บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 เรื่องแย่ 2

อ้ายอ้ายมองไปรอบ ๆ ที่นี่ยังไงก็ไม่เหมือนบ้านเศรษฐีเพราะเป็นเพียงบ้านไม้หลังเก่าผุ ๆ ที่แทบจะกันลมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นช่วงชีวิตต่อไปของอ้ายอ้ายจะสุขสบายได้ยังไง

อ้ายอ้ายน้ำตาคลอ ขอร้องท่านยมทูตอีกครั้งหนึ่ง

"ดีตรงไหนสุดท้ายยังไม่ได้ใช้ชีวิตก็ต้องถูกแม่ตัวเองฆ่าตาย ท่านยมทูตพาอ้ายอ้ายไปเกิดที่อื่นได้หรือเปล่าคะ ท่านยมทูตลองดูอ้ายอ้ายดี ๆ"

ยมทูตทำสีหน้างง

"ทำไมต้องดูดี ๆ"

อ้ายอ้ายหมุนตัวสองรอบและหมุนอย่างช้า ๆ ยมทูตยิ่งขมวดคิ้วย่นเข้าไปใหญ่

"ดูว่าอ้ายอ้ายมีปีกหรือเปล่า เหมือนเอ่อทิงเกอร์เบลล์น่ะค่ะ นางฟ้าทิงเกอร์เบลล์ ให้อ้ายอ้ายไปเกิดเป็นนางฟ้าเสกคาถาอะไรแบบนั้นไม่ได้เหรอคะ"

อ้ายอ้ายพยายามทำท่าทางให้น่ารัก แต่ยมทูตทำหน้าเหมือนกับอ้ายอ้ายกำลังพูดเรื่องปัญญาอ่อน พร้อมกับส่ายหน้าช้า ๆ

"ไม่ได้ ชะตากำหนดแล้วยังเพ้อเจ้ออะไร อีกอย่างทิงเกอร์เบลล์ก็แค่นิทานหลอกเด็กไม่ได้มีอยู่จริง"

อ้ายอ้ายผิดหวังเป็นอย่างยิ่งแต่ไม่ยอมแพ้

"นะคะคุณยมทูตสุดหล่อ ช่วยอ้ายอ้ายด้วยนะคะ อ้ายอ้ายไม่อยากตายเร็วไปเป็นองค์หญิงหรือนางฟ้าก็ได้ค่ะ"

ในตอนที่อ้ายอ้ายอ้าปากขอร้องยมทูตเธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างกระเด็นเข้าปากของเธอทำให้อ้ายอ้ายหุบปากและไอแคก ๆ ทันใด ท่าทางของยมทูตดูเร่งร้อนขึ้นเมื่อเขายกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา

"ไม่มีเวลาแล้วต้องไปรับวิญญาณอีกดวง ยัยหนูชะตากรรมถูกขีดเอาไว้แล้วเจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง ข้าไม่ได้หารือกับเจ้าข้าแค่เล่าให้ฟัง ข้ายุ่งเวลาไม่ทันแล้ว ข้าไปก่อน เดี๋ยวตอนที่เด็กคลอดออกมาวิญญาณของเจ้าจะถูกดูดเข้าไปในร่างเด็กน้อยเองไม่ต้องห่วง รออยู่ที่นี่แหละ อ้อในปากของเจ้าก็คือลูกอมยายเมิ่งไม่ใช่ยาพิษ ถึงจะไม่อร่อยแต่มันช่วยลบความทรงจำของเจ้าทั้งหมดให้กลับไปเป็นเด็กทารกอีกครั้ง ข้าไปล่ะ บาย"

ยมทูตหายไปแล้วอ้ายอ้ายยังกุมคอและท่าทางเหมือนทุรนทุรายเมื่อเธอรู้สึกว่าลูกอมยายเมิ่งกำลังติดอยู่ที่คอหอยของเธอ อ้ายอ้ายจึงตัดสินใจใช้วิธีล้วงนิ้วเข้าไปในลำคอของตนเอง เธอดันนิ้วเข้าไปลึกจนสุดและในที่สุดก็บังเกิดอาการอยากจะอาเจียนกระทั่งสามารถคายลูกอมยายเมิ่งที่จะล้างสมองของเธอออกมาได้

อ้ายอ้ายใช้เท้าเหยียบขยี้ลูกอมรูปหัวใจสีดำจนละเอียด

'ในเมื่อไม่มีทางแก้ไข อ้ายอ้ายก็จะแก้ไขด้วยวิธีของอ้ายอ้ายเอง ชิ'

และนี่เป็นครั้งที่สามที่อ้ายอ้ายรู้สึกว่าตัวเองถูกเครื่องดูดฝุ่นอันใหญ่ดูดอีกครั้ง วิญญาณของอ้ายอ้ายหายเข้าไปในห้องนั้นพร้อมกันกับเสียงของหมอตำแยทำคลอดที่ร้องขึ้นมา

"คลอดแล้วเป็นคุณหนู คลอดแล้วเจ้าค่ะ"

สายรกถูกตัดออกพร้อมกับร่างของเด็กน้อยที่ถูกอุ้มไปชำระล้างร่างกายแล้วห่อในห่อผ้ามงคลสีแดง เด็กน้อยลืมตาขึ้นแล้วมีสีหน้าที่ดูค่อนข้าง งุนงง

สีหน้านี้ทำให้หมอตำแยถึงกับมองด้วยความประหลาดใจเด็กคนนี้เกิดมาก็ลืมตาทันใด

ดวงตากลมโตของนางยังกลอกไปมาแล้วจ้องมองใบหน้าหมอตำแยด้วยความสงสัย

หมอตำแยถูกทารกแรกเกิดจ้องมองด้วยดวงตาใสแจ๋วก็รู้สึกใจไม่ดี มิหนำซ้ำเด็กน้อยยังไม่ร้องสักแอะหรือว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติ

อ้ะ หรือว่า...นางเป็นใบ้!

ไม่ได้การแล้วต้องรีบทำให้ร้องไห้ให้เร็วที่สุด

ในเมื่อเจ้าหัวไชเท้าขาวอวบที่เพิ่งดึงออกมาจากดินด้วยตนเองไม่ยอมส่งเสียง หมอตำแยจึงใช้ฝ่ามือฟาดที่ตูดไปสองที แต่เด็กน้อยยังมองตาแป๋วเหมือนไม่รู้สึกอันใด

หมอตำแยเริ่มใจเสีย ฮูหยินคนนี้ไม่ได้รับความโปรดปรานหากว่าบุตรสาวที่คลอดมาเป็นใบ้ชีวิตที่เหลือของนางคงไม่พ้นถูกมอบหนังสือหย่าและจากนั้นไม่ต้องเอ่ยว่าจะมีชีวิตที่ยากลำบากเพียงใด

ในขณะที่หมอตำแยกำลังตกอกตกใจ อ้ายอ้ายที่เพิ่งถือกำเนิดในร่างเด็กน้อยก็อยู่ในสภาวะงวยงงสงสัย

ความตายสำหรับนางช่วงรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน และการเกิดใหม่ก็เช่นเดียวกัน เผลอพริบตาเดียวก็ดูเหมือนว่าอ้ายอ้ายกำลังถูกผู้ใหญ่ตัวโต ๆ อุ้มเอาไว้แล้ว

อ้ายอ้ายมองไปรอบ ๆ และนางก็มองเห็นไม่ค่อยชัด นางจึงพยายามโฟกัสไปที่การมองเห็น

'ในบันทึกไม่ได้มีบอกเอาไว้ว่าเด็กน้อยตาบอด ไม่นะ ฉันไม่น่าตาบอดหรอก ต้องไม่บอดสิ สวรรค์อย่าทำร้ายฉันนักเลย!'

เพราะมัวแต่กังวลเรื่องดวงตาอ้ายอ้ายจึงเหม่อลอยไม่ยอมร้องไห้ จึงทำให้หมอตำแยยิ่งเข้าใจผิดว่าเด็กอาจเป็นใบ้ หมอตำแยจึงได้ลงมือตีก้นเด็กแรงขึ้น ด้วยความที่เนื้อยังอ่อนเกินไปเมื่อถูกฝ่ามือตีเข้าไปอย่างแรงคราวนี้อ้ายอ้ายก็รู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว

"อุแว้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"

คราวนี้อ้ายอ้ายร้องกังวานจนแสบแก้วหูไม่หยุดเพราะทั้งเจ็บที่โดนตีก้นและตกใจที่คิดว่าตัวเองอาจจตาบอด กระทั่งอ้ายอ้ายได้ยินเสียงของมารดาเอ่ยว่า

"ปลอดภัยดีหรือไม่ ให้ข้าดูนางหน่อย บุตรสาวข้า"

ดูเหมือนหมอตำแยจะพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอก ตั้งแต่ทำคลอดเด็กมาตลอดชีวิตไม่เคยเห็นเด็กคนใดดื้อด้านไม่ยอมร้องไห้ออกมา และยังมีสีหน้าราวกับผู้ใหญ่เช่นนั้น

"คุณหนูปลอดภัยดี ร้องเสียงดังเช่นนี้ย่อมบ่งบอกว่าสุขภาพแข็งแรง เห็นครรภ์ของฮูหยินเล็ก ๆ ตอนแรกยังเกรงว่าเด็กจะคลอดออกมาไม่สมบูรณ์ แต่ฮูหยินดูรูปร่างอ้วนท้วนนี่สิเจ้าคะ คุณหนูช่างเป็นซาลาเปาน้อยนุ่มฟูน่ารักยิ่งนักเจ้าค่ะ"

หมอตำแยส่งอ้ายอ้ายให้มารดา มารดารับอ้ายอ้ายมาอุ้มเอาไว้พร้อมกับก้มหน้าต่ำลงมาจูบที่หน้าผากของอ้ายอ้าย เด็กน้อยหยุดร้องทันใดเมื่อเห็นใบหน้าของมารดาชัดเจน

อ้ายอ้ายเหลือบตาขึ้นลงแล้วจ้องมารดาเขม็ง ไม่อ้าปากร้องอีกทำเอามารดาประหลาดใจกับท่าทางรู้ความของเด็กน้อย

หมอตำแยปาดเหงื่อพร้อมกับเอ่ยว่า

"คุณหนูช่างรู้ความนัก เพียงฮูหยินอุ้มก็หยุดร้องทันที ราวกับเด็กเจ็ดเดือนกระนั้นไม่เหมือนเด็กแรกคลอดเลยสักนิด"

อ้ายอ้ายไม่ทันฟังคำของคนแก่คนนั้น เพราะตอนนี้อ้ายอ้ายกำลังสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวเห็นชัดทำไมเดี๋ยวเห็นไม่ชัด

'เอ๋ ตอนหม่าม้าขยับหน้าเข้ามาใกล้ เห็นหม่าม้าชัดเจน ไม่ตาบอดหรือ'

จากนั้นจึงคิดได้ว่า

'อ้อ เพิ่งคลอดออกมา เด็กจะมองเห็นไม่ชัดนอกจากจะมองใกล้ ๆ กว่าจะมองเห็นชัดก็น่าจะอีกหลายเดือน ไม่ตาบอดแล้ว ไม่ตาบอดแล้ว'

อ้ายอ้ายก็พลันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขยิ่งนัก ดวงตากลมใสแจ๋วจ้องมองมารดา จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอ้อแอ้และส่งรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของนางชัดเจน

มือเล็กป้อมยื่นมาข้างหน้าราวกลับจะคว้าใบหน้าของมารดาเอาไว้ ดูเป็นเจ้าก้อนแป้งน้อยที่กระตือรือร้นเกินเด็กแรกเกิดคนอื่น

'หม่าม้าจ๋า หม่าม้าสวยจังเลย มีหม่าม้าที่สวยแบบนี้อ้ายอ้ายก็คงไม่ขี้เหร่แล้ว'

เชิงอรรถ

1. ^ ตงจื้อเป็น 1 ใน 24 ฤดูลักษณ์ของจีน หมายถึงช่วงที่หนาวที่สุดของจีนในรอบปี ปกติจะอยู่ในช่วงเวลา 21-23 ของเดือนธันวาคม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel