บทที่ 9 ไม่สำคัญ
อ้ายอ้ายลืมตาดูโลกได้สามวันแล้วแต่อ้ายอ้ายก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครญาติพี่น้องคนใดมาเยี่ยมนางเลยแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นท่านพ่อของตัวเองอ้ายอ้ายก็ไม่เห็นว่าเขาจะโผล่มา อ้ายอ้ายอยากเห็นหน้าเขาคนผู้นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ทำไมถึงได้ใจจืดใจดำปานนั้น
อ้ายอ้ายสงสารหม่าม้าเหลือเกินอยากจะพูดปลอบโยนให้หม่าม้าสบายใจแต่เพราะอ้ายอ้ายยังเป็นเด็กแรกเกิดถึงแม้ว่าจะมีหัวใจเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่อาจฝืนร่างกายที่อ่อนแอและต้องการพักผ่อนเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการตามประสาเด็กเกิดใหม่ออกมาได้ ดังนั้นทั้งวันทั้งคืนของอ้ายอ้ายก็คือการนอนและตื่นตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
อ้ายอ้ายแม้จะยังเป็นทารกแต่ก็มีเรื่องที่ชอบที่สุดแล้ว นั่นก็คือตอนนี้อ้ายอ้ายชอบเพ่งมองใบหน้าสวย ๆ ของหม่าม้ามากเป็นพิเศษ อ้ายอ้ายอยากจะพูดคุยกับหม่าม้าแต่ว่าดูเหมือนว่าร่างกายจะยังไม่พร้อมแม้อยากจะส่งเสียงแต่ก็เป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ ที่เปล่งออกมาเท่านั้น พอพยายามพูดมากอ้ายอ้ายก็เหนื่อยจนหลับอีกแล้ว
อ้ายอ้ายกินไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่เพราะว่าน้ำนมของหม่าม้ายังมาน้อยนักจึงทำให้อ้ายอ้ายตื่นขึ้นมาบ่อยครั้ง และทุกครั้งอ้ายอ้ายจะได้ยินเสียงสะอื้นและยังสัมผัสได้ถึงหยดน้ำที่น่าจะไหลออกมาจากดวงตาของหม่าม้าที่กำลังเป็นทุกข์ใจ อ้ายอ้ายพูดไม่ได้จึงได้แต่จับนิ้วเรียวของหม่าม้าเอาไว้แน่น
สู้ สู้ นะหม่าม้า!
ผู้ชายคนนั้นน่าโมโหจริง ๆ อ้ายอ้ายอยากโตไว ๆ จะสอนให้หม่าม้าปั่นหัวให้ท่านพ่อหลงรักและทิ้งเขาไปให้สำนึกคอยดู
ความจริงฮูหยินในจวนใหญ่มักจะมีแม่นมคอยช่วยเลี้ยงดูบุตร แต่เพราะมารดาของอ้ายอ้ายเป็นสตรีที่มาจากสกุลศัตรูจึงถูกรังเกียจชิงชัง
ที่ผ่านมาถึงจะตั้งท้องแต่กลับไม่ได้รับอาหารบำรุงร่างกายจึงทำให้มารดาผ่ายผอมครรภ์เล็กนิดเดียว แต่จากคำของหมอตำแยนั้น อ้ายอ้ายเกิดมาร่างกายสมบูรณ์อ้วนท้วนเห็นชัดว่าสารอาหารที่มารดากินเข้าไปอ้ายอ้ายได้รับมาทั้งหมด
อ้ายอ้ายรู้สึกผิดที่ทำให้หม่าม้าได้รับความลำบาก แต่เอาเถิดอ้ายอ้ายจะชดเชยให้อย่างแน่นอน
ระหว่างนี้ในใจของอ้ายอ้ายได้เริ่มวางแผนเอาไว้ ต้องขอบคุณความทรงจำอันดีเลิศของอ้ายอ้ายที่ทำให้จดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ได้ ทำให้อ้ายอ้ายพอที่จะมองเห็นช่องทางสร้างโอกาสให้มารดาได้พลิกชีวิต ถึงไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการใดแต่อ้ายอ้ายจะค่อย ๆ คิดอย่างรอบคอบและหาทางช่วยหม่าม้าด้วยสมองอันชาญฉลาดของอ้ายอ้ายเอง
หลังจากหลับไปได้ราวหนึ่งชั่วยามอ้ายอ้ายก็ส่งเสียงร้องอ้อแอ้เบา ๆ เมิ่งสืออีเพียงได้ยินเสียงเล็ก ๆ ครั้งเดียวนางก็ลืมตาตื่นระยะนี้นางต้องอยู่ไฟและยังขยับตัวลำบากจึงได้ร้องเรียกให้สาวใช้ไปอุ้มลูกที่นอนอยู่บนที่นอนมาให้นาง
"บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ"
ไฉไฉเข้ามาพร้อมกับถ้วยกระเบื้องสีดำที่ด้านในมีน้ำนมขาวอยู่ในมือ
"ฮูหยินบ่าวได้น้ำนมแพะมาแล้วเจ้าค่ะ บ่าวอุ่นเรียบร้อยแล้วฮูหยินไม่ค่อยมีน้ำนมคุณหนูก็ตื่นบ่อยสงสัยคงเป็นเพราะกินไม่อิ่ม"
เมิ่งสืออีเอ่ยว่า
"หมอตำแยจัดยาเอาไว้ให้ข้าแล้วเพื่อเพิ่มน้ำนม ยังบอกว่าให้อดทนสักหลายวันหน่อยหากข้าขยันให้อีเจี่ยเอ๋อร์ดูดเต้าไม่นานน้ำนมจะมาเอง"
ไฉไฉวางถ้วยน้ำนมเอาไว้บนโต๊ะตัวเล็กใกล้ ๆ กับเตาผิงไฟด้วยความระมัดระวัง ความจริงที่ไฉไฉไม่อยากให้คุณหนูดื่มนมจากเต้าของฮูหยินเพราะเกรงถันจะเสียทรงและไม่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่านอีกจะมีฮูหยินบ้านใดบ้างที่ป้อนนมให้บุตรด้วยตัวเองเช่นนี้
แต่เมื่อคิดดูแล้ว รักษาตัวเองเพื่อชายที่ไม่ได้รักจะมีประโยชน์อันใด เช่นนั้นไฉไฉก็เลยไม่คะยั้นคะยอฮูหยินอีก นางขยับไปอุ้มเด็กน้อยที่ตื่นแล้ว และดวงตากลมโตคู่งามของคุณหนูยังจ้องหน้าไฉไฉไม่วางตา
ไฉไฉยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูยิ่งนัก
"คุณหนูคงรู้ว่าฮูหยินลำบาก ตั้งแต่คลอดออกมาวันนั้นบ่าวยังไม่เห็นว่าคุณหนูจะร้องงอแงเหมือนเด็กเล็ก ๆ ทั่วไป เพียงแต่ส่งเสียงอ้อแอ้เบา ๆ เท่านั้น"
เมิ่งสืออียิ้มเล็กน้อย
"ส่งอีเจี่ยเอ๋อร์มาให้ข้าเถิด"
หลังจากรับลูกมานางก็ขยับหันหลังให้ไฉไฉแล้วให้ลูกดื่มนมจากเต้าของตนเองทันที อ้ายอ้ายอ้าปากกว้างงับปลายถันของมารดาเอาไว้แล้วเริ่มออกแรงดูด
เมิ่งสืออีรับรู้ได้ถึงสายธารอุ่นสายหนึ่งกำลังไหลออกจากเต้าของตนเองผ่านไปยังปลายถันเข้าสู่ปากของลูกน้อย ช่างเป็นความรู้สึกที่ละมุนละไมยิ่งนัก
ทุกครั้งที่บุตรสาวดื่มนมก็มักจะจับนิ้วของนางเอาไว้แน่นแล้วดวงตาคู่นั้นก็จับจ้องมาที่ใบหน้าของนางราวกับต้องการจะให้กำลังใจให้นางมีแรงสู้ต่อไป
ไฉไฉเห็นเมิ่งสืออีให้นมลูกด้วยตัวเองอีกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว
"ไม่ลองให้ดื่มนมแพะสักหน่อยหรือเจ้าคะ"
เมิ่งสืออีส่ายหน้า
"ข้าเชื่อท่านหมอตำแย อดทนอีกสักหน่อยน้ำนมต้องไหลออกมาอย่างแน่นอน เจ้าดูบุตรสาวของข้าสิ แม้จะกินนมไม่ค่อยอิ่มก็ยังไม่ค่อยงอแง อีเจี่ยเอ๋อร์เป็นทารกแรกเกิดยังรู้จักอดทนข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด"
สิ้นคำนี้ของนางเมิ่งสืออีรู้สึกว่ามือเล็กป้อมของบุตรสาวกำมือนางแน่นขึ้น เหมือนจะย้ำว่านางเข้าใจถูกแล้ว เมิ่งสืออีประหลาดใจยิ่งนัก เด็กตัวแค่นี้จะเข้าใจคำที่นางเอ่ยจริงหรือ
เพราะต้องเป็นแม่คนนางจึงศึกษามาไม่น้อยว่าทารกแรกเกิดขยับตัวได้เล็กน้อย ยังมองไม่ค่อยเห็นและไม่เข้าใจภาษาดังนั้นนางจึงแปลกใจที่เห็นบุตรสาวเป็นเช่นนี้
อ้ายอ้ายดื่มนมไปก็ร้องอืออาในลำคอสลับกันไป วันนี้น้ำนมของมารดาไหลแรงขึ้นถึงแม้จะยังน้อยแต่นางก็รู้สึกว่าตัวเองได้กินเต็มปากเต็มคำกว่าสองวันที่ผ่านมา
อ้ายอ้ายดื่มนมจนเกลี้ยงเต้าทั้งสองแต่ก็ยังไม่อิ่มเช่นเคยทว่าวันนี้ยังตักตวงได้มากกว่าทุกครั้ง อ้ายอ้ายจึงพยายามอดทนเอาไว้และหลังจากนมหมดเต้าอ้ายอ้ายก็ดวงตาปรือ
ให้ตายเถิดง่วงนอนอีกแล้ว น่ารำคาญชะมัด
ไม่เพียงแต่ง่วงนอนอ้ายอ้ายยังปัสสาวะราด สองสามวันมานี้ล้วนมีแต่เรื่องน่าอาย
ถึงตอนแรกจะอับอายจนอยากตายไปอีกครั้งแต่เพราะสัมผัสของมารดาช่างอ่อนโยนทำให้อ้ายอ้ายรู้สึกเบาสบายตัว ดังนั้นนอกจากมองหน้าหม่าม้าและชอบฟังเสียงหวาน ๆ ของหม่าม้าแล้ว อ้ายอ้ายยังชอบให้หม่าม้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้อีกด้วย
หลังจากเช็ดก้นเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บุตรสาวและห่อตัวทารกน้อยจนกลายเป็นซาลาเปาก้อนกลมก้อนหนึ่งแล้วเมิ่งสืออีก็กล่อมให้บุตรสาวนอนด้วยเพลงพื้นบ้านที่มารดาของนางเคยร้องให้ฟังบ่อย ๆ เมื่อตอนสมัยเด็ก ๆ แต่ครานี้ร้องเพลงจบไปรอบหนึ่งแล้วบุตรสาวก็ยังไม่ยอมนอน เมิ่งสืออีจึงได้หันมาพูดคุยกับไฉไฉแทน
ไฉไฉช่วยเมิ่งสืออีเก็บผ้าอ้อมที่เปื้อนใส่ไว้ในตะกร้าหวายจากนั้นก็ส่งนมแพะให้เมิ่งสืออีดื่มแทน
"เช่นนั้นฮูหยินดื่มนมแพะนี่เถิดนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวบ่าวจะไปต้มยาบำรุงพร้อมกับนำอาหารเย็นมาให้ท่าน"
เมิ่งสืออีรับนมแพะไปดื่มจนหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่จะช่วยบำรุงร่างกายของนางแม้จะไม่ชอบแต่เมิ่งสืออีก็พยายามกินทั้งหมดเพื่อบุตรสาว
ไฉไฉมองใบหน้ากลมป้อมของทารกน้อยพร้อมกับเอ่ยเบา ๆ
"เรื่องชื่อของคุณหนูจะทำอย่างไรเจ้าคะ จะรอนายท่านหรือเจ้าคะ หากนายท่านไม่สนใจ..."
เมิ่งสืออีตอบว่า
"ยังไม่รีบ เรียกอีเจี่ยเอ๋อร์ไปก่อน จดหมายที่ข้าวานเจ้าไปส่งเรียบร้อยหรือไม่"
ไฉไฉพยักหน้า
"เรียบร้อยเจ้าค่ะ แต่คงอีกนานกว่าจะถึงมือท่านเจ้าเมือง"
"ข้ารู้ น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน"
ไฉไฉเอ่ยต่อ
"ฮูหยินที่จวนใหญ่ เรื่องของนายท่าน..."
"ไม่ต้องพูดถึงคนพวกนั้นแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ข้าคลอดอีเจี่ยเอ๋อร์ออกมาอย่างปลอดภัยแล้วข้าก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกันอีก"
เมิ่งสืออีไม่อยากฟัง นางรู้สึกว่าตนเองไม่อยากเจ็บช้ำน้ำใจและได้รับความกระทบกระเทือนอันใดอีก
ที่ผ่านมาไม่ว่าจะได้รับความลำบากเพียงใดนางไม่เคยปริปากบ่นหรือตัดพ้อต่อว่าผู้ใด ซ้ำยังยินยอมรับคำดูถูกจากผู้อื่นโดยไม่ตอบโต้นั่นเป็นเพราะว่านางต้องการให้บุตรในครรภ์ของนางคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
หลังจากนี้นางวางแผนเอาไว้แล้ว เมื่อนางแข็งแรงขึ้นนางจะลักลอบพาบุตรสาวจากไปอย่างเงียบ ๆ เมิ่งสืออีคิดว่าผ่านมานานเพียงนี้แล้ว บิดาและมารดาคงมั่นคงแล้วกระมังนางจึงตัดสินใจคิดหย่าขาดจากสามีและกลับไปที่บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมา เวลานั้นค่อยให้บิดาตั้งชื่อให้หลานสาวด้วยตนเอง
"แต่ว่า...ดูเหมือนว่านายท่านจะไม่ทราบว่าท่านถูกไล่มาอยู่ที่นี่"
เมิ่งสืออียิ้มเย็น
"ข้าบอกแล้วว่าไม่สำคัญ เขากับข้านับแต่นี้ไม่เกี่ยวข้องกัน"
อ้ายอ้ายส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอพยายามดึงให้ตัวเองมีสติถึงแม้ว่าดวงตาปรือแทบจะปิดลงมาแล้วแต่นางก็ยังพยายามฝืนเอาไว้อย่างน่าขัน นั่นเป็นเพราะเรื่องของบิดาที่นางกำลังได้ยินในยามนี้ ตั้งแต่มาอยู่ในโลกใหม่นี่เป็นครั้งแรกที่หม่าม้าพูดถึงผู้ชายคนนั้น
แต่แล้วอ้ายอ้ายก็สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงของเย็นขาบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น
"ผู้ใดบอกว่าข้ากับเจ้าไม่เกี่ยวข้องกัน ในเมื่อเจ้าคลอดบุตรสาวให้ข้าเช่นนี้!"