บทที่ 9 ได้งานแล้ว
เฉิงเทียนหยวนก็เคยเรียนภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญ กวาดตามองพบว่าไม่รู้จักคำศัพท์หลายตัว ดูเหมือนเป็นหนังสือพิมพ์บทความหนึ่ง
"นี่อะไร?"
เซวียหลิงโพล่งตอบ "นี่งานแปลที่สำนักพิมพ์ให้ฉันทำ ฉันไปมาสองบริษัท มีสำนักหนังสือพิมพ์หรงหวา พวกเขาสนใจจะจ้างงานฉัน แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ"
เฉิงเทียนหยวนรินน้ำหนึ่งแก้ว รู้สึกกระหายมาก ดื่มไปสองอึกใหญ่ ใบหน้าหล่อก็ใจเย็นเงียบสงบ
"ลองว่ามา"
เซวียหลิงอธิบาย "บริษัทแรกคือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอหรงหวาตอนนี้ หลักๆ คือขนส่งสินค้า ตำแหน่งคือผู้จดบันทึกข้อมูล และทำงานบัญชีนิดหน่อย บริษัทที่สองเล็กมาก แต่งานสบาย แค่รับผิดชอบจดบันทึกรายการบัญชีและตรวจสอบ ค่าจ้างสองบริษัทพอๆ กัน หนึ่งเดือนสองร้อยหยวน น้อยมาก"
เฉิงเทียนหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วตอบว่า "ค่าจ้างถือว่าไม่เลว ไม่ถือว่าน้อย"
ในยุคนี้ นักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นหายาก มีใบปริญญาหางานทำได้ นายจ้างแทบจะแย่งตัวกัน
เขาเรียนจบแค่มัธยมปลายเกี่ยวกับวัฒนธรรม ตอนหางานทำแรกๆ ยังไม่ได้ใบประกาศนียบัตรจบมัธยมปลาย จึงจำเป็นต้องหางานมั่นคงที่สหกรณ์ร้านค้า
หลังจากทำงานมาระยะหนึ่ง เขาก็คุ้นเคยกับอำเภอแล้ว กลางคืนก็ไปทำงานพาร์ทไทม์ที่สถานีรถ หาเงินเพิ่มนิดหน่อย
สหกรณ์ร้านค้าให้ค่าจ้างแค่ร้อยยี่สิบ รวมกับค่าจ้างงานพาร์ทไทม์ตอนกลางคืน หนึ่งเดือนเขาได้มากสุดร้อยห้าสิบร้อยหกสิบหยวน
เขาอธิบายเสียงเรียบ "อำเภอหรงหวาเป็นแค่อำเภอธรรมดา เทียบไม่ได้กับเมืองใหญ่ งานเหมือนกัน ถ้าทำที่เมืองหลวงจะได้สามร้อยหยวน ที่นี่มากสุดก็สองร้อย"
เซวียหลิงก็เข้าใจเหตุผลนี้ จึงพยักหน้าคล้อยตาม
"งั้นตอนนี้ฉันสนใจงานที่สำนักพิมพ์มากกว่า สำนักหนังสือพิมพ์หรงหวาเดือนที่แล้วเปิดคอลัมน์เล็กเกี่ยวกับเรียนภาษาอังกฤษ มีบรรณาธิการรับผิดชอบแค่คนเดียว แต่ระดับภาษาอังกฤษเขาไม่สูง ในคอลัมน์เนื้อหาน้อย ท่านผอ.รับสมัครงานอยากให้ฉันเรียนกับเขา ต่อไปจะให้ฉันรับผิดชอบคอลัมน์นี้"
เฉิงเทียนหยวนพูดเสียงเรียบ "งานบริษัทโดยปกติไม่มั่นคง บางครั้งต้องทำงานล่วงเวลา เทียบกันแล้ว งานสำนักพิมพ์จะมั่นคงกว่า และงานไม่ยุ่งจนเกินไป"
สหกรณ์ร้านค้าซับสไครบ์สำนักหนังสือพิมพ์หรงหวา วันละฉบับ บางครั้งเขาก็ได้มาหนึ่งถึงสองใบ คอลัมน์ที่เธอพูดถึงเขาก็เคยอ่านมันสองสามครั้ง
คอลัมน์ช่องเล็กมาก โดยปกติจะมีแค่ไม่กี่คำ แค่ไม่กี่ประโยครวมถึงการแปล ไม่มีเนื้อหาอะไรจริงๆ
รับผิดชอบคอลัมน์แบบนี้ น่าจะสบายมาก
แต่เซวียหลิงรู้สึกลังเล อธิบายว่า "แต่ค่าจ้างที่ให้บรรณาธิการฝึกหัดแค่หนึ่งร้อยแปดสิบ ทำหนึ่งปีผ่านโปรได้ทำงานประจำถึงจะได้สองร้อยห้าสิบ รับผิดชอบแค่อาหารกลางวัน ที่พักและอื่นๆ ต้องหาเอง"
เฉิงเทียนหยวนทำงานข้างนอกมาหลายปีแล้ว ก็ฟังออกถึงความกังวลของเธอ
"เช่าห้องที่นี่ ห้องชุดเล็กทั่วไปจะมีสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก หนึ่งเดือนต้องใช้เงินสามสิบกว่าสี่สิบหยวน แต่งานนี้มั่นคงและสบาย เหมาะกับเธอด้วย"
งานรายวันโดยปกติจะได้ประมาณห้าหยวนต่อวัน ล้วนเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก
งานบรรณาธิการค่อนข้างสบาย ถือปากกานั่งในห้องทำงาน มีน้ำชาเตรียมไว้ให้ เวลาทำงานก็คงที่ มีวันหยุดสุดสัปดาห์ ค่าจ้างของที่นี่ก็ถือว่าดีมาก
แต่เซวียหลิงส่ายหน้า ตอบว่า "ฉันยังเด็ก มีพลังและเรี่ยวแรง จะหางานทำสุขสบายเกินไปไม่ได้"
เฉิงเทียนหยวนตกตะลึงเล็กน้อย ไม่ทันตั้งตัวว่าเธอจะพูดแบบนี้
เห็นลักษณะละเอียดอ่อนบอบบางของเธอ ไม่ทำงานสุขสบาย แล้วจะทำอะไรได้?
เขาขมวดคิ้วถามอย่างอดไม่ได้ "ทำไม? งานสบายๆ ไม่ดีเหรอ?"
เซวียหลิงยักไหล่ ตอบอย่างมั่นใจ
"วัยรุ่นควรใช้ความคิดสุดชีวิต สภาพแวดล้อมการทำงานที่สุขสบายเกินไป จะทำให้ขี้เกียจง่าย อีกไม่กี่ปีก็จะกลายเป็นพิการไม่มีผิด"
เฉิงเทียนหยวนเลิกคิ้ว ซ่อนความประหลาดใจไว้ในใจ
เขาทำงานที่สหกรณ์ร้านค้ามาหลายปีแล้ว งานยืนเคาน์เตอร์และเก็บเงินทำบัญชี เป็นงานที่สบายที่สุด
หนึ่งในนั้นมีนักเรียนดีเด่นที่จบจากโรงเรียนวิชาชีพสักแห่ง รับผิดชอบทำบัญชีบางส่วน ทุกวันทำงานสบายมาก หลังจากนั้นไม่กี่ปี เขาก็ทำได้แค่จดบัญชี เขายังไม่ถึงวัยกลางคน ก็ลงพุงแก่แล้ว
คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีความทันสมัยและแสวงหาความก้าวหน้าแบบนี้----หายากมากจริงๆ
เซวียหลิงเบ้ปาก แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้ม
"แต่คืนนี้ฉันคิดไปคิดมา ตัดสินใจเลือกงานสำนักพิมพ์นี้ดีกว่า สำนักพิมพ์มีการไหลเวียนข้อมูลที่ดี ได้รับข้อมูลง่าย ควบคุมแนวโน้มการพัฒนาสังคมได้ดีขึ้นด้วย"
"อืม" เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าคล้อยตาม "อนาคตก็จะยิ่งสดใส"
สายตาเขามองไปที่ริมฝีปากเชอร์รี่ของเธอที่เบะขึ้นเล็กน้อย สายตาเคลื่อนไหวเบาๆ และเบือนหนีอย่างรวดเร็ว
โตป่านนี้แล้ว ทำไมยังทำเหมือนตอนเด็กๆ อยู่ ที่ชอบเบะปากขึ้นสูง......
เซวียหลิงใช้ปลายจมูกจิ้มงานแปลภาษาอังกฤษบนกระดาษ แอบยิ้มลับๆ
"ตอนบ่ายฉันโทรหาเซียวเจียเสวี่ยเพื่อนร่วมชั้นของฉัน ฉันเคยได้ยินว่าเธอเคยเป็นบรรณาธิการที่สำนักพิมพ์ ตั้งใจจะปรึกษาเธอหน่อย เธอบอกฉันว่าสำนักพิมพ์มีงานภาษาอังกฤษจำนวนมากรอแปลอยู่ เธอกำลังหาแก๊งเพื่อนเก่าอย่างเราให้ไปช่วยแปลถ้ามีเวลา!"
เฉิงเทียนหยวนฟังอย่างตั้งใจ แล้วถามขึ้น "สำนักพิมพ์ที่ไหน?"
เซวียหลิงตอบ "ที่เมืองหลวง เธอพยายามให้พวกเราทำงานพาร์ทไทม์ เพราะสวัสดิการค่อนข้างดี หนึ่งพันคำได้ยี่สิบหยวน ฉันว่ามันดีมาก เลยตกลงไปแล้ว เธอจะส่งข้อมูลรายละเอียดให้ฉันทางไปรษณีย์ ฉันแปลเสร็จก็ส่งกลับไป สำนักพิมพ์จะปิดบัญชีเร็ว และชำระค่าแปลภายในครึ่งเดือน"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าช้าๆ สุดท้ายก็ฟังเข้าใจแผนการของเธอทั้งหมด
"งั้นเธอวางแผนจะไปทำงานที่สำนักพิมพ์ตอนกลางวัน พอมีเวลาก็ไปแปลงานพาร์ทไมท์?"
"อืม" เซวียหลิงเลิกคิ้วยิ้มถามขึ้น "นายคิดว่าไง?"
เฉิงเทียนหยวนวิเคราะห์ "มันเกี่ยวข้องกับเอกของเธอ จะได้พัฒนาความเป็นมืออาชีพ และไม่ใช่งานหนักอะไรด้วย เวลาทำงานก็ถือว่าอิสระ ฉันคิดว่ามันดีมาก"
เซวียหลิงหัวเราะฮ่าๆ กอดแขนเขาด้วยความตื่นเต้น
"ฉันรู้ว่านายต้องบอกว่าดี!"
เฉิงเทียนหยวนกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ร่างสาวน้อยบอบบางที่แนบชิดทั้งหอมทั้งนุ่ม ทันใดนั้นหัวใจก็เต้น "ตึกๆๆ!" อีกสองครั้ง ใต้โคนหูเหมือนมีความร้อนพุ่งขึ้นมาอย่างแสบร้อน
แต่เซวียหลิงแค่กอดสักพัก แล้วรีบปล่อย
"งั้นก็เอาตามนี้ก่อน พรุ่งนี้ฉันจะไปตอบตกลงที่สำนักพิมพ์ วันก่อนตอนสัมภาษณ์ ผอ.หลิวบอกว่าคอลัมน์นี้ต้องการผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษด่วนๆ หวังว่าฉันจะรีบรับงาน ฉันควรทำงานได้ในวันมะรืนนี้"
เธอเงยหน้าขึ้น มองห้องเดี่ยวขนาดเล็กทั้งในและนอก
"ที่นี่สภาพแวดล้อมไม่เลว แค่แพงหน่อย หนึ่งวันหกหยวน อยู่นานก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เยอะ หาบ้านเช่าดีกว่า"
เฉิงเทียนหยวนคิดสักพักแล้วพูดขึ้น "พรุ่งนี้หลังจากฉันเลิกงาน จะไปหาบ้านแถวๆ สำนักพิมพ์กับเธอ"
"โอเค!" เซวียหลิงบิดขี้เกียจแล้วหาวหนึ่งที ฟุบบนโต๊ะเตี้ยอย่างเกียจคร้าน หรี่ตาแล้วพึมพำ "ง่วงแล้ว......"
เฉิงเทียนหยวนเห็นท่าทางน่ารักไร้เดียงสาของเธอ มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
"พักผ่อนไวๆ นะ"