บทที่ 13 ซื้อที่ดิน 1/3
“จะให้ข้าขอความช่วยเหลือจากพี่ชายสุดหล่อได้อย่างไร ชื่อแซ่ก็ไม่รู้จักที่อยู่หรือก็หามีไม่จะติดต่อกันอย่างไรยังไม่รู้เลย แต่ท่านกลับบอกว่ายินดีให้ความช่วยเหลือเนี่ยนะ ช่างเถิด ๆ ข้าเป็นคนไม่คิดมากและไม่ติดใจเรื่องบุญคุณอะไรเท่าไหร่ ถ้าเป็นความแค้นนั่นก็อีกเรื่องแต่มันไม่เกี่ยวกับท่านอยู่ดี ในห่อผ้านี้เป็นชุดที่ท่านใส่ติดตัวมาเนื่องจากมันเปรอะเปื้อนทั้งยังเปียกน้ำ ข้าจึงนำไปซักทำความสะอาดให้แล้ว ท่านก็เก็บเอาไว้เปลี่ยนวันที่จะออกจากโรงหมอก็แล้วกัน ส่วนเรื่องค่ารักษาค่ายาทั้งหมดเดี๋ยวข้าจะช่วยจ่ายให้เอง”
“ข้าหวังซินหยางมีครอบครัวอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงของแคว้นหยาง ครั้งนี้เดินทางมาที่หยางหลินเพื่อพูดคุยเรื่องการค้า แต่ถูกศัตรูลอบทำร้ายหวังเอาชีวิตเป็นเพราะประมาทศัตรูเกินไป จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดถือว่าสวรรค์ยังพอมีเมตตากับข้าอยู่บ้าง ถึงได้ส่งคุณหนูมาช่วยเอาไว้ได้ทันก่อนที่ข้าจะไปเยือนสะพานเหลือง” หวังซินหยางแนะนำตัวเล็กน้อยมิได้บอกรายละเอียดทั้งหมด
“ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะคุณชายหวัง ข้าแซ่โจวมีนามว่าหลินหว่าน ย้ายถิ่นฐานมาจากแคว้นเว่ย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่แคว้นหยางแห่งนี้ แต่ยังไม่มีบ้านเป็นของตนเองเนื่องจากเพิ่งซื้อที่ดินไป ก่อนที่จะมาเยี่ยมท่านที่โรงหมอตามสัญญาเจ้าค่ะ”
“คุณหนูคงมีเหตุผลส่วนตัวที่ย้ายมาจากแคว้นเว่ย ในนามที่ข้าเป็นคนแคว้นหยางขอกล่าวคำว่ายินดีต้อนรับ นับต่อจากนี้ไปหวังว่าท่านจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข”
หวังซินหยางคอยสังเกตหลินหว่านอยู่ตลอดเวลา เขามองไม่เห็นถึงอาการเสียใจหรือเสียดายในดวงตาของนางสักนิด ทั้งที่ต้องย้ายถิ่นฐานจากแคว้นบ้านเกิดของตนเองแท้ ๆ แต่เมื่อกี้นางพูดถึงเรื่องความแค้นอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น กับคนสำคัญในชีวิตของนางก็เป็นได้ จึงไม่ต้องการอยู่ในสถานที่ที่มีความทรงจำเลวร้าย และเลือกที่จะเดินทางมาอาศัยยังแคว้นหยางแห่งนี้แทน คงต้องรอให้เหวินเสียนมาพบเขาที่หยางหลินเสียก่อน ค่อยสืบเรื่องราวของนางทีหลังแต่ตอนนี้เขาทำสิ่งใดไม่ถนัด เป็นเพราะถูกฝ่ามือนั้นซัดเขาอย่างแรงจนบาดเจ็บภายใน เพื่อตอบแทนที่นางช่วยเหลืออาจจะหน้าด้านเล็กน้อย แต่หวังซินหยางคิดว่ามันน่าจะได้ผลหากพูดกับนางตามตรง
“อ่ะ นี่โจ๊กของท่านคุณชายหวังทานตอนที่มันยังอุ่นอยู่จะดีกว่า ยาต้มที่นำไปอุ่นคงใกล้จะยกมาให้ท่านอีกครั้งแล้วกระมัง หลังจากทานยาเสร็จท่านก็นอนพักผ่อนให้มาก ๆ อาการบาดเจ็บจะได้หายในเร็ววัน”
“คุณหนูโจวข้าขอกล่าวตามตรง เนื่องจากข้ายังบาดเจ็บภายในอยู่ ไม่สะดวกเดินทางกลับเมืองหลวงในเวลาเช่นนี้ ข้ายินดีช่วยคุณหนูจ่ายค่าเช่าบ้านหากท่านพอจะแบ่งห้องพักให้สักหนึ่งห้อง รอให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นและคนของข้านำกำลังติดตามมาถึงที่นี่ จากนั้นอีกหนึ่งเดือนถึงจะเดินทางกลับเมืองหลวงแต่ข้าจะทิ้งนกพิราบสื่อสารไว้ เผื่อคุณหนูโจวมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถให้คนส่งข่าวถึงข้าได้ทุกเมื่อ”
“ในเมื่อท่านกล้าเอ่ยปากขออนุญาตกับคุณหนูโจวผู้นี้ แล้วเหตุใดข้าจะแบ่งห้องพักเพียงหนึ่งห้องให้ท่านพักไม่ได้เล่า ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเช่าบ้านเพราะข้าสามารถจัดการได้เจ้าค่ะ แค่ท่านพยายามรักษาตัวเองให้หายดีก็พอ ป่านนี้ฮูหยินของท่านคงรอให้ท่านกลับบ้านอย่างปลอดภัยอยู่ก็ได้เจ้าค่ะ ไว้ข้าหาเช่าบ้านหรือจวนสักหลังได้แล้วจะส่งท่านอาหยุนเหลียงมารับท่านนะเจ้าคะ ส่วนวันนี้ท่านต้องนอนที่โรงหมอไปก่อนและพักผ่อนให้มาก ท่านหมอก็อายุมากแล้วเห็นใจคนแก่สักนิดเถิดเจ้าค่ะ”
“ฮูหยิน? คุณหนูโจวเพิ่งพูดว่าข้ามีฮูหยินรออยู่ที่เมืองหลวงงั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะข้าพูดผิดตรงไหนหรือรูปร่างหน้าตาอย่างคุณชายหวัง น่าจะแต่งงานมีลูกหลายคนแล้วกระมังเจ้าคะ สตรีคนนั้นคงจะโชคดีมากที่สามารถคว้าหัวใจของทะ...”
“ขออภัยคุณหนูโจวด้วยข้ายังไม่เคยแต่งงาน และที่สำคัญไม่เคยมีคนรักแม้แต่คู่หมั้นก็ยังไม่มีเช่นกัน รบกวนคุณหนูโจวเข้าใจข้าเสียใหม่” หวังซินหยางรีบพูดขัดกลางปล้องก่อนที่หลินหว่านจะเข้าใจผิดไปไกล
“อะ อ่อ ขออภัยด้วยเจ้าค่ะไม่คิดว่าคุณชายหวังจะยังไม่มีสตรีในดวงใจ อย่างไรเสียท่านควรทานข้าวและดื่มยาด้วยนะเจ้าคะ ไว้ข้าจัดการธุระทำอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมาเยี่ยมท่านอีกครั้ง ดูก็รู้ว่าท่านอายุมากกว่าข้าหลายปีถ้าจะให้ดีอย่าเป็นเด็กดื้อจะดีกว่านะเจ้าคะไว้พบกันใหม่เจ้าค่ะ” หลินหว่านรีบตัดบทก่อนจะยิ้มแหย ๆ เพื่อขอตัวออกไปทำธุระอีกสองเรื่อง ส่วนหนึ่งก็เพราะรู้สึกเขินอายหวังซินหยางที่ตนพูดเป็นตุเป็นตะ กล่าวหาว่าเขาแต่งงานมีฮูหยินและมีบุตรแล้วนี่สิ
‘หึ นี่นางกล้าอบรมข้ามิให้ทำตัวเป็นเด็กดื้อเช่นนั้นหรือ ได้ข้าจะเป็นเด็กดีทำตามที่เจ้าบอกก็แล้วกันคุณหนูโจว แต่ห้ามเจ้าไปพูดเช่นนี้กับผู้ใดอีกก็เท่านั้นเอง’ หวังซินหยางไม่มีทางให้หลินหว่านพูดเช่นนี้กับใครอีก
หลินหว่านที่รู้สึกอับอายกับเรื่องที่ตนคิดไปเอง เกี่ยวกับคุณชายหวังซินหยางเมื่อเอ่ยขอตัว จึงรีบเดินออกจากห้องพักของคนป่วยทันที ซึ่งท่าทางที่แสดงออกไปนั้นหวังซินหยางล้วนเห็นอย่างชัดเจน ยามที่เห็นหลินหว่านยิ้มจนเห็นแก้มบุ๋มทั้งสองข้าง ยิ่งทำให้ใบหน้าเรียวได้รูปน่ามองมากขึ้นไปอีก ส่วนอาการคันยุบยิบที่หัวใจกลับหายไปเมื่อคิดว่ารอยยิ้มนี้ จะมีบุรุษอื่นได้รับมันเช่นเดียวกับตนเองก็กลายเป็นกรุ่นโกรธ พอคิดถึงเรื่องนี้จึงตั้งใจเอาไว้ว่าจะรักษาตนเองให้หายดีในเร็ววัน ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหยางหลินเขาต้องติดตามนางทุกฝีก้าว รวมถึงจดจำบุรุษหน้าตาดีที่คิดเกี้ยวพาหลินหว่านเอาไว้ แล้วค่อยส่งเหวินเสียนกับซิ่วเหยียนไปตักเตือนคนเหล่านั้นทีหลัง