บทที่ 8 เกิดใหม่
เพราะบุตรสาวเป็นทารกตัวน้อยจ้ำหม้ำอ้วนท้วนตัวขวบอวบ เวลาแย้มยิ้มแม้จะยังไม่มีฟันก็เหมือนเทพธิดาตัวน้อย พลอยทำให้หัวใจของเมิ่งสืออีพลันรู้สึกเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน นางรู้สึกเหมือนตนเองเป็นผีเสื้อที่กำลังกระพือปีกบินวนอยู่บนดอกไม้ที่หอมกรุ่น
"เด็กดี อีเจี่ยเอ๋อร์[1]ของแม่ ถึงคนอื่นจะไม่รักแต่แม่รักลูกที่สุดเลยรู้หรือไม่"
น้ำตาของเมิ่งสืออีไหลออกเป็นทางยาวจากนั้นก็สะอื้น ในวันนี้ที่นางต้องทรมานเพราะคลอดบุตร นางกลับต้องอยู่เพียงลำพังโดยไร้เงาสามีมาคอยดูแล กระทั่งแม่สามีก็ยังไม่สนใจว่าหลานจะเป็นหญิงหรือชายจะคลอดออกมาปลอดภัยหรือไม่
แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้และเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาของลูกน้อยก็ดูเหมือนว่านางจะมีกำลังวังชาขึ้นมาโดยพลัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าจะคลอดเจ้าก้อนแป้งนี้ออกมานางยังหวาดวิตกและเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่จนรู้สึกว่าจิตใจกำลังร่วงดิ่งลงเหวอันมืดมิด
เมื่อสองแม่ลูกปลอดภัยหน้าที่ของหมอตำแยก็เสร็จสิ้นลงแล้ว หญิงชราเดินออกไปข้างนอกกำชับไฉไฉสาวรับใช้ของฮูหยินซึ่งเป็นหลานสาวของตนเองในเรื่องการดูแลสตรีหลังคลอดหลายคำ
"ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ หากไม่ได้ท่านป้าฮูหยินของข้าไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นใด"
สตรีสูงวัยเอ่ยว่า
"ช่างเป็นฮูหยินที่น่าสงสารยิ่งนัก ข้าอยู่มาจนอายุเกือบจะหกสิบแล้วยังไม่เคยพบเห็นฮูหยินใหญ่บ้านใดตกต่ำเช่นนี้มาก่อน ฮูหยินของเจ้าทั้งงดงามทั้งอ่อนหวาน จิตใจดีงามเช่นนี้ไยพวกเขาจึงทำร้ายได้ลงคอ ดูเอาเถิดกระทั่งคุณหนูน้อยที่เพิ่งคลอดยังน่าเอ็นดูเพียงนั้น เฮ้ย เห็นทีว่าข้าต้องมองท่านแม่ทัพใหม่เสียแล้ว วันคลอดบุตรสาวคนแรกแท้ ๆ ยังขับไล่ฮู่หยินใหญ่ออกนอกจวนเพื่อเอาใจภรรยารอง ทั้งเหยียบย่ำคน จัดงานแต่งงานใหญ่เพื่อฮูหยินรองเพียงนี้"
ไฉไฉเองก็น้ำตาซึม นางแทบจะกลั้นเสียงของตนเองไม่อยู่แล้วด้วยสงสารผู้เป็นนายของตนเอง
ก่อนหน้านี้ไฉไฉได้เร่งหาหมอตำแยในเมืองหลวงมาหลายคนเพราะกำหนดคลอดของฮูหยินใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่กลับไม่มีผู้ใดที่สะดวกมาทำคลอดให้
ไฉไฉย่อมรู้ว่าฮูหยินของตนเองกำลังถูกกลั่นแกล้ง ตั้งแต่เข้าจวนท่านแม่ทัพมาฮูหยินซึ่งกำลังตั้งครรภ์ก็มีชีวิตที่ยากลำบากยิ่งนัก
ในขณะที่ไฉไฉกำลังจะหมดหวังท่านป้าซึ่งเป็นหมอตำแยกลับมายังเมืองหลวงเพื่อมาเยี่ยมมารดาของนางพอดี ไฉไฉจึงขอร้องให้ท่านป้าของตนมาทำคลอดให้ฮูหยิน
สวรรค์ยังไม่โหดร้ายเกินไป ยังให้ทางรอดแก่แม่ลูกผู้น่าสงสารอยู่บ้าง
ตั้งแต่ฮูหยินมาถึงที่จวนแม่ทัพ ไฉไฉได้รับหน้าที่ดูแลนางจากท่านแม่ทัพ ไฉไฉเป็นคนดีและคนซื่อตั้งใจปรนนิบัติฮูหยินเอกอย่างเต็มที่แม้คนอื่นจะรังแกและหลีกหนี
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้มีซินแสมาตรวจดูดวงชะตาพบว่าในวันแต่งงานรับฮูหยินรอง ไม่สามารถให้ฮูหยินเอกอยู่ในจวนได้เพราะจะทำให้ชะตาชีวิตของท่านแม่ทัพตกต่ำ
ฮูหยินผู้เฒ่าเชื่อในคำทำนายนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นฮูหยินของนางจึงถูกฮูหยินผู้เฒ่าผู้เป็นใหญ่ในจวนขับไล่ให้ออกมาอยู่นอกจวน อาศัยที่เรือนหลังเล็กอันหนาวเหน็บแห่งนี้ทั้ง ๆ ที่ท้องโตใกล้คลอด
บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มาเนิ่นนานเป็นบ้านร้างที่ถูกซื้อไว้หลายปีแล้วหลายจุดจึงผุพัง ไม่มีกระทั่งเตียงอุ่นสักหลัง
ฮูหยินของนางมีเงินไม่มากสินเดิมที่ได้รับมาไฉไฉก็รู้ว่าถูกพวกโจรปล้นไปจนหมด ฮูหยินมีปิ่นทองล้ำค่าที่ติดกายมาหนึ่งอันรวมกับหยกขาวห้อยเอวอยู่ชิ้นหนึ่งจึงมอบให้ไฉไฉนำไปจำนำ จึงพอมีเงินมาจ้างให้คนทำเตียงอุ่นและซื้อถ่านมาเตรียมไว้ได้บางส่วน
แต่ว่าเงินมีจำนวนจำกัดไม่รู้ว่าจะสามารถผ่านหน้าหนาวนี้ไปได้หรือไม่
"เจ้าเข้าไปดูแลฮูหยินเถิด พรุ่งนี้ข้าจะมาช่วยเจ้าแต่เช้า"
ไฉไฉคุกเข่าลงแล้วคำนับผู้เป็นป้า
"ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ"
ท่านป้าหมอตำแยรีบพยุงให้ไฉไฉลุกขึ้น
"เจ้าเป็นหลานข้า หากข้าไม่ช่วยเจ้านายของเจ้าพวกเราก็ไม่ต้องมานับญาติกันแล้ว อาไฉอย่างไรก็ดูแลฮูหยินให้ดี ข้าเห็นว่าคุณหนูน้อยช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ดูสิหลังถูกข้าตีแล้วจนป่านนี้ยังไม่ร้องไห้สักแอะ เหมือนจะรู้ความเกินเด็กทารกทั่วไป ใบหน้าของคุณหนูล้วนเต็มไปด้วยลักษณะผู้มีบารมี ข้าคิดว่านับจากนี้ไปชีวิตของฮูหยินอาจจะพลิกผันดีขึ้นเพราะบุตรสาวผู้นี้"
เชิงอรรถ
1. ^ เจี่ยเอ๋อร์คือคำที่ใช้เรียกเด็กผู้หญิง โดยมีตัวเลขนำหน้าอี = 1อีเจี่ยเอ๋อร์หมายถึงเด็กหญิงคนที่ 1