บทที่ 21 สามีทำอาหารเก่ง
ถึงอย่างไรลุงตัวอ้วนก็เป็นนักธุรกิจ มีความสามารถด้านวาทศิลป์มากมาย เขาได้ทำการสนทนากับเซวียหลิงอย่างสนุกสนานอีกหลายประโยค
เซวียหลิงสนทนากับเขาอย่างเปิดเผย เมื่อตอนสุดท้ายเธอได้หัวเราะขึ้นพูดว่า "พี่หวังเจวียนกับอาหยวนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไหนๆ เธอได้ขอโทษแล้ว เรื่องนี้ก็ปล่อยให้มันจบลงเถอะค่ะ อย่าได้พูดถึงอีกเลย"
ลุงตัวอ้วนหัวเราะขึ้นแล้วหันไปมองดูหวังเจวียน
"ยังไม่รีบเข้าไปอีก"
หวังเจวียนจ้องมองไปด้วยท่าทางอันประหลาดใจ จากนั้นรีบตอบว่า "ค่ะๆ" แล้วพยักหน้า เธอรีบวิ่งเข้าไปในสหกรณ์ร้านค้าด้วยท่าทางอันตื่นตระหนก
เฉิงเทียนหยวนเป็นกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของเซวียหลิงเปียกชุ่ม
"เถ้าแก่ครับ ผมเกรงว่าภรรยาของผมจะเป็นหวัด ขอตัวพาเธอกลับบ้านก่อน ผมทำบัญชีเรียบร้อยแล้วสามารถตรวจสอบได้เลยครับ"
ลุงตัวอ้วนได้ยินว่าเขาทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้โบกมือขึ้น "ไปเถอะ"
เฉิงเทียนหยวนอธิบายขึ้นอีกว่า "ภรรยาของผมเดินทางมาที่นี่ และที่อาศัยอยู่ตอนนี้เป็นเพียงแค่ห้องเช่าเล็กๆ คาดว่าคงจะไม่พออาศัย นับแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะไม่อยู่ในหอพักแล้ว"
"ได้ๆ" ลุงตัวอ้วนพูดขึ้นด้วยท่าทางดีใจว่า "นายไปเก็บของได้เลย เดี๋ยวห้องนั้นฉันจะเอาไว้ให้คนอื่นอยู่ต่อ"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าแล้วหันหลังวิ่งขึ้นไปชั้นบน
ผ่านไปไม่นาน เขาก็วิ่งลงมาพร้อมกับกระสอบใบใหญ่
เซวียหลิงพูดพร้อมรอยยิ้มด้วยความตกตะลึงว่า "เก็บเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?"
เฉิงเทียนหยวนเปิดกระสอบออกแล้วหยิบเสื้อคลุมตัวหนาให้แก่เธอพลางอธิบายว่า "เมื่อตอนพักกลางวันฉันขึ้นไปเก็บมาแล้ว แค่ขึ้นไปเอามันมาก็พอ เอาล่ะตอนเย็นลมแรง เธอห่มคลุมเสื้อตัวนี้ไปก่อนนะ"
ในใจของเซวียหลิงรู้สึกถึงความอบอุ่น เธอรับเสื้อนี้ออกไปแล้วคลุมที่ด้านนอก
เฉิงเทียนหยวนหันหลังวิ่งเข้าไปในสหกรณ์ร้านค้าอีกครั้ง จากนั้นไม่นานเขาก็เดินตรงออกมาพร้อมกับรถสามล้อซึ่งถูกเข็นออกมาจากประตูทางด้านหลัง
จากนั้นเขาก็เอาสัมภาระของตนและสิ่งของที่เซวียหลิงซื้อมาวางไว้บนรถ และไม่ลืมที่จะเหลือที่เล็กน้อยเอาไว้ให้เธอนั่ง
เขาปั่นมันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นสิบนาทีก็มาถึงถนนซงหมิง
หญิงชรากำลังทำความสะอาดบ้านนั้นอยู่ เธออธิบายให้พวกเขาฟังอย่างว่องไวว่า "ฉันช่วยพวกเธอทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ลานด้านนอกที่ยังทำความสะอาดไม่เสร็จ"
เซวียหลิงเอ่ยขอบคุณเธอ จากนั้นคลำเข้าไปในกระเป๋าลายทหารที่สะพายอยู่ หยิบลูกอมออกมากำหนึ่งยื่นให้แก่หญิงชรา
"นี่คือลูกอมสำหรับงานแต่งงานของเรา ให้ป้าค่ะ"
หญิงชรารับไว้ด้วยรอยยิ้ม พูดว่า "ป้าเป็นคนรักสะอาด หลังจากนี้พวกเธอช่วยดูแลความสะอาดที่นี่ด้วยอย่าทำให้มันสกปรกล่ะ"
เซวียหลิงพยักหน้าแล้วรีบตอบรับอย่างมีความสุขว่า "ไม่มีปัญหาค่ะ"
เฉิงเทียนหยวนเดินตรงเข้าไปในห้องครัว เขาพบว่าที่เตาถ่านรังผึ้งดูเยือกเย็น ไม่มีประกายไฟแม้แต่น้อย
จากนั้นเขาจึงรีบเดินออกมาแล้วเอ่ยถามอย่างสุภาพว่า "คุณป้าครับ ผมขอยืมฟืนกับไฟคุณป้าใช้ก่อนได้หรือไม่ ภรรยาของผมเป็นหวัด ผมว่าจะต้มน้ำขิงให้เธอดื่มสักหน่อย"
"ได้สิ" หญิงชราเดินนำทางพาเขาเข้าไปในห้องด้วยท่าทางอันอบอุ่นแล้วพูดว่า "ที่บ้านฉันมีขิงอยู่ เก็บเอาไว้ประเดี๋ยวคงเสีย พวกเธอแบ่งไปสักแง่งสองแง่งสิ......"
เซวียหลิงรีบขึ้นไปบนห้องแล้วถอดเสื้อผ้าอันเปียกชุ่มออก ก่อนที่จะดื่มน้ำขิงอุ่น
ส่วนเฉิงเทียนหยวนได้ออกไปซื้อถ่าน และเตาถ่านรังผึ้งอีกเตาหนึ่ง เขาไม่ลืมที่จะซื้อเครื่องครัวและข้าวสารกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลับมา
เขารีบทำความสะอาดห้องครัวอย่างรวดเร็วและล้างจานชามตะเกียบที่เพิ่งซื้อมาใหม่
เซวียหลิงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนกลางวันเธอยังไม่ได้กินน่องไก่ชิ้นโตนั้น เธอจึงได้รีบหยิบมันออกมาแล้วเดินไปที่ประตูห้องครัว
"พี่หยวนหิวหรือยัง เอานี่ไปกินเล่นก่อนนะคะ"
เฉิงเทียนหยวนหันหลังไปมองแล้วพบว่าในมือของเธอมีน่องไก่ขนาดใหญ่อยู่น่องหนึ่ง จึงได้ยิ้มขึ้นเบาๆ
"ฉันยังไม่หิวหรอก เมื่อสักครู่ที่เดินทางออกไปซื้อของ พอดีไม่ได้ซื้อเนื้อเข้ามาเลย เอาอันนี้มาทำแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะทำหมั่นโถวแล้วก็ผัดผักฉีกไก่ให้เป็นเส้นๆ เดี๋ยวอาหารก็เสร็จแล้วล่ะ"
เมื่อพูดจบเขาก็ได้เอื้อมมือมารับน่องไก่ชิ้นโตนั้นไป
เซวียหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "เอาล่ะค่ะ เอาตามที่นายบอกเลย"
เขายุ่งอยู่กับเรื่องของในครัว ส่วนเธอก็ขึ้นไปทำความสะอาดชั้นสอง
เนื่องจากตอนเช้าหญิงชราได้ทำความสะอาดไว้แล้ว เธอเพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดอีกครั้งก็สามารถทำความสะอาดห้องทั้งสองห้องได้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่เธออยู่บ้าน งานบ้านเหล่านี้ล้วนเป็นแม่ที่ทำ เสาร์อาทิตย์เธอกลับบ้านก็ช่วยแม่ทำบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมไม่ค่อยได้ทำสักเท่าไหร่
หลังจากทำความสะอาดห้องนอนทั้งสองห้องเสร็จแล้วเธอก็ค่อนข้างเหนื่อยจนหมดแรง
เฉิงเทียนหยวนนำเสื่อฟางออกมาสองผืนแล้วใช้ผ้าปูที่นอนที่เธอซื้อมาปูทับลงไปเป็นเตียงของทั้งสองคน
"ห้องนั้นมันใหญ่และกว้างกว่า มีโต๊ะเล็กๆ เหมาะสำหรับให้เธอใช้ด้วย ฉันใช้ห้องนี้ก็พอ"
เซวียหลิงได้ยินดังนั้นในใจก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่เมื่อคิดดูก็รู้สึกว่าตอนนี้ทั้งสองคนก็อาศัยอยู่ด้วยกันแล้ว อนาคตยังอีกไกลไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ดังนั้นเธอจึงได้สงบอารมณ์ลง
"ฉันแค่ย้ายโต๊ะมาห้องนี้ก็พอแล้วค่ะ นายตัวใหญ่กว่าฉัน นายอยู่ห้องใหญ่ดีกว่า"
เฉิงเทียนหยวนเผยอริมฝีปากขึ้น เขารีบเอ่ยติดตลกซึ่งปกติมักไม่ค่อยพูดเท่าไรนัก
"ก่อนหน้านี้ห้องพักห้องหนึ่งพวกเราผู้ชายร่างกายกำยำถึงหกคน อาศัยอยู่ด้วยกันในห้องที่เล็กกว่านี้ด้วยซ้ำ จู่ๆ จะให้ฉันไปนอนห้องใหญ่ ฉันกลัวว่าตอนกลางคืนจะนอนไม่หลับน่ะสิครับ"
เซวียหลิงหัวเราะคิกคักออกมา ก่อนจะนำกระเป๋าเดินทางของตนลากเข้าไปในห้องใหญ่
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มทำความสะอาดห้องของเธอ และเขาก็ทำความสะอาดห้องของเขา ต่างคนต่างยุ่ง โดยมีห้องรับแขกกั้นไว้ตรงกลางเป็นห้องเล็กๆ
หลังจัดการธุระจนเรียบร้อยแล้ว พบว่าด้านนอกเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน ทั้งสี่ทิศมืดมิดลงแล้ว
เฉิงเทียนหยวนต้มน้ำร้อนมากาหนึ่งแล้วทำการล้างแก้วใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมาและล้างกระติกน้ำร้อน ก่อนจะใส่น้ำร้อนเข้าไปข้างใน
"เธอเสร็จหรือยังครับ?"
เซวียหลิงตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเหนื่อยล้าว่า "ก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ เหลือแค่จัดโต๊ะหนังสือ"
เฉิงเทียนหยวนยื่นแก้วน้ำอุ่นให้แก่เธอ "เธอดื่มนี่ก่อนนะครับ แล้วค่อยลงไปทานข้าวเย็น"
เซวียหลิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม "นายทำอาหารเสร็จแล้วเหรอคะ แล้วนายเก็บของเสร็จแล้วด้วย?"
เขาพยักหน้าตอบว่า "ครับ ก็แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดแล้วก็ของใช้ติดตัวเล็กน้อยไม่มีอะไรยุ่งยาก ค่อนข้างเรียบง่าย ฉันได้นึ่งหมั่นโถวเสร็จแล้วด้วย เดี๋ยวเอาโต๊ะจากห้องรับแขกไปวางในห้องอาหาร เดี๋ยวเรากินข้าวกันที่ตรงมุมห้อง"
เซวียหลิงตอบรับเขา
โชคดีเหลือเกินที่เธอมีสามีซึ่งทำทุกอย่างเป็นหมด ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเธอเพียงคนเดียวในการทำทุกสิ่งอย่าง หากจะให้เธอทำทุกอย่างเพียงลำพังคาดว่าจนกระทั่งตอนกลางคืนคงไม่ได้กินน้ำสักหยดเดียว
ชั้นหนึ่งมีเพียงห้องน้ำและห้องครัวซึ่งกว้างขวางมาก
ภายในห้องครัวยังไม่มีอะไรวางไว้เลย มีเพียงแค่ห้องโล่งว่างเปล่า โต๊ะเล็กๆ ถูกวางไว้บริเวณริมหน้าต่างซึ่งสว่างไสวปลอดโปร่ง ที่มุมหนึ่งตรงกำแพง สองสามีภรรยานั่งอยู่ตรงข้ามกันโดยบริเวณอีกสองข้างเป็นที่ว่างกว้างขวาง
เฉิงเทียนหยวน นำหมั่นโถวร้อนๆ มาวาง และยังมีกับข้าวเป็นผัดผักหนึ่งจาน ไก่ฉีกอีกหนึ่งจานและซีอิ๊วขาวสองถ้วยเล็กๆ
"กินหมั่นโถวไปก่อนนะครับ ในหม้อตอนนี้ยังต้มโจ๊กอยู่ ต้องรออีกสักพักจึงจะกินได้"
ตอนกลางวันเซวียหลิงกินอย่างเร่งรีบ และในตอนบ่ายเธอจัดเก็บบ้านอยู่เนิ่นนานจึงทำให้หิวโซ เมื่อมองเห็นหมั่นโถวลูกใหญ่ขาวผ่อง เธอก็รีบเอื้อมมือมาหยิบมันไปเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย เพียงสองคำก็กินจนหมดลูก
ผักนั้นผัดได้กรอบเหลือเกิน เนื้อฉีกก็คือน้องไก่ เมื่อจิ้มกับซีอิ๊วขาวทำให้รสชาติเนียนนุ่มอร่อยมากยิ่งขึ้น
"พี่หยวนคิดไม่ถึงว่านายจะมีรถมือดีขนาดนี้ ทำหมั่นโถวเป็นด้วย"
เฉิงเทียนหยวนชะงักลงแล้วหันไปยิ้มเบาๆ
"ไม่มีอะไรให้น่าตกใจกันหรอกครับ ก็แค่นวดแป้งแล้วทำเป็นหมั่นโถว ทำก๋วยเตี๋ยวทำเกี๊ยว ทำอาหารพื้นบ้านทั่วไปฉันก็พอทำได้อยู่"
ตั้งแต่ย้ายกลับมาจากปากซอยต้าหูถงมาที่บ้านเกิด ตอนนั้นเขาอายุเพียงสิบกว่าปี เวลากลับจากโรงเรียนก็ต้องเลี้ยงน้องสาวและทำงานบ้านด้วย อีกทั้งต้องทำอาหารแทนแม่ ไม่อย่างนั้นหากรอพ่อแม่กลับจากการทำนา ทำอาหารหุงหาก็คงมืดกว่าจะได้กินข้าว ทำอาหารไม่ทันอย่างแน่นอน
หลังจากฝึกฝนเป็นระยะเวลานานเขาจึงสามารถทำงานบ้านได้อย่างรวดเร็ว และทำอาหารได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
อาหารที่สหกรณ์ร้านค้าจัดหามาให้ไม่อร่อยและไม่สะอาดถูกสุขลักษณะ ต่อจากนี้เมื่อมีครัวเล็กๆ แห่งนี้เขาจะสามารถปรุงอาหารที่สะอาดสดใหม่ อีกทั้งราคาไม่แพงสำหรับกินกันเอง มันเป็นเรื่องดีจริงๆ
เซวียหลิงกัดตะเกียบของเธอแล้วพูดขึ้นว่า "ฉันทำอาหารไม่เก่งแล้วก็ไม่อร่อยด้วยค่ะ"
เฉิงเทียนหยวนฟังความหมายนัยๆ ของเธอออก มุมปากของเขาเผยอยิ้มขึ้นพูดว่า "ไม่เป็นไรหรอกครับ ต่อจากนี้ฉันจะทำเอง"
เซวียหลิงดีใจมากที่ได้ยินดังนั้น หัวใจของเธอเบ่งบานแล้วพยักหน้าตอบรับ