บทที่ 14 กินอาหารกลางวันด้วยกัน
เฉิงเทียนหยวนเป็นผู้ชายที่พูดคำไหนคำนั้น
เมื่อคืนทำงานพาร์ทไทม์ถึงสี่ทุ่มครึ่ง กลับมาก็รีบอาบน้ำนอน เมื่อเช้าตรู่ตื่นนอนไปทำงาน ก็ขอลางานกับเถ้าแก่สหกรณ์ร้านค้าล่วงหน้า
ตอนแรกเถ้าแก่ไม่เต็มใจ ได้ยินเขาบอกว่าพักเที่ยงครึ่งชั่วโมงก็กลับมา ถึงจะจำใจยินยอม
สหกรณ์ร้านค้ามีของต้องย้ายไปย้ายมาเยอะมาก เฉิงเทียนหยวนเป็นคนตั้งใจทำงาน ไม่เคยขี้เกียจและสะเพร่า เถ้าแก่พึงพอใจเขามาโดยตลอด ถ้าเป็นคนอื่น เถ้าแก่ไม่ยอมอย่างเด็ดขาด
หลังจากเลิกงานตอนเที่ยง ก็ถีบจักรยานไปทางสำนักพิมพ์
สำนักพิมพ์อยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอ ห่างกับสหกรณ์ร้านค้าเดินเท้าประมาณยี่สิบนาที เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นั่น ก่อนหน้านี้ถามเพื่อนร่วมงานที่อำเภอ เพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมแถวนั้น
เพื่อนร่วมงานบอกว่า ที่นั่นการเดินทางสะดวก ใกล้กับเขตพัฒนาใหม่ด้วย มีการสร้างบ้านใหม่จำนวนมากในช่วงปีที่ผ่านมา
บ้านที่นี่ส่วนใหญ่ราคาแพง บ้านให้เช่าก็น้อยมาก ถ้าจะหาบ้านอยู่ที่นี่ ต้องเปลืองแรงแน่นอน
เฉิงเทียนหยวนคำนึงถึงเซวียหลิงทำงานอยู่ที่นี่ กลัวเธอไปทำงานและเลิกงานลำบาก จึงมุ่งมั่นในการหาที่นี่
น่าเสียดาย เขาอ้อมมาเกินครึ่งชั่วโมง ยังหาบ้านแขวนให้เช่าไม่เจอเลย
เขาอ้อมไปอ้อมมาละแวกสำนักพิมพ์ อ้อมถนนเส้นใหญ่กับซอยใหญ่บางซอย นอกจากบ้านเก่าทรุดโทรมไม่กี่หลัง ก็หาไม่ได้เลยแม้แต่นิด
ถึงจะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่แดดฤดูใบไม้ร่วงนี่ไม่เลวเลย สาดจนผิวหน้าเขาแสบนิดๆ
เห็นต้นไทรใหญ่ตรงปากซอย เขาเข็นจักรยานไป นั่งกระดานหินใต้ต้นไทร หยิบกระติกน้ำเหล็กหมุนเปิดฝา ดื่มไปหลายอึก ลำคอแห้งผากก็ดีขึ้น
เช้าตรู่ไปทำงาน ทำงานยุ่งมาทั้งเช้า กลางวันก็รีบไปที่ถนนใหญ่ห่างไกลอีก ท้องร้องจ๊อกๆ ตั้งนานแล้ว
เขาหยิบหมั่นโถวเย็นชืดที่ซื้อมาตอนเช้าออกมา กัดไปไม่กี่คำแล้วก็ดื่มน้ำ เคี้ยวมันช้าๆ
ทันใดนั้น ตรงหน้าก็ปรากฏรองเท้าสานพลาสติกของผู้หญิงคุ้นตาคู่หนึ่ง!
เขาเงยหน้าด้วยสัญชาตญาณ----เห็นเซวียหลิงหน้าผากมีเหงื่อผุดบางๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิงนิดหน่อย ตาคู่สวยยิ้มแย้มมองตน ใบหน้าสวยขาวราวหิมะแดงนิดหน่อยเพราะวิ่งมา
เขาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แล้วกลืนหมั่นโถวในปาก
"เธอมาได้ไง?"
เซวียหลิงหายใจหอบ ยิ้มแล้วอธิบาย "เมื่อกี้ฉันเห็นนายตรงทางแยก อยู่ห่างไปหน่อย ตะโกนเรียกแล้วนายไม่ได้ยิน ฉันเลยวิ่งมา"
พูดจบ เธอก็นั่งข้างๆ เขาอย่างเหน็ดเหนื่อย
เฉิงเทียนหยวนเห็นเธอวิ่งมาเหนื่อย ก็รีบวางหมั่นโถวลง แล้วหมุนฝากระติกน้ำให้เธอ
"ดื่มสักสองอึก พักสักหน่อย"
หยุดชะงักมือที่ยื่นออกไป เขารีบกระชากกลับมา เอามือล้วงหาในกระเป๋า พลางอธิบาย "เมื่อกี้ฉันดื่มไปแล้ว ฉันหาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้เธอก่อน"
ช่วงต้นยุคแปดศูนย์ ไม่มีของชิ้นเล็กอย่างพวกทิชชู่หรอก ทุกคนล้วนพกผ้าเช็ดหน้าผืนสองผืน เอาไว้เช็ดเหงื่อเช็ดปาก
"ไม่ต้องหรอก" เซวียหลิงไม่ใส่ใจเลยสักนิด เอามือแย่งกระติกน้ำจากมือเขามา แล้วดื่มอึกใหญ่หลายอึก
เฉิงเทียนหยวนเห็นเธอกลืน ก็แอบกระอักกระอ่วน
คนที่โตมาจากเมืองใหญ่นั้นแตกต่าง เด็กผู้หญิงอย่างเธอไม่ใส่ใจ แต่ผู้ชายอย่างเขากลับขวยเขิน----มันไม่ได้นะ!
เขากระแอมไอเบาๆ อย่างผิดธรรมชาติ เอ่ยปากทำลายความกระอักกระอ่วนที่ไม่สบอารมณ์
"สำนักพิมพ์อยู่ถนนเส้นข้างหน้า เมื่อกี้ฉันอ้อมตรงนั้นมาสองรอบแล้ว อากาศร้อนมาก เธอออกมายังไง? กินข้าวหรือยัง?"
เซวียหลิงยัดกระติกน้ำให้เขา ทำหน้าเกรงใจ
"อากาศร้อนขนาดนี้ ตอนกลางวันนายพักแค่หนึ่งชั่วโมง ยังรีบมาตั้งไกลเพื่อช่วยฉันหาบ้านอีก ฉันจะหลบอยู่ข้างในเย็นๆ ได้ยังไง! ฉันยังไม่ได้กินข้าว"
เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองพระอาทิตย์ตอนกลางวันที่ลอยสูง
"จะเที่ยงแล้วมั้ง ฉันจะพาเธอไปหาอะไรกินก่อน หรือยังไงดี?"
"ไม่ต้อง" เซวียหลิงยิ้มระรื่นเปิดกระเป๋าสีทหาร ควักกล่องข้าวอะลูมิเนียมร้อนระอุออกมาแล้วพูดขึ้น "เรากินด้วยกันเถอะ กินเสร็จค่อยไปหาบ้านพร้อมกัน"
เขาส่งกล่องข้าวให้เขา ตัวเองเปิดอีกกล่อง ในนั้นบรรจุข้าวสวย และมีถั่วลิสงสิบกว่าเม็ดที่มุม
เฉิงเทียนหยวนเปิดอีกกล่อง พบว่ามีสะโพกไก่กับผักสีเขียวสองชนิด และมีลูกชิ้นทอดลูกเล็กห้าหกลูก
"เยอะมากเลย โรงอาหารธรรมดาให้เยอะขนาดนี้ไม่ได้แน่"
เซวียหลิงยิ้มตอบ "ใช่แล้ว! ฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานบอกว่า ที่สำนักพิมพ์รับผิดชอบแค่มื้อเดียว ผอ.เห็นอกเห็นใจที่ทุกคนทำงานหนัก กำชับคุณป้าแม่ครัวทำอาหารทุกมื้อเยอะหน่อย ต้องมีเนื้อสองอย่างและผักสองชนิด ห้ามปริมาณน้อย แต่ฉันกินได้น้อย ไม่มีทางกินหมด นายช่วยฉันกินหน่อย จะได้ไม่เสียของ"
เฉิงเทียนหยวนพูดขึ้น "เธอกินก่อน ฉันพกหมั่นโถวมา"
"ไม่ได้!" เซวียหลิงเบิกตาโต แล้วพูดขึ้น "กินด้วยกัน เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย ข้าวสามมื้อเราต้องกินตอนร้อนๆ ไม่งั้นจะเป็นโรคกระเพาะลำไส้ได้ง่าย!"
พูดจบ เธอก็มองหมั่นโถวเย็นชืดในมือเฉิงเทียนหยวน
เฉิงเทียนหยวนตกตะลึงเล็กน้อย มือที่กำหมั่นโถวเอาไว้หดกลับโดยไม่รู้ตัว
"......ไม่เป็นไร ฉันกินแค่บางครั้ง ฉันกินไปแล้วอันหนึ่ง ยังไม่ค่อยหิว"
เซวียหลิงยื่นมือไปแย่งหมั่นโถวเย็นชืดของเขาอย่างเอาแต่ใจ แล้วยัดใส่เข้าไปในกระเป๋าผ้าอันเดิม
"กินด้วยกันกับฉัน ไม่งั้นฉันก็จะไม่กิน!"
เฉิงเทียนหยวนรู้สึกหมดหนทางนิดหน่อย ไม่รู้จะทำยังไงกับเธอ ได้แต่หยิบตะเกียบขึ้นมากินผัก
เซวียหลิงใช้ช้อนตักซุปดันสะโพกไก่ให้เขา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่สามารถต่อรองได้ง่าย
"ลูกชิ้นทอดเมื่อวานนายกินไปแล้ว วันนี้ควรให้ฉันกิน ส่วนนายกินสะโพกไก่"
เฉิงเทียนหยวนมองสะโพกไก่สดใหม่ กำลังจะส่ายหน้า----
"สะโพกใหญ่ขนาดนี้ ฉันกินคนเดียวไม่หมดแน่" เซวียหลิงเบ้ปากพูดขึ้น "ตอนเที่ยงอากาศร้อน ถึงตอนเย็นเหม็นบูดแน่ ถ้านายไม่กิน งั้นก็เก็บไว้ให้มันเหม็นบูด!"
เฉิงเทียนหยวนเติบโตมาจากชนบท การเงินที่บ้านอัตคัดขัดสนมาโดยตลอด ช่วงเทศกาลหรือวันปีใหม่เท่านั้นที่จะได้กลิ่นหอมของเนื้อบ้าง
สะโพกไก่แบบนี้ เขาจะยอมให้เสียของได้ที่ไหนกัน!
เขากัดลงไปหนึ่งคำอย่างกระวนกระวาย สะโพกไก่ที่เพิ่งนึ่งสดๆ มีความอุ่นที่หลงเหลืออยู่ ทั้งหอมทั้งเนียน ความรู้สึกที่ปากดีมากจนเขาหยุดไม่อยู่ กินเอาๆ อย่างรวดเร็ว
เขาเห็นเซวียหลิงกินแค่ผัก เห็นว่าเธอไม่รังเกียจเลย เมื่อกี้ทั้งคู่ก็กินกระติกน้ำเดียวกัน ร่างสูงใหญ่ก็เริ่มขยับเข้าไปใกล้เธอก่อน แล้วยื่นสะโพกไก่ไปที่ปากเธอช้าๆ
"......เธอก็กินสักคำสิ"
เซวียหลิงเลิกคิ้ว แอบประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในใจดีใจมากกว่า โน้มตัวลงไปใช้ปากกัดหนึ่งคำ แล้วยิ้มแย้มกินมัน
"อืม......อร่อยมาก!"
ในไม่กี่วันนี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน เขามักจะทำตัวปกติธรรมดา ไม่กระตือรือร้น ไม่เย็นชา แต่มีความรู้สึกห่างเหินอยู่จางๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั่งใกล้ชิดกับเธอก่อน!
เซวียหลิงดีใจแทบบ้าเลย!
นี่คือความคืบหน้าครั้งใหญ่ของเธอและเขา!
เธอแอบยิ้ม ก้มหน้ากินข้าวคำโต เอาศอกกระทุ้งแขนเขาหนึ่งที
"นายก็กินด้วยนะ! นายกินเยอะๆ หน่อย!"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้า ฉีกเลือกเนื้อสะโพกไก่ชิ้นใหญ่ให้เธอ แล้วค่อยกินต่อ
กล่องข้าวมีขนาดใหญ่มาก จำนวนข้าวผักและเนื้อสัตว์เยอะมาก ทั้งคู่กินกันจนอิ่ม
ตอนบ่ายต้องไปทำงาน ทั้งคู่กินอิ่มแล้วก็เร่งรีบไปหาบ้าน
น่าเสียดายละแวกสำนักพิมพ์เป็นพื้นที่ใหม่ ตึกส่วนมากเป็นบ้านที่เพิ่งสร้าง ส่วนมากอยู่เองหรือไม่ก็ทำธุรกิจ แทบไม่มีให้เช่าเลย
มีไม่กี่แห่งที่แขวนป้ายให้เช่า แต่มันเก่ามาก สุขอนามัยแย่จนไม่ต้องพูดถึง บ้านก็ชำรุดทรุดโทรม
เฉิงเทียนหยวนแค่เห็นก็ขมวดคิ้ว ถ้าเป็นผู้ชายอย่างเขา อยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นไร แต่เซวียหลิงเป็นคนบอบบาง เดี๋ยวจะฤดูหนาวแล้ว จะให้เธออยู่ที่ลมรั่วและสกปรกเละเทะแบบนี้ไม่ได้จริงๆ
หลังจากเซวียหลิงหามาหนึ่งรอบ ก็รู้สึกผิดหวังอย่างอดไม่ได้
เขาปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน "อย่าท้อแท้ เลิกงานค่อยมาหาใหม่ ไปทำงานกันก่อนดีกว่า"