บทที่ 4 บังคับขายที่ดิน
ตอนใกล้เที่ยง ชาวบ้านส่วนใหญ่กินขนมมงคลเสร็จก็กลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแค่คุณอาและภรรยาเขายังคงแทะเม็ดแตงดื่มชาพูดคุยกัน
"หลานหยวน ยินดีด้วยนะ! สะใภ้สุดสวย! ใจกว้าง! ปากก็หวาน!"
"สาวเมืองกรุงนี่แตกต่างจริง! ผิวขาวราวหิมะ! โคตรเหมือนลูกคุณหนูในทีวีเลย!"
เฉิงเทียนหยวนแค่นยิ้ม พยักหน้า
"ขอบคุณครับคุณอาเปียวกับคุณอาสะใภ้"
เฉิงเปียวหัวเราะแหะๆ กลอกตาหนึ่งรอบ แล้วโบกมือเรียกเฉิงเทียนหยวน
"หลาน หลานมานี่หน่อย มีเรื่องจะคุยกับนาย"
เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย พยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ แล้วเดินตามเฉิงเปียวออกไป
เซวียหลิงกำลังช่วยแม่สามีทำความสะอาดม้านั่ง เห็นพวกเขาเดินออกไปนอกลานบ้าน ก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย
อาเฉิงเปียวคนนี้......เหมือนมีความทรงจำอยู่นิดหน่อย
จำได้ว่าชาติที่แล้วก่อนที่เฉิงเทียนหยวนจะหนีออกจากบ้าน เคยเซ็นสัญญาโอนที่ดินฉบับหนึ่งกับคุณอา ขายที่ดินยี่สิบหมู่*หน้าบ้านให้กับเขาในราคาที่ถูกมาก
ตอนนั้นเฉิงเทียนฟางน้องสาวเฉิงเทียนหยวนโกรธมาก วิ่งเข้ามาในห้องหอด่าเธอยกใหญ่ว่าทำให้คนอื่นเสียหาย บอกว่าในบ้านไม่มีเงินแล้ว ยังต้องยืมเงินมาแต่งเธอเข้าบ้านอีก แถมบอกว่าคุณอาไร้เหตุผล คู่บ่าวสาวเพิ่งแต่งงานก็มาทวงเงิน ไม่มีเงินก็บังคับให้พี่ใหญ่ขายที่ดิน เอะอะโวยวายว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอพี่สะใภ้คนนี้!
ในตอนนั้นเธอแค่อยากออกไปจากตระกูลเฉิง ยังเป็นวัยรุ่นอารมณ์ร้อน เมื่อถูกเฉิงเทียนฟางโวยวายใส่ ก็อารมณ์เสียตาม และทะเลาะกับหล่อน
บอกว่าครอบครัวพวกเขาไม่มีเงินยังกล้าขอแต่งงานอีก การชำระหนี้สินไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร คืนไม่ไหวก็สมควรแล้วที่ครอบครัวพวกเขาตกหลุมพราง!
เฉิงเทียนฟางโดนเธอโมโหใส่จนพูดไม่ออก กระทืบเท้าร้องไห้วิ่งออกไป......
เซวียหลิงคิดดูแล้วรู้สึกว่าคุณอาเปียวคนนี้อาจจะบังคับให้เฉิงเทียนหยวนขายที่ดิน ไม่กล้าลังเล รีบตามไป
เห็นคุณอาทำหน้าเข้มงวดอยู่ไกลๆ แถมยังใช้นิ้วชี้ไปยังที่ดินรกร้างขนาดใหญ่ตรงหน้า พร้อมทำท่าทางไปด้วย
เฉิงเทียนหยวนทำหน้าตึงเครียด แล้วส่ายหน้า
คุณอาร้อนใจทันที ตำหนิเสียงดัง "แค่ค่าจ้างอันน้อยนิดของนาย เมื่อไรจะคืนหมด?! แขนพ่อนายพิการไปแล้ว ทำไร่ทำนาไม่ได้ นายอยู่อำเภอเกือบทุกวัน จะดูแลการปลูกพืชไร่ได้ที่ไหนกัน ปล่อยให้มันรกร้างสู้ขายให้อาดีกว่า!"
เฉิงเทียนหยวนทำหน้าขรึม ก้มศีรษะลง ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่
เซวียหลิงแอบร้อนใจเงียบๆ กำลังจะเดินออกไปจากลานกว้าง ก็ได้ยินแม่สามีตะโกนเรียกมาทางด้านหลัง
ที่แท้หลิวอิงนึกว่าเธอเห็นถนนลูกรังนอกบ้าน เลยยิ้มอธิบาย
"หลิงหลิง ถนนใหญ่หน้าบ้านเราเพิ่งซ่อม มาทางนี้สะดวกมากนะ! เลี้ยวข้างหน้านี้เป็นคณะกรรมการหมู่บ้าน ตรงไปข้างหน้าอีกหน่อยเป็นหมู่บ้านตระกูลโอวหยาง เดินตรงไปอีกฝั่งก็จะเห็นถนนจังหวัด เดินต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงก็จะเจออำเภอ"
เซวียหลิงพยักหน้าเข้าใจทันที
ตอนนั้นเธอคิดว่าหมู่บ้านตระกูลเฉิงคือเขตทุรกันดาร คิดว่าไม่ต่างกับสลัมเมืองหลวงมากนัก ที่จริงแล้วเธอวิสัยทัศน์คับแคบ
อำเภอที่ไม่ไกลจากที่นี่เรียกว่าอำเภอหรงหวา อีกไม่นานจะถูกจังหวัดกำหนดให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญ ภายในเวลาสั้นๆ หนึ่งปีถึงสองปีจะพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่สะเทือนโลก
หมู่บ้านตระกูลเฉิงอยู่ใกล้กับอำเภอหรงหวามาก การเดินทางสะดวก อีกไม่นานก็จะพัฒนาแล้ว ในหมู่บ้านจะมีเศรษฐีมากมาย
ไม่ใช่แค่นี้ ในภายหลังหมู่บ้านตระกูลเฉิงจะถูกรวมเข้าไปในชานเมืองเขตพัฒนา ราคาที่ดินจะสูงขึ้น ผู้ที่มีพื้นที่ไร่นาเมื่อก่อนกลายเป็นมหาเศรษฐีกันหมด
ที่ดินรกร้างกว้างใหญ่หน้าบ้านตระกูลเฉิงผืนนี้เป็นพื้นที่ราบและใกล้ถนนใหญ่ ต่อไปจะต้องคุ้มค่ามหาศาลอย่างแน่นอน!
คิดถึงตรงนี้ เธอก็รีบเดินไปที่ประตูใหญ่
แค่ได้ยินเฉิงเทียนหยวนอธิบายเสียงเข้มว่า "อาครับ ให้เวลาครึ่งปีผมต้องคืนหมดแน่ ค่ารักษาพยาบาลของพ่อหนึ่งร้อยหยวนก่อนหน้านี้ และหนึ่งร้อยหยวนสำหรับการแต่งงาน ผมจะคืนโดยเร็วที่สุด"
"ไม่ได้!" เฉิงเปียวทำหน้าเข้มงวดพูดเสียงหนักแน่นตวาดใส่ "เงินนี่ฉันรีบใช้นะ! ครึ่งปีนายคืนหมดเหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอก! ครึ่งปีมันมีกี่วันนายรู้ไหม? เลี้ยงแม่หมูจนแก่หมดแล้วมั้ง!"
เฉิงเทียนหยวนยืนอย่างใจเย็น แต่ดวงตามีความแปรปรวนมานานแล้ว
นึกถึงตอนแรกที่คุณพ่อทำงานที่โรงงานปุ๋ยเคมี คุณอาท่านนี้ดูเหมือนจะมายืมเงินแทบทุกเดือน
คุณพ่อนึกถึงญาติตัวเองเสมอ ไม่เคยเอาเรื่องเลย บางครั้งถึงขนาดที่ว่ายืมของเพื่อนบ้านมาให้เขาด้วย แม้แต่เงินสำหรับแต่งงานของเขา คุณพ่อก็ช่วยออกครึ่งหนึ่ง
หนี้ในช่วงปีนั้น คุณพ่อจำได้หมดทุกยอด รวมเป็นเงินห้าร้อยสามสิบสี่หยวน หลังจากรับเหมาบ่อปลาได้เงินมา ทยอยคืนมาแค่สองร้อยกว่าหยวน ส่วนยอดอื่นๆ ไม่ยอมคืน
ตอนนั้นเขายังเล็ก พ่อแม่เป็นคนซื่อตรง เห็นเขาไม่ยอมคืนเงิน ก็เห็นใจคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเอาเรื่องอะไรมากมาย ไม่ทวงอีกต่อไป
แต่ไม่คิดเลยว่าครอบครัวตัวเองยืมเงินเขาสองร้อยหยวน ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาก็มาทวงเงินแล้ว แถมยังบังคับให้ตนขายที่ดินให้เขาด้วย
รับจากคนอื่นเขามันผิด ใครใช้ให้คนที่ติดหนี้คือครอบครัวตนล่ะ
เขาหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธที่พุ่งขึ้น
"อาครับ งั้นสามเดือนแล้วกัน ถึงตอนนั้นผมคืนหมดแน่ แถมอีกสิบหยวนซื้อบุหรี่ให้อาด้วย ที่บ้านเพิ่งแต่งงาน เงินไม่พอจ่ายคืนอาจริงๆ"
เฉิงเปียวพูดเสียงหนักแน่น "หยุดพูดไร้สาระ! ต้องคืนตอนนี้ ไม่งั้นก็ขายที่!"
ใบหน้าหล่อของเฉิงเทียนหยวนเย็นชาแข็งทื่อ พูดเสียงเข้มว่า "ที่ดินบ้านผมคุณปู่เป็นคนบุกเบิกทำการเกษตรอย่างยากลำบาก ผมในฐานะหลาน จะไม่มีทางขายเหงื่อหยาดเลือดเนื้อของคุณปู่เด็ดขาด"
เฉิงเปียวแค่นหัวเราะ ควักหลักฐานการยืมแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
"หลานเอ๋ย นี่หลักฐานการยืม ลายนิ้วมือแม่นายปั๊มอยู่ด้านบน! สรุปแล้วถ้าวันนี้ไม่คืนสองร้อยหยวน ต้องขายที่ดินยี่สิบหมู่ตรงหน้าให้ฉัน! เห็นแก่ที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันจะใจดีเพิ่มให้ครอบครัวนายอีกหนึ่งร้อยหยวน!"
"ไม่ได้!" เสียงสวยตะโกนดังขึ้นมาจากด้านหลัง!
เฉิงเปียวตกใจสะดุ้ง หันหลังไปลุกลี้ลุกลน แล้วแค่นยิ้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"โอ้! ที่แท้ก็หลานสะใภ้! เป็นหนี้แล้วคืนเงิน มันคือสัจธรรม เธอเพิ่งแต่งเข้ามา ไม่มีสิทธิพูดแทรก! ได้หรือไม่ได้ เรื่องนี้เธอไม่ใช่คนที่จะตัดสินได้"
เซวียหลิงเงยหน้าอกผาย รีบเดินมาข้างๆ เฉิงเทียนหยวน
"ฉันสมรสและแต่งงานกับพี่หยวนแล้ว ฉันเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเขา ทรัพย์สินใดๆ ที่ครอบครัวเขาครอบครอง รวมถึงที่ดินและบ้านฉันก็มีส่วนแบ่ง ของที่ฉันมีส่วนแบ่ง ทำไมฉันไม่มีสิทธิ์พูดแทรก!"
คำพูดของเซวียหลิงมีเหตุผล สายตาเฉียบแหลม มีเหตุผลเพียงพอ
เฉิงเปียวไม่ได้มีอำนาจเหมือนเมื่อครู่นี้ชั่วครู่ พูดอ้ำๆ อึ้งๆ "ไม่มีเงินก็คืนด้วยที่ดิน ยังไงครอบครัวพวกนายก็ไม่มีคนทำนา รกร้างมากมายเสียดายของ ขายให้อาดีกว่า!"
ในเวลานี้ แม่เฉิงก็เช็ดน้ำตาเดินออกมา พูดสะอึกสะอื้น "อาหยวน หลิงหลิง......ที่ดินเรามีเยอะแยะ สุขภาพร่างกายพ่อลูกไม่ดี ปีที่ผ่านมาที่ดินส่วนใหญ่ก็รกร้าง ก็ขายบางส่วนให้อาเขาไปเถอะ"
เฉิงเทียนหยวนมีชื่อเสียงด้านความกตัญญู ได้ยินแม่พูดแบบนี้ ก็รู้สึกลำบากใจไปพักหนึ่ง
เซวียหลิงกลัวเขาอ่อนข้อ แอบดึงมุมเสื้อผ้าเขาไว้ แล้วหันหลังไปพูดกับแม่สามีว่า "แม่ เงินน่ะพวกเราหาได้ ที่ดินคืออสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว จะขายเรื่อยเปื่อยไม่ได้นะคะ"
เฉิงเทียนหยวนคิดไม่ถึงว่าเซวียหลิงจะคิดเหมือนตน เมื่อมีคนสนับสนุนตน ในใจก็เกิดความเชื่อมั่นทันที
"ใช่! ขายที่ดินครอบครัวไม่ได้!"