บท
ตั้งค่า

บทที่ 18 คนรักของฉัน

บ.ก.ใหญ่หลินยิ้ม แล้วทำสีหน้า "นั่นนะสิ" ให้กับเธอ

"ไม่มีปัญหาอะไร เสี่ยวเซวียอยากลางานตอนบ่ายใช่ไหม?"

เซวียหลิงหัวเราะเขินอายเบาๆ แล้วอธิบาย "ฉันเพิ่งหาที่อยู่ได้ ตั้งใจว่าจะย้ายเข้าไปวันนี้ อยู่โรงแรมวันหนึ่งตั้งหกหยวน อยู่มาหลายวันแล้ว ประหยัดได้ก็ประหยัดค่ะ"

บ.ก.ใหญ่หลินอายุสี่สิบกว่าแล้ว เป็นคนอัธยาศัยดีมาก ที่บ้านมีลูกสามคน ต้องทำงานและยุ่งกับการเลี้ยงลูก เข้าใจเรื่องการย้ายบ้านมากๆ

"ย้ายบ้านน่ะลำบากที่สุด ปีที่แล้วฉันย้ายบ้านต้องขอลางานกับผอ.หลิวสามวัน ก็ยังยุ่งมาก ได้ๆๆ หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ เธอไปก่อนได้เลยนะ!"

เซวียหลิงรีบกล่าวขอบคุณ

อาหารเที่ยงวันนี้ยังคงหลากหลายมาก เซวียหลิงใจดีแบ่งสะโพกไก่หนึ่งชิ้นและหมูสับนึ่งสองสามชิ้น

เธอกินแค่หมูสับนึ่ง แล้วเหลือน่องไก่เอาไว้ จากนั้นก็สะพายกระเป๋าสีทหารนั่งรถประจำทางตรงไปที่สหกรณ์ร้านค้า

นั่งรถประจำทางไม่แพง ค่าตั๋วราคาห้าเหมาเท่ากัน แต่หลายคนก็ไม่อยากนั่ง คิดว่าหนึ่งสถานีเดินแค่หกเจ็ดนาที ประหยัดได้ก็ประหยัด สถานีรถประจำทางจึงมีแค่ไม่กี่คน บนรถก็ไม่เยอะ

เซวียหลิงจ่ายเงิน แล้วหาที่ว่างนั่ง

สหกรณ์ร้านค้าอยู่ห่างกับสำนักพิมพ์ไม่ถือว่าไกล แต่รถประจำทางขับช้ามาก ครึ่งชั่วโมงต่อมาถึงได้ลงสถานีรถแถวๆ สหกรณ์ร้านค้า

สาเหตุที่เซวียหลิงเลือกอยู่บ้านแถวถนนซงหมิง เพราะคิดว่าที่นั่นอยู่ตำแหน่งตรงกลางระหว่างที่ทำงานทั้งคู่พอดี ใกล้สำนักพิมพ์มากกว่าหน่อย แต่ก็ไม่ไกลจากสหกรณ์ร้านค้า ทั้งสองไปทำงานและเลิกงานจะได้สะดวกขึ้น

เมื่อเธอหาเงินได้ จะซื้อจักรยานสักคัน ถึงตอนนั้นเข้าออกก็จะยิ่งสะดวก

เธอคิดอย่างสุขใจ รีบเดินไปที่สหกรณ์ร้านค้า

สหกรณ์ร้านค้าคือองค์กรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ มีขายสินค้าขนาดใหญ่ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์การเกษตร ไปจนถึงสินค้าขนาดเล็กอย่างของใช้ในครัวเรือน มองจากไกลๆ เห็นผู้คนขวักไขว่ตรงประตูทางเข้าสหกรณ์ร้านค้า มีคนซื้อผ้า มีคนซื้ออุปกรณ์การเกษตร ผู้คนขวักไขว่และคับคั่ง

เซวียหลิงเดินเข้าไป มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นตัวเฉิงเทียนหยวนเลย

ได้ยินแม่สามีบอกว่า ตอนนั้นพี่หยวนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนดี แต่น่าเสียดายที่บ้านจนมากจริงๆ เขาเก็บหนังสือแจ้งเข้ารับเรียน แล้วไปหางานทำที่อำเภอโดยไม่ลังเล

ที่นี่ คนที่อ่านหนังสือได้มีไม่เยอะ คนที่เรียนได้ถึงมัธยมปลายยิ่งหายาก เขาจึงหางานทำที่สหกรณ์ร้านค้าได้อย่างราบรื่น และได้เป็นพนักงานประจำด้วย

แต่ปีก่อนสหกรณ์ร้านค้ากลายเป็นรูปแบบแสวงหากำไรให้ตัวเอง ประธานสหกรณ์ในอดีตกลายเป็นเถ้าแก่ เงื่อนไขในการทำงานจึงสูงขึ้นมาก

สหกรณ์ร้านค้ามีขนาดเล็กมาก ของที่ขายภายในและภายนอกมีครบครัน

เซวียหลิงคิดว่าในห้องขาดชุดเครื่องนอน ขาดของใช้ในชีวิตประจำวันบางส่วน คิดไปหาไป แต่ยังไม่ได้ซื้อ ทำให้พนักงานขายจ้องเธอไม่หยุด

"น้อง น้องจะซื้ออะไรเหรอ? หาอะไรอยู่?" ชายซื่อๆ คนหนึ่งถามขึ้น

เซวียหลิงยิ้ม ก่อนตอบ "ฉันอยากซื้อชุดเครื่องนอนหนึ่งผืน หมอนสองใบ แปรงสีฟัน ผ้าขนหนู......"

ชายคนนั้นรีบตอบรับ หาทางซ้ายที หาทางขวาที รวบรวมของกองหนึ่งวางบนเคาน์เตอร์

หญิงสาวข้างๆ คนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วพูดขึ้น "พี่อาหมิน ฉันช่วยพี่ใส่ พี่ไปหยิบชุดเครื่องนอน" จากนั้นก็หยิบถุงตาข่ายถุงหนึ่งออกมา ช่วยใส่ของชิ้นเล็ก ขณะคิดเงินไปด้วย

เซวียหลิงเห็นใกล้เสร็จแล้ว ก็มองด้านในด้านนอกอย่างอดไม่ได้

"พี่คะ ฉันอยากถามพี่เกี่ยวกับคนหนึ่ง"

ชายซื่อๆ ยิ้มแล้วถามขึ้น "ใครเหรอ?"

เซวียหลิงตอบ "เฉิงเทียนหยวน"

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ โพล่งถามออกไป "เธอถามเกี่ยวกับเขาทำไม?"

น้ำเสียงมีความสงสัย พูดออกมาอย่างโผงผางมาก เหมือนเซวียหลิงถามอะไรที่ไม่ควรถาม

เซวียหลิงเลิกคิ้ว มองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า พลางตอบว่า "ฉันได้ยินว่าเขาทำงานที่นี่ อยากไปหาเขา"

หญิงสาวคนนี้อายุพอๆ กับเธอ ถักเปียสองข้างทั้งใหญ่และหนา ดวงตาเล็กมาก ผิวก็ค่อนข้างคล้ำ

ได้ยินว่าเซวียหลิงอยากไปหาเฉิงเทียนหยวน ก็มองจ้องเซวียหลิงอย่างระแวงทันที

"พี่อาหมิน" ที่อยู่ด้านข้างยิ้มซื่อๆ แล้วพูดขึ้น "อาหยวนกำลังเขียนรายการสินค้าที่โกดังด้านหลัง น้องมาหาเขามีเรื่องอะไรไหม? ฉันจะช่วยเธอไปเรียกเขา!"

เซวียหลิงยิ้ม แล้วพยักหน้า "รบกวนพี่ช่วยไปเรียกเขาให้ฉันหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ!"

พี่อาหมินหันหลังไปสั่งสาวน้อยผมเปียด้วยเสียงทุ้ม "หวังเจวียน ของเยอะมาก เธอตรวจสอบให้ดีๆ ล่ะ"

หวังเจวียนไม่สนใจเขา จ้องมองเซวียหลิงไม่หยุดหย่อน

"คุณมาหาพี่อาหยวนทำไม? คุณเป็นญาติเขาเหรอ? ตอนนี้เขากำลังทำงานยุ่งอยู่นะ!"

เซวียหลิงเห็นเธอทำหน้าเป็นปฏิปักษ์และระมัดระวัง สัมผัสที่หกของผู้หญิงก็ทำให้เธอเดาอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว

เธอยิ้ม แล้วพูดขึ้น "ฉันรู้ว่าเขากำลังทำงานอยู่ ไม่เป็นไร ฉันรอเขาเลิกงานได้"

หวังเจวียนทำหน้าบูดบึ้ง แล้วถามอีกครั้ง "เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องเขาเหรอ? ได้ยินว่าที่บ้านเขามีน้องสาวคนเดียว......?"

ในขณะนี้ เสียงใจเย็นน่าดึงดูดก็ดังขึ้น "เธอ----มาได้ไง?"

เฉิงเทียนหยวนนั่นเอง!

เซวียหลิงหันหน้าไป เผยรอยยิ้มสดใสให้กับเขา

"ฉันมาซื้อของ รอนายเลิกงานกลับบ้านด้วยกัน"

เฉิงเทียนหยวนสายตาอบอุ่นเล็กน้อย เห็นถุงตาข่ายใบใหญ่ข้างหน้าเธอ ก็เอ่ยปากอย่างเอาใจใส่ "เธอรอฉันแป๊บ ฉันจะไปจดบัญชีให้เสร็จ พวกนี้มันหนัก ตอนเย็นฉันถือเอง"

เซวียหลิงจงใจหันไปมองหวังเจวียน ยิ้มตาหยีถามขึ้น "พี่หยวน พวกเขาคือเพื่อนร่วมงานนายใช่ไหม?"

เฉิงเทียนหยวนรีบหันข้าง แล้วแนะนำ "ใช่ นี่หวังเจวียน อีกคนคือเฉินหมิน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานฉัน อีกสามคนข้างๆ ก็ด้วย เดี๋ยวแนะนำให้เธอรู้จัก"

เขาหันไปจับข้อมือเซวียหลิง แล้วอธิบายด้วยเสียงอ่อนโยน "เธอ......คือภรรยาของฉัน"

เฉินหมินจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ยิ้มอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"ไอ้แกแต่งงานตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมไม่บอกกันสักคำ?! ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?! โคตรประหลาดใจ!"

หวังเจวียนข้างๆ มีสีหน้าฉุนเฉียว มุมปากเกร็งแน่น

เฉิงเทียนหยวนได้ยินเฉินหมินพูดแบบนี้ ก็ยิ้มกระอักกระอ่วน ตอบอย่างครุมเครือ "ไม่นานนี้เอง......"

เซวียหลิงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกลำบากใจแบบนี้

ก่อนหน้านี้เขากลับบ้านเพื่อดูแลคุณพ่อที่ป่วยหนัก ต่อมาแม่สามีเกิดความคิดชั่ววูบจะให้พวกเขาแต่งงานเพื่อล้างความอัปมงคล จัดงานแต่งแบบเร่งรีบ เขาจึงไม่ทันได้บอกเพื่อนและเพื่อนร่วมงานให้รับรู้เลย

ต่อมาในคืนแต่งงานเธอก็ไม่ยินยอม ก่อนคืนที่เธอสารภาพ เขาคิดมาตลอดว่าเธอต้องการหย่ากับเขาไม่ช้าก็เร็ว เขาจึงไม่ได้บอกเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องเธอ

เธอพักอยู่โรงแรมด้านหลังไม่ไกลอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนเขาเข้าออกอยู่หลายรอบ แต่ไม่เคยบอกว่าจะพาเธอมาดูที่นี่เลย

ถึงแม้เธอจะไม่ได้เปิดเผย แต่ภายในใจเธอเข้าใจดี

แต่ในวันนี้มันแตกต่าง ในที่สุดเขาก็แนะนำสถานะของตนให้เพื่อนและเพื่อนร่วมงานได้รู้จักได้แล้ว

เซวียหลิงคว้าโอกาสแนบชิดกายเขา ต่างจากความอึดอัดใจของเฉิงเทียนหยวน เธอเอ่ยปากอย่างสุภาพ

"เราแต่งงานกันมาสิบกว่าวันแล้ว จัดงานแต่งที่บ้านเกิด ค่อนข้างเร่งรีบ เลยไม่ทันได้บอกพวกพี่ จริงสิ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ วันนี้มาซื้อของใช้ประจำวัน รอเราจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเชิญทุกคนมากินข้าว"

เฉินหมินพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดขึ้น "ต้องอย่างนั้น! ไอ้อาหยวน อยู่ๆ แต่งงานแล้วได้ยังไง! แถมได้แต่งกับเมียสวยขนาดนี้----ต้องฉลองมื้อใหญ่!"

เฉิงเทียนหยวนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดอย่างสดชื่น "ไม่มีปัญหาครับ!"

หวังเจวียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก้มหน้าเขียนและวาดรูป พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง "จริงสิ! จู่ๆ แต่งงานได้ไง? ถ้าเมียไม่ได้มาหา เราก็ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะอาย หลบๆ ซ่อนๆ คนไม่รู้จะนึกว่าพวกเธอหนีตามกันไป!"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel