หวังซินหยางถึงกับให้ซั่วเหยียนประคองเขาออกมาดูให้เห็นกับตา ว่าหลินหว่านไม่ได้บาดเจ็บหรือมีอันตรายอันใดถึงจะวางใจ พอได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสก็เบาใจได้บ้างจึงพยักหน้าให้ซั่วเหยียนเข้าไปช่วย เพราะตะกร้าพืชผักในรถม้านั้นท่าหนักพอสมควรทีเดียว หวังซินหยางไม่เห็นร่องรอยความเหน็ดเหนื่อยบนใบหน้าหวานนั้นแม้แต่น้อย มองดูนางออดอ้อนน่าซือที่ยืนบ่นด้วยความเป็นห่วงก็คิดไปว่าถ้านางอ้อนเขาเช่นนั้นคงดี