บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 จุดเปลี่ยนของชีวิต

เด็กหญิงพราวนารีเดินทางมาภาคเหนือของประเทศไทยเพียงลำพังกับกระเป๋าเป้เพียงหนึ่งใบ ผู้เป็นอาไม่ขัดข้องเพราะรู้ว่าเธอก็ไม่มีเวลาที่จะมาดูแลหลานสาวขนาดบุตรสาวเธอยังไม่มีความสามารถที่จะให้เวลาและความอบอุ่นได้เลยเธอจึงยอมปล่อยให้หลานไปสู่ครอบครัวของตาและยายของพี่สะใภ้แทน น้าอรดี หรือน้าอรมารอรับหลานสาวที่ท่ารถจนร่างเล็กลงมาจากรถเมล์ มือเล็กยกขึ้นมากระพุ่มไหว้ทักทายผู้เป็นน้าที่รอรับเธออยู่ด้วยรอยยิ้ม

“อาขอต้อนรับมาอยู่กับอาเน้อน้อง”

ภาษาเหนือที่พราวนารีพูดไม่ได้แต่ฟังรู้เรื่องดังออกมาจากปากของผู้เป็นน้า ถ้าตามลำดับญาติแล้วเธอต้องเรียกอรดีว่าน้า แต่น้าสาวให้เธอเรียกอา เธอจึงเรียกอาไปตามนั้น

“ขอบคุณค่ะอาอร” เด็กหญิงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม น้าของเธอใจดีไม่ต่างจากอาน้องของบิดาเลย

สองอาหลานพากันกลับบ้านอีกอำเภอหนึ่งด้วยรถจักรยานยนต์คันเก่า พราวนารีตื่นตาตื่นใจกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือเป็นอย่างมาก ธรรมชาติทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ใช้เวลาในการนั่งรถจักรยานยนต์มากับน้าสาวเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงหมู่บ้านที่เธอต้องมาอยู่อาศัยในวัยย่างสิบสองปี

“มาแล้วกา…. อีน้อง” ยายอิ่มเอ่ยทักทายหลานสาว

“หลานมาแล้วกะยาย”

ตาบุญมีเอ่ยถามคู่ชีวิตขึ้นมาก่อนที่จะมองไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงที่มาใหม่ ผู้สูงวัยทั้งสองยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สายตาก็ยังคงปรกติดีอยู่ รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสองตายาย

“สวัสดีค่ะตามียายอิ่ม หนูมาแล้วจ้ะ” พราวนารียกมือไหว้ชายหญิงสูงวัยก่อนที่จะวางกระเป๋าเดินทางของตนลง

“มาอยู่นี่หื้อสบายใจ๋เต๊อะเน้อลูก ปล่อยหื้อป้อกับแม่เปิ้นยะก๋านไป”

ภาษาเหนือทุกประโยคเด็กหญิงเข้าใจดี เธอซาบซึ้งที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวตายายและน้าสาว น้าของเธอมีบุตรสาวอยู่หนึ่งคน แต่อายุห่างจากเธอไปถึงแปดปี เพราะฉะนั้นบุตรสาวของน้าจึงมีอายุเพียงสามปีย่างสี่ปีเท่านั้น

น้าอรพาเธอไปติดต่อที่โรงเรียนในหมู่บ้านซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กแต่เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม เด็กหญิงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งนั้นในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่หก ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ไม่ว่าจะโรงเรียนที่ไหนก็มักจะมีการกลั่นแกล้งเด็กใหม่อยู่เสมอ คราวนี้เด็กหญิงที่เคยเงียบและยอมคนกลับลุกขึ้นสู้จนเพื่อนคนนั้นไม่กล้าที่จะแกล้งเธออีก

ความสามารถที่โดดเด่นด้านภาษาและการแต่งคำประพันธ์ดีเยี่ยมทำให้เด็กหญิงได้รับรางวัลมากมายจากการประกวดในกิจกรรมวันสำคัญต่างๆ ของโรงเรียน เรียกได้ว่าเธอเป็นเด็กเรียนดีกิจกรรมเด่นก็ไม่ผิด ยกเว้นเพียงแค่กีฬาก็เท่านั้นที่เด็กหญิงคิดว่ามันไม่ใช่ทางของเธอ พอนานวันเข้าเธอก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันถึงแม้ว่ากลุ่มนั้นจะไม่ใช่กลุ่มเด็กเรียนเก่งแต่เด็กหญิงก็ไม่ติด ขอแค่คบด้วยแล้วสบายใจก็พอ

“พราว…ตั๋วได้ที่หนึ่งเรียงความวันแม่อีกแล้วก๊ะ ว่าแต่วันแม่นี้ไผมาหื้อน่ะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามเธอ

“อืม… ถ้าไม่ใช่อาก็คงเป็นยายแหละที่มาอะ”

เด็กหญิงพราวนารีพูดภาษากลางกับเพื่อนแต่เพื่อนนั้นพูดกับเธอเป็นภาษาถิ่น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเด็กที่มีมารดาเป็นคนที่นี่โดยกำเนิด มารดาของเธอมักจะพูดเป็นภาษาถิ่นกำเนิดของมารดากับเธออยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าฟังรู้เรื่องทุกประโยค เพียงแต่พูดออกมาให้เป็นสำเนียงของคนเหนือยังไม่ได้เท่านั้นเอง

“แม่เราทำงานอยู่กรุงเทพฯน่ะ มาไม่ได้หรอก เสียเวลาหาเงิน”

เด็กหญิงบอกเพื่อนยิ้มๆ โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เธอที่ไม่ได้อยู่กับบิดามารดา แต่ยังมีเด็กอีกมากมายที่บิดามารดาต้องจากถิ่นฐานถิ่นกำเนิดเข้าเมืองกรุงไปหาเงินเพื่อให้พอกับค่าใช้จ่ายและหนี้สินในครัวเรือน

สามปีต่อมา

นายดำรงและนางอารีไม่เคยได้กลับมาเยี่ยมบุตรสาวเลยสักครั้ง สองสามีภรรยานั้นเตร็ดเตร่เร่ร่อนไปหลายจังหวัด การทำงานก่อสร้างไม่ได้ดีแบบที่คิด เจอทั้งผู้รับเหมาโกงค่าแรง เจอทั้งคนงานด้วยกันเอารัดเอาเปรียบ แต่สองสามีภรรยาก็อดทนเพื่อหาเงินส่งเสียให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียวได้ร่ำเรียนหนังสือ ความห่างไกลครอบครัวทำให้เด็กหญิงที่กำลังกลายมาเป็นวัยรุ่นเริ่มที่จะเหงา เธอจึงเริ่มมีแฟนจากโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกที่บิดาส่งมาให้ และนั่นก็เป็นก้าวแรกที่ทำให้ชีวิตของพราวนารีนั้นเปลี่ยนไป

เธอได้รับทุนการศึกษาจากโรงเรียนเทคโนแห่งหนึ่งในตัวเมืองลำปาง เรียกว่าโควตาสำหรับเด็กเรียนดีก็ไม่ผิด เธอได้โควตาเข้าเรียนในโรงเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพแห่งนั้นพร้อมกับเพื่อนในกลุ่มอีกสองคน แต่ทั้งสองคนเลือกเรียนคนละคณะกัน โดยนางสาวพราวนารีนั้นเลือกเรียนคณะบัญชีด้วยคิดว่าคนที่เรียนจบอาชีพนี้มามักจะมีหน้าที่การงานและมีเงินเดือนดี เธอไม่ได้เลือกเรียนตามความชอบของตนเองเลยสักนิด

ชีวิตในรั้วโรงเรียนของนางสาวพราวนารีเป็นไปอย่างราบรื่น ในช่วงปีที่หนึ่งเธอนั้นตั้งใจเรียนอย่างเช่นทุกครั้ง และแล้วเธอก็เลิกรากับแฟนคนแรก พอโสดมาได้สักพักเธอก็มีคนใหม่เข้ามาคุย ถึงแม้เธอจะไม่ใช่คนสะสวยอะไรจนถึงขั้นเป็นที่สะดุดตาแต่ทว่าความน่ารักสดใสของเธอก็โดนใจทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน มีหนุ่มๆ ขายขนมจีบให้เธอ และแน่นอนว่าคนที่ขาดความรักความอบอุ่นอย่างเธอก็มักจะโหยหาความรักความอบอุ่นจากใครสักคน

“น้องพราวมีแฟนแล้วกา…. เป็นแฟนอ้ายบ๋อ….”

นี่มักจะเป็นคำแซวที่เธอได้ยินเป็นประจำตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่เธอเข้าเรียนในปีแรก เธอยังไม่ได้สนใจใครจริงๆ เพราะหลังจากเลิกกับแฟนคนที่สองเธอก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่มีแฟนแล้วต้องมาคอยระแวง หึงหวงหรือทะเลาะกัน เธอเหนื่อย ยิ่งการเรียนในระดับชั้นใหม่มันทำให้เธอโสดอยู่เกือบหนึ่งปีเต็มๆ

ในปีที่สองเธอย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพื่อสะดวกในการเดินทางไปโรงเรียน เธอเช่าหอเดือนละหนึ่งพันอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวยังคงรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้ ถึงแม้ว่าจะเคยมีแฟนมาก่อนหน้านี้สองสามคน แต่นั่นก็เป็นความรักของวัยเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น นางสาวพราวนารีในวัยสิบเจ็ดปีเริ่มออกนอกลู่นอกทาง การเรียนที่จัดอยู่ว่าดีก็เริ่มที่จะมีผลกระทบขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่เธอไม่เคยขาดเรียนหรือโดดเรียน ตอนนี้เธอมีสังคมเพื่อนและแน่นอนว่าเธอมีแฟนใหม่ที่รู้จักกันผ่านทางโซเชียล ยุคที่โทรศัพท์กำลังเข้ามามีอิทธิพลแทนการเขียนจดหมายมันทำให้การติดต่อและการนอกใจกันง่ายขึ้น

อยู่มาวันหนึ่งแฟนหนุ่มที่เรียนอยู่ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองลำปางเช่นกันหลอกล่อให้เธอพาไปเอารายงานที่หอของเพื่อนเป็นเพื่อนเขา โดยนางสาวพราวนารีไม่ได้รู้เลยว่านั่นมันคืออุบาย เธอสูญเสียความบริสุทธิ์เป็นครั้งแรก เสียให้กับแฟนที่เพิ่งคบกันเพียงไม่นาน… จากการรู้จักกันผ่านทางโซเชียล นางสาวพราวนารีไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ทางครอบครัวของเธอหรือครอบครัวของอาฟัง เธอนึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ใจง่ายยอมโอนอ่อนไปกับแฟนหนุ่ม ยังดีที่ครั้งแรกเขานั้นป้องกัน แต่มีหรือว่ามีครั้งแรกจะไม่มีครั้งต่อไป เขาทำให้เธอเชื่อใจด้วยการพาไปแนะนำให้ทางบ้านรู้จัก พ่อแม่ของเขาใจดีและต้อนรับเธอเป็นอย่างดี

ความรักที่คิดว่าใช่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อแฟนหนุ่มเรียนจบ และเขาก็มาบอกเธอว่าเขากำลังจะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่จังหวัดเชียงใหม่ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาติดต่อกับเธอ แน่นอนว่าเธอเสียทั้งความสาวและเสียใจในวัยเพียงสิบเจ็ดปี นางสาวพราวนารีเสียใจอยู่ไม่นานเธอก็สามารถเดินออกมาจากจุดนั้นได้ด้วยการมีคนใหม่เข้ามาดามใจ ผู้ชายที่เข้ามานั้นเธอก็รู้จักเขาผ่านทางรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เพราะชายหนุ่มเป็นเพื่อนกับแฟนของรุ่นพี่สาวคนนั้น แน่นอนว่าการเป็นแฟนกันเรื่องมีอะไรกันมันก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ศักดิ์ศรีที่เคยมีมันหายไปเพราะเธอโหยหาความรักความอบอุ่น

เธอคบกับเพื่อนของแฟนรุ่นพี่เป็นระยะเพียงสั้นๆ เพราะฝ่ายชายดูไม่รักและไม่สนใจเธอ เขาเย็นชาหลังจากที่เขาเบื่อในรสชาติบนเตียง เขาเบื่อเธอ และสุดท้ายทั้งสองคนก็เลิกกัน ตอนนั้นเธอร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่หลายวัน แต่แล้วความคิดถึงอนาคตตนเองก็ทำให้เธอเข้มแข็ง ใครไม่รักเธอไม่เป็นไร เธอจะรักตัวเอง แต่แล้วความตั้งใจที่จะไม่มีแฟนก็จบลงเมื่อเธอได้เพื่อนของแฟนเพื่อนสนิทที่เข้ามาดามใจ เธอกับเขาบังเอิญรู้จักกันผ่านโซเชียล และเริ่มนัดเจอกันหลังเลิกเรียน ชายหนุ่มเรียนอยู่วิทยาลัยนอกเมืองลำปางแต่เขาก็ดั้นด้นมาพบเธอจนสองหนุ่มสาวเริ่มสานสัมพันธ์กันเรื่อยมา

การคบกันครั้งนี้ใครเลยจะไปรู้ว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปทั้งชีวิต พราวนารีในวัยสิบแปดปีกับการคบหากับแฟนหนุ่มคนนี้มานานเกือบปี และมีอะไรลึกซึ้งกันบ่อยครั้งทั้งแบบป้องกันและไม่ป้องกันทำให้หญิงสาววัยใสที่กำลังจะมีอนาคตที่ดีตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว พราวนารีไปนอนที่บ้านของแฟนหนุ่มบ่อยครั้งและเธอมีอาชีพหนึ่งที่สมัยนั้นสามารถหารายได้ระหว่างเรียนได้นั่นก็คือ สาวรำวงและแดนเซอร์ งานทั้งสองอย่างนี้เป็นการหาเงินได้ดีเยี่ยม และไม่ได้เป็นการเสียหายใดๆ เพราะคนที่มาเต้นด้วยก็ได้แค่สัมผัสเท่านั้น

เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ในครรภ์ของเธอกำลังมีชีวิตน้อยๆ อยู่ข้างในนั้นเพราะช่วงก่อนเธอนั้นยุ่งอยู่กับการหาเงิน พราวนารียังคงไปเรียนในช่วงชั้นปีที่สามของระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่หกตามปรกติ จนเธอเริ่มสังเกตอาการของตนเองที่กำลังเปลี่ยนไป เธอง่วงนอนและปัสสาวะบ่อยจนเป็นที่แปลกใจของอาจารย์และเพื่อนๆ เพราะตั้งแต่ทุกคนรู้จักกับเธอมา เธอไม่เคยเลยที่จะขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำระหว่างที่อาจารย์สอนอยู่ แต่ช่วงนี้มันเริ่มแปลกไป อาจารย์จึงเรียกเธอไปคุยในห้องปกครอง พอฟังอาจารย์พูดเธอถึงกับตกใจ เธอไม่แน่ใจว่าที่อาจารย์สงสัยจะเป็นจริงไหม แต่เธอก็ลองกลับไปตรวจดูจนเมื่อได้เห็นผลที่ตรวจออกมากับตา

มือบางสั่นเทาน้ำตาคลอเบ้า หมดแล้วความหวังของพ่อแม่ หมดแล้วอนาคตของเธอ เพราะตัวเธอเองแท้ๆ เรื่องนี้เธอไม่โทษใครเลยนอกจากความลุ่มหลงและไม่ระมัดระวังตัวของตนเอง เธอถูกพักการเรียนทันทีหลังปิดภาคเรียนที่หนึ่งเพราะเธอตั้งครรภ์ บิดามารดาที่ทราบเรื่องก็รีบเดินทางมาหาเธอ ทั้งสองท่านร้องไห้เสียใจกับการกระทำของเธอและดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอได้เจอกับบิดาและมารดาพร้อมหน้ากัน มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยสักนิด ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยและตกลงกันให้เธอกับแฟนหนุ่มผูกข้อไม้ข้อมือกันตามประเพณี ยกเว้นการจดทะเบียนสมรสเพราะอายุยังน้อยอยู่ด้วยกันทั้งคู่ และเธอก็ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของแฟนหนุ่ม โดยที่ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะต้องพบเจอกับเรื่องอะไรอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel