บทที่ 12 ดูบ้าน
เซวียหลิงมองซ้ายมองขวา พบว่าบริเวณนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ใหม่ อาคารจำนวนมากยังใหม่เอี่ยม อย่างมากสุดก็แค่สิบกว่าปี
ตอนนี้อำเภอหรงหวาเป็นอำเภอเล็ก ตึกส่วนมากไม่สูง ประมาณสองถึงสามชั้น ส่วนใหญ่มีแค่สองชั้น
ตึกส่วนมากเป็นบ้านที่สร้างเอง สูงๆ ต่ำๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ดูแล้วไม่ค่อยเป็นระเบียบ
ถนนซงหมิงอยู่ทางด้านหลังอีกหน่อย บ้านสร้างอย่างมีระเบียบแบบแผนมากกว่าด้านหน้า ขนาดใหญ่เล็กสูงต่ำไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น มองไปแวบเดียว ลักษณะและการตกแต่งภายนอกก็ไม่ต่างกันมากนัก
ในตอนนี้ยังไม่มีนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ การเช่าบ้านหรือขายบ้านก็มีไม่เยอะ หลักๆ เป็นการบอกปากต่อปาก บางส่วนก็แขวนป้ายที่ประตูโดยตรง เขียนตัวอักษรคดเคี้ยวสองคำว่า "ให้เช่า"
นึกถึงคำพูดของหวังชิง บอกว่าแถวๆ ร้านอาหารมีบ้านแขวนป้ายให้เช่า จึงไปค้นหาตำแหน่งร้านอาหาร
อย่างที่คิดไว้ ในซอยข้างๆ ร้านอาหาร มีบ้านสองหลังที่เหมือนกันเป๊ะแขวนป้ายให้เช่า
ทั้งสองเดินเข้าไปดู พบว่าบ้านสองหลังอยู่ติดกัน ไม่ว่าจะเป็นผนังด้านนอกหรือประตูทางเข้าลานบ้านหรือประตูเหล็กก็เหมือนกันเป๊ะ แค่บ้านทางซ้ายมือใหม่กว่านิดหน่อย
เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดเสียงทุ้ม "บ้านหลังนี้ใหญ่เกินไป เธออยู่คนเดียวไม่เหมาะ"
เซวียหลิงในใจซ่อนความคิดเอาไว้ ไม่กล้าให้เขารู้ แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ "ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็เข้าไปดูหน่อย ยังไงแค่ดูก็ไม่เสียเงิน! อีกอย่าง ไม่แน่เขาอาจจะให้เช่าทีละชั้นก็ได้ ฉันก็จะเช่าหนึ่งชั้น ก็คุ้มค่านะ!"
เฉิงเทียนหยวนกลับส่ายหน้าห้ามเธอเอาไว้ แล้วอธิบาย "บ้านให้เช่าหลายชั้นแบบนี้ยิ่งไม่เหมาะกับเธอ เด็กผู้หญิงอย่างเธออยู่คนเดียว ถ้าคนชั้นอื่นคิดอะไรไม่ดี คิดไม่ซื่อ เธอจะทำยังไง?"
เซวียหลิงหัวเราะฮิๆ แล้วพูดขึ้น "เราเข้าไปดูก่อน จะเอาหรือไม่เอา เดี๋ยวค่อยว่ากัน"
เฉิงเทียนหยวนห้ามเธอไม่ได้ เห็นเธอมองที่ประตูแล้ว ได้แต่อดกลั้นความไม่พอใจอันคลุมเครือเอาไว้
สาวน้อยคนนี้มีความคิดเป็นของตัวเองมาก จะให้เธอเชื่อฟังเขา ดูท่าแล้วเป็นไปได้ยาก
เซวียหลิงเคาะประตูสองสามครั้ง แล้วตะโกนเรียกอีกหน่อย แต่ประตูเหล็กมันปิดแน่นอย่างคาดไม่ถึง
หลังจากนั้นสักพัก ประตูเหล็กบ้านข้างๆ ก็เปิดออก หญิงชราวัยห้าสิบกว่าหรี่ตาชะโงกศีรษะออกมาถาม "พวกเธอมาหาใครเหรอ?"
เซวียหลิงเดินเข้าไปหา อธิบายเจตนาที่มาอย่างสุภาพ
หญิงชราพยักหน้าเข้าใจทันที แล้วเดินออกมาเปิดประตูลานบ้าน
"บ้านสองหลังนี้เป็นบ้านของครอบครัวเรา ตั้งใจจะปล่อยให้เช่า มีหลายคนมาดู แต่ไม่ชอบที่มันแพงเกินไป ก็เจรจากันไม่ลงตัว พวกเธอไปดูก่อนได้ แต่ฉันปล่อยเช่าทั้งหลังเลยนะ ไม่ได้แบ่งเช่า"
เฉิงเทียนหยวนทำหน้าบูดบึ้ง แล้วขยิบตาให้เธอ
เซวียหลิงแสร้งทำเป็นไม่เห็น ยิ้มแล้วพูดขึ้น "คุณป้าคะ เราเข้าไปดูก่อนได้ใช่ไหม?"
"ได้" หญิงชราสุขภาพดีมาก เดินเหินคล่องแคล่ว ควักกุญแจมาเปิดประตูอย่างคล่องแคล่ว "ฉันจะพาพวกเธอไปดู แต่จะเอาหรือไม่เอา ต้องให้คำตอบที่ชัดเจน เพราะพรุ่งนี้อาจจะมีคนมาดู"
เซวียหลิงยิ้มแหะๆ แล้วพูดขึ้น "ฉันขอดูก่อนค่อยว่ากันค่ะ!"
หญิงชราหรี่ตามองสำรวจพวกเขา แล้วถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ "คู่รักเหรอ?"
เซวียหลิงรีบพยักหน้า แล้วตอบ "ใช่ค่ะ! เราเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ทำงานอยู่ที่นี่ หอพักเล็กเกินไปที่จะอยู่ ตั้งใจจะเช่าบ้านอยู่ด้วยกันค่ะ"
หญิงชราพยักหน้าช้าๆ ลูบผนังบ้านที่ค่อนข้างใหม่เอี่ยมหลังนั้น
"ฉันกับตาแก่*สร้างบ้านหลังข้างๆ สร้างหลังนี้เมื่อสิบปีก่อน มันคือบ้านที่เราให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ใช้สำหรับตอนแต่งงาน แต่พวกเขาอยู่ได้เดือนกว่า ต่อมาก็ย้ายไปที่เมืองหลวง ที่นั่นมีบ้าน พวกเขาอยู่ฉลองปีใหม่ที่นั่นสองสามวัน"
ถึงแม้บ้านจะมีสามชั้น แต่ด้านในไม่ถือว่ากว้าง ชั้นแรกมีพื้นที่ประมาณสามสิบกว่าตารางเมตร
ชั้นหนึ่งมีห้องน้ำและหนึ่งห้องครัว หน้าบันไดมีจักรยานทรุดโทรมคันหนึ่งจอดอยู่
ชั้นสองมีห้องรับแขกหนึ่งและห้องใหญ่หนึ่ง นอกห้องมีระเบียงเล็กๆ และห้องน้ำ
ชั้นสามเป็นพื้นที่ว่าง ไม่มีอะไรเลย มีฝุ่นเกาะอยู่หนาแน่น
หญิงชราอธิบายว่า "ตอนแรกที่สร้างบ้าน คือจะให้คนในครอบครัวตัวเองอยู่ เลยสร้างทุกที่ให้กว้างหน่อย จริงๆ แล้วที่นี่เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัว แบ่งชั้นเช่าไม่ได้"
เซวียหลิงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ "ถ้าเราเช่า เฟอร์นิเจอร์ด้านในก็ต้องเช่าไหมคะ?"
"ใช่" หญิงชราชี้บ้านข้างๆ แล้วอธิบาย "บ้านนั้นก็ต้องเช่า ลูกชายกับลูกสะใภ้ไปทำงานยุ่งมาก หลานก็ไปเรียนหนังสือ ช่วงนี้ลูกสะใภ้ก็ท้องอีก ลูกชายอยากให้ฉันย้ายไปที่เมืองหลวงช่วยเลี้ยงหลานชาย เดือนหน้าจะมารับฉันไป ตาแก่ของฉันเสียไปแล้ว ลูกชายก็เป็นห่วงที่คนแก่อย่างฉันอยู่ที่คนเดียว บ้านถ้าปิดไว้ตลอดปีมันจะพังง่าย เลยปล่อยให้เช่าดีกว่า เก็บเงินซื้อนมผงเมืองนอกให้หลานชายสักหน่อย"
เซวียหลิงพาเฉิงเทียนหยวนไปดูบ้านข้างๆ ด้วยเช่นกัน พบว่ามันไม่ต่างกัน แค่บ้านข้างๆ เก่ากว่านิดหน่อย เพราะมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ สิ่งของค่อนข้างกระจัดกระจาย
หญิงชราก็รอบคอบมาก ให้พวกเขาดูสักพัก ก็พาพวกเขาไปที่ลานบ้านด้านนอก
"ตอนแรกลานบ้านเป็นผืนเดียวกัน ตั้งใจว่าให้เช่าแล้วค่อยแยก กลัวคนเช่าไม่สะดวก ฉันปล่อยไม่แพง บ้านใหม่ข้างๆ ปล่อยสี่สิบห้าหยวนต่อเดือน บ้านหลังนี้ข้าวของกับเฟอร์นิเจอร์เยอะ แต่เก่าหน่อย ปล่อยแค่สี่สิบหยวน พวกเธอมาเช่าบ้าน น่าจะรู้ราคาตลาดที่นี่บ้าง"
เมื่อเฉิงเทียนหยวนได้ยิน คิ้วก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย
"แพงไปหน่อย จริงๆ แล้วที่อยู่ได้ก็มีแค่ชั้นสอง"
เขาเคยสอบถามมา ห้องเดี่ยวขนาดเล็กโดยปกติราคาแค่ยี่สิบกว่าหยวนต่อเดือน ห้องชุดขนาดเล็กแบบอยู่คนเดียวประมาณสามสิบหยวน
เซวียหลิงพยักหน้าคล้อยตาม แล้วพูดขึ้น "แพงไปหน่อย......เราต้องพิจารณาสักหน่อย"
ไปซื้อของยังต้องเทียบหลายร้าน นับประสาอะไรกับการเช่าบ้านหลังใหญ่ ต้องพิจารณาให้ดี
บ้านหลังนี้ไม่เลวเลย แต่เธอต้องหาที่อื่นมาเปรียบเทียบ ถ้าไม่เปรียบเทียบ จะรู้ข้อดีข้อเสียหรือราคาถูกแพงได้ยังไง
หญิงชราโบกมือ พูดขึ้น "พวกเธอไปลองหาดู! ยังไงบ้านฉันหลังนี้ก็คุ้มค่าราคานี้แน่นอน! ถ้าพวกเธออยู่กันแค่คู่รักสองคน บ้านข้างๆ ฉันลดให้ได้ห้าหยวน แต่ต้องจ่ายครั้งละสามเดือน ถ้าพวกเธอต้องการ พรุ่งนี้มาจ่ายเงิน แล้วย้ายเข้ามาได้ทุกเมื่อ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มา ถ้าเกินกำหนด ฉันจะให้คนอื่นแล้วนะ!"
พูดจบ หญิงชราก็ปิดประตู
พลบค่ำของฤดูใบไม้ร่วงมันสั้นมาก ด้านนอกตกกลางคืนแล้ว
เฉิงเทียนหยวนมองสีท้องฟ้า เห็นบ้านรอบๆ ทยอยเปิดไฟสว่าง แล้วหันหน้าหล่อมาถาม "หิวหรือยัง? ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ"
เซวียหลิงตอบโอเค แล้วถามขึ้น "คืนนี้นายต้องทำงานล่วงเวลาไหม?"
"อืม" เฉิงเทียนหยวนขี่จักรยาน พาเธอเลี้ยวออกจากซอย
ละแวกถนนซงหมิงมีร้านอาหารขนาดเล็กเยอะมาก ทั้งคู่เลือกร้านบะหมี่ร้านหนึ่ง แล้วสั่งบะหมี่ไข่มาสองชาม
เซวียหลิงเปิดกระเป๋าสีทหาร ควักกล่องข้าวอะลูมิเนียมออกมาแล้วเปิด
"อาหารกลางวันที่สำนักพิมพ์เยอะมาก กล่องหนึ่งมีทั้งผักและเนื้อ แล้วก็กล่องข้าวอีกกล่อง ฉันกินข้าวได้ไม่เยอะ กินไม่หมดเลย เหลือเนื้อตากกับลูกชิ้นบางส่วน ฉันไม่อยากเสียของ เลยเอากลับมาด้วย พี่หยวน นายช่วยกินหน่อยสิ"
เฉิงเทียนหยวนเห็นลูกชิ้นทอดสีทองเหลือง ความอยากอาหารก็เพิ่มขึ้นทันที หยิบมาหนึ่งลูก
"อืม......รสชาติไม่เลว"
เซวียหลิงฟังจบ ก็หัวเราะฮ่าๆ อย่างสุขใจ เทลูกชิ้นทอดห้าหกลูกในกล่องข้าวให้เขาทั้งหมด
"อร่อยก็กินเยอะๆ! ต่อไปฉันจะเอามาให้นายทุกวันเลย!"
เฉิงเทียนหยวนตกตะลึงเล็กน้อย สายตาเป็นประกายนิดๆ ก้มหน้าก้มตากิน
เธอ......เมื่อกี้พูดว่า "ทุกวัน" เหรอ?
ส่วนมากจะพูดออกมาลวกๆ คงจะเป็นอย่างนั้น