บทที่ 11 หาบ้าน
เมื่อผอ.หลิวพูดถึง "รองผอ." สีหน้าทุกคนก็คลุมเครือ รอยยิ้มก็จางหายไป
เซวียหลิงสังเกตทันที เดาว่ามนุษยสัมพันธ์ของรองผอ.าคนนี้คงไม่ค่อยดี แอบจำไว้ในใจ
ผอ.หลิวให้เพื่อนร่วมงานฝ่ายบุคคลพาเธอไปลงทะเบียนเข้าทำงาน เซวียหลิงฉวยโอกาสไปทำงานวันนั้นเลย ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงานและการทำงานก่อน
หลังจากโต๊ะทำงานจัดอย่างเหมาะสมแล้ว หวังชิงก็เอาข้อมูลคอลัมน์ภาษาอังกฤษทั้งหมดส่งให้เธอ เพราะคอลัมน์มันใหม่มาก ทำได้แค่ไม่กี่สัปดาห์ ข้อมูลจึงไม่เยอะ ไม่นานก็ส่งครบอย่างรวดเร็ว
สำนักพิมพ์รับผิดชอบเรื่องอาหารกลางวัน เริ่มกินข้าวกันตอนสิบสองโมงตรง
ยามเฝ้าประตูและคุณป้าแม่ครัวต่างยกหม้อใบใหญ่ มอบกล่องข้าวอะลูมิเนียมสองกล่องให้ทุกคน กล่องหนึ่งใส่ข้าว อีกกล่องหนึ่งใส่ผักและเนื้อ จำนวนอาหารก็หลากหลายมาก
เซวียหลิงกินอาหารได้ไม่เยอะ จึงกินเหลือเยอะมาก
หวังชิงข้างๆ เตือนเธอด้วยความหวังดี พูดขึ้นเสียงทุ้ม "นี่เป็นสวัสดิการที่สำนักพิมพ์มอบให้ ทุกคนได้เยอะเท่ากัน ผู้หญิงกินข้าวได้น้อย ปกติกินไม่หมด หลายๆ คนก็เอาที่กินเหลือกลับไป ตอนเช้าที่คุณป้ามาเสิร์ฟน้ำร้อนค่อยเก็บกล่องข้าวกลับไป ไม่เสียเวลา"
เซวียหลิงจำเอาไว้ ยิ้มแล้วพูดขึ้น "งั้นฉันเหลือลูกชิ้นกับเนื้อตากบางส่วน กินเนื้อเยอะเกินไปจะอ้วนง่าย"
อยู่ได้กันมาสองสามวัน เธอพบว่าเฉิงเทียนหยวนประหยัดมากเกินไป สามมื้อไม่ยอมกินเนื้อเลย เคยกินข้าวกับเขาสองสามครั้ง อาหารหลักจะเป็นมังสวิรัติ
ถ้าซื้อให้เขากินตรงๆ เขาต้องไม่เอาแน่ ถ้าเป็นอาหารกลางวันที่กินเหลือ เขาประหยัดขนาดนั้นต้องกลัวเสียดาย และคงไม่ปฏิเสธ
คิดถึงตรงนี้ ในใจเธอก็แอบดีใจ
หลังจากพักเที่ยงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง งานตอนบ่ายก็เริ่ม
เซวียหลิงเรียนจบเอกภาษาอังกฤษ คุ้นเคยกับวิชาเฉพาะทางนี้ อ่านคอลัมน์หลายฉบับจบอย่างรวดเร็ว และพิมพ์สรุปหนึ่งฉบับ
เมื่อยุ่งก็จะลืมเวลาง่าย แวบเดียวก็สี่โมงครึ่งแล้ว เหล่าเพื่อนร่วมงานก็ทยอยกันเลิกงาน
หลิวซินยิ้มแล้วอธิบาย "ตอนเช้าทำงานแปดโมง ภายในสิบนาที อย่าสายเกินปกติก็ไม่มีปัญหา ตอนเที่ยงพักเที่ยงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ตอนบ่ายเลิกงานห้าโมง ถ้างานไม่เสร็จก็ต้องตามให้ทัน ต้องทำงานล่วงเวลา วางแผนด้วยตัวเอง"
เซวียหลิงพยักหน้าจำเอาไว้ และเก็บของเลิกงานตามไป
ปีที่แล้วในอำเภอเริ่มมีรถประจำทางวิ่งรอบเมือง แต่มีถนนแค่สามเส้นทาง เซวียหลิงเพิ่งมาเยือนเป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยเข้าใจ
หวังชิงเป็นคนพื้นที่ เลิกงานนั่งรถประจำทางทุกวัน ได้ยินว่าเธออยู่โรงแรมละแวกสหกรณ์ร้านค้า ก็บอกเธอว่าต้องนั่งรถประจำทางสายสาม
"สิบกว่านาทีแล้ว ทำไมรถประจำทางยังไม่มา?" เซวียหลิงพึมพำอย่างร้อนใจ
อำเภอมีขนาดไม่ใหญ่ ดูเหมือนว่าต้องซื้อจักรยานสักคัน จะได้ใช้ตอนไปทำงานและเลิกงานได้ เวลาที่รอรถประจำทางมันนานเกินไป มันเสียเวลามาก
หวังชิงยิ้มเล็กน้อยพูดขึ้น "แค่ทำตัวให้ชิน ที่นี่ไม่ใช่เมืองใหญ่เหมือนเมืองหลวง จริงสิ ต่อไปคุณต้องเช่าบ้านใช่ไหม?"
เซวียหลิงตอบ "ใช่ สำนักพิมพ์ไม่มีหอพัก ฉันตัดสินใจว่าจะหาดูแถวๆ นี้"
หวังชิงคิดสักพักแล้วพูดขึ้น "ไม่กี่วันก่อนเพื่อนฉันไปกินข้าวตรงถนนซงหมิงข้างหน้านี้ เห็นข้างๆ ร้านอาหารมีบ้านสองหลังติดป้ายให้เช่าอยู่ คุณลองไปดูได้นะ"
"ถนนซงหมิงเหรอ? ได้เลย! ขอบคุณนะ!" เซวียหลิงยิ้ม
หวังชิงยิ้มเขินอายเล็กน้อย แล้วเตือนเสียงทุ้ม "แต่บ้านนั้นใหญ่มาก น่าจะไม่ถูกนะ ถ้าใหญ่เกิน คุณก็หาคนมาแชร์ห้องได้"
ดวงตาสวยของเซวียหลิงฉายแววประกาย และซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว
เฉิงเทียนหยวนอาศัยในหอพักชั้นบนของสหกรณ์ร้านค้า ก่อนหน้านี้ได้ยินแม่สามีพูดว่า พวกผู้ชายอาศัยในห้องเดียวกัน มันแออัดมาก เรื่องสุขอนามัยก็ไม่ดีมากๆ
แต่เพราะประหยัดเงิน เขาจึงไม่อยากเช่าบ้านข้างนอก ก่อนออกมาแม่สามีเตือนเธอว่า ถ้าเธออยากไปทำงานด้วยกัน คู่รักหนุ่มสาวเช่าบ้านเล็กๆ ข้างนอกดีกว่า หนึ่งคือสามมื้อดูแลกันทั่วถึง สองคือชีวิตจะได้ดีขึ้นหน่อย
นี่อาจจะเป็นความคิดที่ดี!
ผ่านไปสักพักใหญ่ รถประจำทางก็มาในที่สุด
เซวียหลิงรีบขึ้นรถ มาถึงโรงแรมก็ประมาณห้าโมงครึ่ง
เฉิงเทียนหยวนหลังเลิกงานก็ยืมรถจักรยานเพื่อนร่วมงาน ขี่มาโรงแรมด้วยความดีใจ
เคาะประตูไม่มีใครตอบสนอง ก็หยิบกุญแจเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องเงียบสงัด
คิดว่าเธอทำงานวันแรก อาจจะมีหลายอย่างต้องปรับตัว เขาจึงรอในห้องอย่างอดทน
สิบกว่านาทีต่อมา "ตึกๆๆ ......" มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากบันไดโรงแรม
เฉิงเทียนหยวนยืนตรงหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว คิ้วหนาก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนกลางคืนเขาต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ คงไม่มีเวลาพาเธอไปหาบ้านแล้ว ช่างเถอะ ทำได้แค่ให้เธออยู่เพิ่มอีกหนึ่งวัน
ประตูเปิดดัง "ปัง!"
เซวียหลิงหายใจหอบ พอเข้ามาก็วางสองมือไว้บนเข่า ก้มตัวหายใจหอบอย่างแรง ผ่านไปสักพักใหญ่ถึงจะดีขึ้น
เฉิงเทียนหยวนหันตัวมา ในดวงตามีความสงสาร
"วิ่งเร็วขนาดนี้ทำไม? แค่แป๊บเดียว ได้งานทำแล้วเหรอ?"
เซวียหลิงพยักหน้า หายใจหอบตอบ "ใช่! วันนี้เริ่มงานเลย ราบรื่นมากด้วย"
เฉิงเทียนหยวนแอบดีใจแทนเธอ หางานที่สบายและน่าพึงพอใจได้เร็วขนาดนี้ ถือว่าไม่ง่ายเลย
"เห็นเธอเหนื่อยมาก พรุ่งนี้ค่อยไปหาบ้านดีไหม?"
"ไม่เอา! ฉันรีบกลับมาก็เพื่อไปหาบ้าน ไม่งั้นก็ไม่ต้องวิ่งเหนื่อยแบบนี้หรอก" เซวียหลิงวางกระเป๋าทำงานสีทหารลง ยิ้มนิดๆ แล้วอธิบาย "นี่แบ่งมาจากที่สำนักพิมพ์"
แต่เฉิงเทียนหยวนไม่ค่อยเห็นด้วย อธิบายว่า "ฟ้าเริ่มมืดแล้ว การหาบ้านไม่ใช่เรื่องเล็ก พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ"
เซวียหลิงคิดแล้วถามขึ้น "นายรู้จักถนนซงหมิงไหม? ได้ยินว่าที่นั่นมีบ้านให้เช่า ไม่งั้นนายไปดูกับฉันก่อนได้ไหม"
อยู่โรงแรมหนึ่งวันต้องใช้เงินหกหยวน ถ้าเช็คเอาท์ก่อนพรุ่งนี้เที่ยงหาบ้านเช่าได้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็สามารถประหยัดค่าอาหารได้สองสามวัน
เฉิงเทียนหยวนเห็นเธอยืนกราน คิดว่าตัวเองมีจักรยาน ไปที่นั่นก็ไม่ไกล จึงพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งคู่รีบลงจากตึก
เซวียหลิงเห็นจักรยานที่ไม่ค่อยเก่า จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เอามาจากไหน?"
ขายาวเขาถีบ จักรยานก็เคลื่อนที่
"ยืมเพื่อนร่วมงานมา"
เซวียหลิงยิ้มตะโกน "เฮ้! ฉันยังไม่ได้ขึ้นเลยนะ"
เฉิงเทียนหยวนเลิกคิ้ว หยุดรถแล้วหันไปถาม "เธอกระโดดขึ้นมาไม่เป็นเหรอ?"
"......ไม่เป็น" เซวียหลิงอายนิดหน่อย แล้วอธิบาย "ฉันขี่เองเป็นอย่างเดียว"
เฉิงเทียนหยวนเชิดคางขึ้น พูดว่า "รีบขึ้นมา รีบไปตอนพลบค่ำ ถ้าไม่ได้พรุ่งนี้หรือวันมะรืนค่อยไปหาใหม่"
เซวียหลิงมองเบาะหลังที่เป็นสนิม ไม่สนใจความสกปรก นั่งขึ้นไป แขนขวาคว้าโอกาสกอดเอวเฉิงเทียนหยวนเอาไว้ แล้วแนบหลังเขา
แผ่นหลังเฉิงเทียนหยวนแข็งทื่อทันที!
แบบนี้มันใกล้กันเกินไปหน่อย......
เซวียหลิงกำลังฟุบอยู่ด้านหลังเขา รู้สึกชัดเจนกับการตอบสนองอันแข็งทื่อของใครบางคน ในใจแอบหัวเราะ แต่สีหน้าแสร้งทำเป็นเร่งรีบ
"พี่หยวน! รีบหน่อย!"
ลำคอเฉิงเทียนหยวนตอบ "อืม" เรียบๆ ขายาวถีบพื้น หลังจากจักรยานคันใหญ่แกว่งสองที มันก็เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างคล่องแคล่ว
เขาขี่อย่างมั่นคงและรวดเร็วมาก หลังจากผ่านถนนมาสองเส้น ก็เลี้ยวเข้าไปยังถนนทางหลวง
"ถนนซงหมิงอยู่ข้างหน้านี้"