บทที่ 19 เพื่อนร่วมงานลำบากใจ
เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่นานก็กลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
"ที่บ้านเร่งมาก งานแต่งก็เร่งรีบ เลยไม่ทันได้บอก ตอนนี้เธอมาหา ฉันก็แนะนำให้ทุกคนรู้จักเลย"
เฉินหมินแอบเหลือบมองหวังเจวียน แล้วยิ้มอายๆ
"หล่อน......ไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอก รู้สึกประหลาดใจมาก ไอ้แกเป็นคนเงียบขรึม แถมไม่เคยเห็นแกใกล้ชิดเด็กผู้หญิงคนไหน จู่ๆ แต่งงาน ทุกคนก็ต้องประหลาดใจ......ไม่ได้หมายถึงอย่างอื่นหรอก!"
เซวียหลิงอารมณ์ร้อน และทนความโกรธไม่ได้ เมื่อถูกคนเยาะเย้ยเสียดสีต่อหน้า ในใจจะอดกลั้นได้ที่ไหน
เธอหัวเราะสองที แล้วพูดขึ้น "พี่หยวนเขาไม่ชอบพูดเยอะ ให้อภัยหน่อยนะคะ ที่จริงเราหมั้นกันมาหลายปีแล้ว แต่ฉันต้องไปโรงเรียน เขาต้องไปทำงาน งานแต่งเลยถูกเลื่อนตลอด คราวนี้สุขภาพพ่อสามีที่บ้านไม่ค่อยดี เลยรีบจัดงานแต่งไปหน่อย เลยป่าวประกาศมากไม่ได้"
เมื่อเฉินหมินได้ยิน ก็เข้าใจทันที
"ใช่ๆๆ! ได้ยินว่าพ่ออาหยวนสุขภาพไม่ค่อยดีเลย ไม่เป็นไรๆ! ดื่มฉลองได้ตลอด วันไหนตอนเย็นเลิกงานเร็วหน่อย พวกเธอเชิญเราไปกินข้าวสักมื้อก็ได้!"
หวังเจวียนได้ยินพวกเขา "หมั้นกันมาหลายปีแล้ว" มือที่จับปากกาก็กำแน่น แอบกัดฟัน พูดโวยวายกับเฉินหมินอย่างไม่สบอารมณ์ "กินๆๆ! พี่เอาแต่คิดเรื่องกิน! รีบเอาชุดเครื่องนอนใส่ถุง ยังไม่ได้คิดเงินนะ!"
เฉินหมินซื่อตรงและจริงใจ ได้ยินคำพูดเธอ ก็รีบหันไปช่วย
เฉิงเทียนหยวนจูงมือเซวียหลิง พาเธอไปแนะนำให้เพื่อนร่วมอีกจำนวนหนึ่งรู้จัก
"โห! เจ้าสาวสวยจริง! ยินดีด้วยยินดีด้วยนะ!"
"อาหยวนโชคดีมากเลย! เมียใจกว้างแล้วก็สวยด้วย!"
เฉิงเทียนหยวนตอบรับอย่างสุภาพ แล้วพูดกับเซวียหลิง "ตรงประตูสหกรณ์ร้านค้ามีม้านั่งยาว เธอไปรอฉันที่นั่น ถ้าเอาเงินมาไม่พอ ฉันจะให้เพื่อนร่วมงานจดไว้ก่อน อีกสองสามวันฉันค่อยจ่ายคืน"
"ไม่ต้อง" เซวียหลิงส่ายหน้ายิ้มแล้วพูดขึ้น "ฉันเอามาพอ"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้า พูดขึ้น "งั้นเธอรอฉัน ฉันทำงานเสร็จจะไปเก็บของ แล้วกลับกับเธอ"
เซวียหลิงจ่ายเงินอย่างคล่องแคล่ว ซื้อไปทั้งหมดสามสิบกว่าหยวน
เฉินหมินกระตือรือร้นมาก ช่วยเธอถือถุงตาข่ายใบใหญ่ไปถึงข้างนอก
"ข้างในไม่มีที่ให้นั่ง ต้องลำบากน้องรอที่นี่ ถ้ากระหายน้ำ ข้างในมีน้ำร้อน เข้าไปดื่มได้ตลอดเลยนะ"
เซวียหลิงกล่าวขอบคุณเขา นั่งรออยู่ด้านนอก หยิบหนังสือที่ต้องแปลออกมา แล้วอ่านมันอย่างตั้งใจ
เธออ่านจนเคลิบเคลิ้ม ลืมเวลาไปเลย จนกระทั่งข้างกายมีชามชาใบใหญ่ส่งมาเบาๆ ถึงได้สติกลับมาเงยหน้าขึ้น----เฉิงเทียนหยวนยิ้มนิดๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม "กระหายน้ำไหม? ดื่มก่อนค่อยอ่านต่อ"
เซวียหลิงยิ้มสุขใจ วางมือไว้ข้างๆ แล้วรับชามชามาดื่ม
ชามชามีขนาดไม่ใหญ่ ในนั้นมีใบชาสีเขียวชอุ่มลอยอยู่ประปราย ถึงจะไม่เข้มข้น แต่ดื่มแล้วปากมีกลิ่นหอม มีความสุขจนเซวียหลิงครางออกมาสองทีเพราะรสชาติที่ติดลิ้น
ในยุคนี้ การสัญจรยังไม่ค่อยสะดวก ส่วนมากใบชามาจากทิศใต้ ถือเป็นของกึ่งหรูหรา
บ้านคนทั่วไปส่วนมากไม่มีเงินซื้อใบชา ครอบครัวไหนการเงินดีหน่อย มีมากสุดก็ชาธรรมดาที่บริสุทธิ์
ตระกูลเซวียค่อนข้างรวย เซวียหลิงมีนิสัยดื่มชาตั้งแต่เด็ก หลังจากแต่งงานมาอยู่ที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดื่มน้ำชา แถมเฉิงเทียนหยวนเอามาให้ตนโดยเฉพาะด้วย ดื่มจนมีกลิ่นหอมอยู่ในปาก ในใจก็มีความสุขตาม
เฉิงเทียนหยวนเห็นเธอดื่มอย่างเบิกบานใจ ก็ยิ้มนิดๆ อยู่ด้านข้าง ในดวงตามีความอ่อนโยนเอาใจเกินบรรยาย
ในเวลานี้ มีศีรษะใหญ่ชะโงกออกมาจากหน้าต่างบานใหญ่สหกรณ์ร้านค้า หัวเราะเสียงดังเอ่ยแซว
"ยูฮู้! ทุกคนรีบมาดูเร็ว! อาหยวนนั่นรักเมียมากเลยล่ะ! ตอนปีใหม่เถ้าแก่ให้ใบชาซองเล็กกับเรา เกือบปีแล้ว ไอ้หนุ่มนั่นไม่ยอมแกะเลย พอเมียมาหา ก็รีบชงให้เธอดื่มทันที! เป็นผู้ชายแสนดีที่รักเมีย! ไม่เลว!"
ในสหกรณ์ร้านค้ามีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เฉิงเทียนหยวนหูแดงเล็กน้อย อธิบายกับเซวียหลิงเสียงทุ้มต่ำ "พวกเพื่อนที่ทำงานอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว เป็นพี่ที่ดี อยู่ด้วยกันก็เลยสนิทกันมาก พวกเขาล้อเล่นอะไร เธอก็อย่าเก็บไปใส่ใจ"
เซวียหลิงเบนสายตายิ้มคู่สวยขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะล้อเขาเล่น
"กลัวอะไร! เขาชมที่นายใส่ใจและรักเมีย ฉันยังไม่ทันได้ดีใจเลย! ยังไงแล้วคนที่ถูกรักมันคือฉันนะ!"
เฉิงเทียนหยวนขำเพราะเธอ หัวเราะเผยฟันขาว
ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเฉิงล้วนดื่มน้ำบ่อภูเขา ฟันเลยค่อนข้างขาว แถมเขาไม่เคยสูบบุหรี่ ฟันจึงยิ่งขาว
"รออีกครึ่งชั่วโมงนะ ฉันจะรีบออกมา" พูดจบ เขาก็รีบเดินเข้าไปด้านใน
เซวียหลิงดื่มน้ำชาอย่างชื่นมื่น แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
โดยไม่คาดคิด เพิ่งอ่านไปสองหน้า จู่ๆ ก็มีไอน้ำสาดมา----เธอหลบไม่ทัน ถูกน้ำสาดไปครึ่งตัว หนังสือในมือก็เปียกด้วย!
"กรี๊ด!" เซวียหลิงร้องอุทาน แล้วหันไปมอง
ในมือหวังเจวียนถือขันน้ำ แสร้งทำเป็นร้อง "ฮะ?!" ด้วยความแปลกใจ
"เฮ้! เธอนั่งตรงนี้ได้ยังไงฮะ? ทำไมเธอยังไม่ไปอีก? นี่มันประตูทางเข้าสหกรณ์ร้านค้า เธอมาทำอะไรตรงนี้?"
เซวียหลิงรีบยืนขึ้นมา รีบปัดหยดน้ำบนหนังสือออก แล้วหันหน้าไปมองหวังเจวียน ไม่ได้เมินเฉยความภูมิใจในดวงตาของเธอ
เธอนั่งตรงนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว เมื่อกี้เฉิงเทียนหยวนกับพวกเพื่อนร่วมงานเขาก็เห็น ผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้ได้ยังไง!
นี่เธอจงใจชัดๆ
หวังเจวียนยกขันน้ำ แล้วโบกมือพูดขึ้น "นี่มันที่ทำงานของพวกเรา เธออยู่ที่นี่ทำไม? รีบไปเถอะ!"
เซวียหลิงได้ยินเธอพูดแบบนี้ กลับรู้สึกใจเย็นลง ทำความสะอาดคราบน้ำบนร่างกายและหนังสือโดยที่ไม่พูดสักคำ
ในเวลานี้ ตรงหน้ามีคุณลุงร่างท้วมอายุประมาณห้าสิบหกสิบรีบเดินเข้ามา ในมือถือเหล้าหนึ่งขวด
หวังเจวียนเห็นทันที จึงรีบพยักหน้าทักทายอย่างกระตือรือร้น
"เถ้าแก่ คุณกลับมาแล้วเหรอ? ได้เหล้านั้นมาแล้วเหรอคะ?"
คุณลุงร่างท้วมพยักหน้า พูดขึ้น "ได้มาแล้ว! รอเกือบวันแน่ะ!"
เซวียหลิงดวงตาเฉียบแหลม เห็นเหล้าขวดนั้นเป็นเหล้านอก บนนั้นมีภาษาอังกฤษเยอะมาก และได้ยินหวังเจวียนเรียกเขาว่าเถ้าแก่อีก จึงรู้ว่าเขาคือ "คนรวย" ที่รับเหมาสหกรณ์ร้านค้ามาเมื่อสองปีก่อน
ในยุคนี้ สหกรณ์ร้านค้าส่วนใหญ่ยังถือตลาดหุ้นร่วมกัน มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นหุ้นส่วนกับรัฐและเอกชน คุณลุงร่างท้วมท่านนี้สามารถรับเหมาสหกรณ์ร้านค้ามาได้ ความสามารถถือว่าไม่น้อยเลย
เซวียหลิงเห็นหวังเจวียนมีท่าทีประจบประแจงเขา ดวงตาจึงเป็นประกายเล็กน้อย พัดหนังสือพลางพูดเสียงดัง "เธอสาดน้ำใส่ฉัน ทำไมแม้แต่คำขอโทษสักคำก็ยังไม่พูดฮะ?"
หวังเจวียนหันหน้าไป แก้ตัวเสียงเข้ม "ฉันไม่รู้ว่าเธอนั่งอยู่ตรงนั้น!"
คุณลุงร่างท้วมมองมา เห็นข้างกายเซวียหลิงวางถุงตาข่ายใบใหญ่ ในนั้นมีชุดเครื่องนอนและของใช้ในชีวิตประจำวัน ข้างในมีใบเสร็จเขียนอยู่ เห็นได้ชัดว่าซื้อมาจากสหกรณ์ร้านค้าร้านตน
เขาหรี่ตา ถามด้วยความสงสาร "เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"
หวังเจวียนตกใจ บังทางเซวียหลิงด้วยสัญชาตญาณ แล้วยิ้มอย่างประจบประแจง "ไม่มีอะไรค่ะ! เรื่องเล็ก! ไม่มีอะไร!"
คุณลุงร่างท้วมเหลือบมองเธอ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ตั้งใจจะเดินไปข้างหน้า----
เซวียหลิงแอบโกรธ จงใจตะเบ็งเสียง "บนสหกรณ์ร้านค้าของพวกคุณติดป้าย 'ลูกค้ามาอันดับหนึ่ง' ลูกค้าโดนสาดน้ำ แม้แต่คำพูดขอโทษสักคำก็ไม่มี แถมยังบอกว่าไม่เป็นไร! นี่มัน 'ลูกค้ามาอันดับหนึ่ง' ประสาอะไรฮะ?!"
คุณลุงร่างท้วมได้ยิน ก็หันร่างกลับมาด้วยความประหลาดใจ ผลักหวังเจวียนออกแล้วมองสำรวจเซวียหลิง
"นี่น้อง เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?"