ตอนที่ 8 หนีไปแล้ว
สองวันต่อมาสามแม่ลูกไปลองชุดแต่งงานที่ร้านในตัวเมือง เพียงตาเลือกชุดเจ้าบ่าวให้เข้ากับชุดของตน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของร้านที่ต้องเอาชุดไปให้เจ้าบ่าวลอง เหตุเพราะไกรสรไม่ยอมออกมาข้างนอกเขาไม่อยากเจอผู้คน เพียงตาไม่ลืมที่จะเลือกชุดสวยให้กับน้องสาวด้วย
“ตัวใส่ชุดนี้ก็แล้วกัน”
“ทำไมถึงเลือกชุดให้เราสวยจัง อีกอย่างมันเป็นโทนสีเดียวกันกับชุดตัวด้วย ตัวไม่กลัวเราจะแย่งซีนเจ้าสาวเหรอ” ถามออกไปเพื่อดูเชิงพี่สาว ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในบ้านหลังนี้ไพลินก็รู้สึกได้ว่าพี่สาวของเธอไม่ได้ชอบหน้าเธอนัก เหตุใดถึงยอมเลือกชุดสวยให้เธอใส่ ถึงแม้จะดูเรียบกว่าแต่โทนสีก็เป็นโทนเดียวกันกับชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว
“แย่งซีน?” เพียงตาย่นคิ้วเรียวเข้าหากัน ศัพท์คำนี้เธอไม่เคยได้ยินแต่เธอรู้ว่ามันเป็นภาษาอังกฤษน้องของเธอไปได้ยินมาจากใคร เพียงตารู้ว่าน้องสาวไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย อีกทั้งตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาไพลินมักจะมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษแปลก ๆ มาคุยกับเธอเสมอจนหลายครั้งก็นึกแปลกใจ ว่านี่คือน้องของตนหรือไม่ ทำไมเธอดูฉลาดขึ้น พูดไทยคำอังกฤษคำบ่อยขึ้น บางครั้งก็อีสานคำไทยคำ
“อือ ก็เรากลัวว่าจะเด่นกว่าตาไง” ไพลินยิ้มแหยให้พี่สาวฝาแฝด เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างค้นคว้า ก่อนเพียงตาจะเอ่ยขึ้น
“โอ๊ย เด่นกว่าอะไรกัน เราเป็นคนเลือกให้ลินเองอย่าคิดมากสิ”
ไพลินหันไปมองหน้าแม่ พอเธอพยักหน้าให้ไพลินจึงยอมสวมดู ตอนนี้ร่างกายของไพลินเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วถึงจะผอมอยู่มาก แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่เคยนอนหมดสติมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
พาขวัญเห็นเพียงตารักใคร่เอ็นดูน้องสาวแบบนี้เธอก็หายห่วงเพราะก่อนหน้านี้เพียงตาคอยแต่จะแกล้งน้องตลอด เหตุเพราะเธอคิดว่าพ่อกับแม่รักลูกไม่เท่ากัน พาขวัญยอมรับว่าเป็นห่วงไพลินมากกว่า ด้วยที่ลูกสาวคนเล็กป่วยบ่อย เรียนจบแค่ชั้นมัธยมปลาย พ่อกับแม่จึงเป็นห่วงคนน้องมากกว่า เพียงตาเรียนจบปริญญาตรีอย่างไรก็คงหาเลี้ยงตัวเองได้ แต่สำหรับไพลินแล้วหากวันข้างหน้าพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วใครจะมาดูแล คู่ชีวิตก็คงจะหายากเพราะคนหนุ่มในหมู่บ้านนี้ และละแวกใกล้เคียงต่างรู้เรื่องของเธอดี ไพลินเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณครูทั้งสอง ย่อมเป็นที่รู้จักของผู้คนในตำบลนี้
พาขวัญได้แต่ภาวนาว่าขอให้เพียงตาเอ็นดูน้องแบบนี้ไปตลอด
ไพลินสวมชุดไทยที่พี่สาวเลือกให้แล้วเดินออกมา
“ว้าว! ลินสวยมากเลยนะเนี่ย ถ้าอ้วนกว่านี้อีกหน่อยรับรองว่าผู้ชายมองตามตาเป็นมัน” ไพลินรู้ว่าคำที่พี่สาวเปล่งออกมานั้นไม่ค่อยจริงใจเท่าไรนัก แต่เธอก็ยังยิ้มกว้างให้แม่กับพี่สาว
“หมุนตัวให้เราดูหน่อยสิ” ร่างบอบบางหมุนตามที่พี่สาวบอก แอบตื่นเต้นไม่ได้ที่ได้ลองชุดไทยเป็นครั้งแรก เธอเคยฝันว่าอยากจะใส่มันสักครั้ง
“แม่ว่าสีนี้ก็เหมาะกับลินนะ” พาขวัญยิ้มดีใจที่ลูกจะได้ใส่ชุดสวย หากเธอมีคู่ครองจริง ๆ เธอก็อยากให้เป็นจริงดั่งคำที่หมอดูเคยทำนายไว้ ไพลินจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเสียที แต่จะมีสักกี่คนที่หมอดูจะทายได้แม่นยำ คิดมาแล้วก็รู้สึกใจหายหากวันที่ไม่มีพ่อกับแม่ไพลินจะอยู่อย่างไร
เลือกชุดให้น้องเสร็จเพียงตาก็ลองชุดไทยเหมือนกัน
“คุณน้องสวยมากเลยค่ะ แทบจะไม่ต้องแก้ตรงไหนเลย” พนักงานในร้านพูดขึ้นและทุกคนก็เห็นด้วย
“อือ ตกลงตาเอาชุดนี้ค่ะ” เพียงตาหันไปบอกพนักงานในร้าน แววตาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ได้ค่ะ”
ก่อนออกจากร้านเพียงตาเดินเข้าไปจ่ายเงินค่ามัดจำชุดแล้วคุยกับพนักงานและช่างแต่งหน้าอยู่สักพักก่อนจะเดินออกมาหาแม่กับน้องสาว
คืนนั้นไพลินกลับมานอนคิดทบทวนอีกครั้ง เหตุใดวันนี้พี่สาวถึงได้เอาใจเธอเป็นพิเศษ หวังว่าจะไม่มีอะไรแอบแฝงหรอกนะ
สับ! สับ! สับ! เสียงมีดกระทบเขียงดังสนั่นมาจากห้องครัว พ่อครัวแม่ครัวกำลังวุ่นอยู่กับการสับเนื้อวัว เนื้อหมู เพื่อทำลาบก้อยให้กับคนที่มาในงานกินดอง ข้างกายมีทั้งน้ำอัดลมและน้ำแข็งเตรียมพร้อม ที่ขาดไม่ได้เห็นจะเป็นน้ำสีขาวสี่สิบดีกรี และแจ่วขมเพราะใส่ขี้เพี้ยวัว (กากอาหารที่อยู่ในลำไส้ของสัตว์เคี้ยวเอื้อง) เพื่อกินคู่กับซอยจุ๊ อาหารมีทั้งต้มผัดแกงทอดหลากหลายรายการ คนที่มาช่วยงานบ้างล้างผักและหั่นผักไว้รอ บ้างนึ่งข้าวเหนียวหลายหวดอยู่เต็นท์ตรงลานข้างบ้าน ทั้งที่ฝ่ายเจ้าบ่าวไม่อยากให้จัดงานใหญ่โตแต่ทางเจ้าสาวก็อดไม่ได้ที่อยากจะให้ลูกสาวของตนมีหน้ามีตา เสียเท่าไหร่ไม่ว่าขอแค่ให้งานของลูกออกมาดีก็พอ เรื่องกำไรขาดทุนไม่ต้องไปคิด เพราะส่วนมากจะเข้าเนื้อตัวเองตลอด
ช่างแต่งหน้าทำผมเดินทางมาที่บ้านของเจ้าสาวตั้งแต่ตีสี่ ไพลินตื่นขึ้นมาช่วยงานครอบครัวตั้งแต่เช้ามืดทั้งที่เธอเพิ่งจะงีบหลับไปไม่ถึงสองชั่วโมง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะงานแต่งงานทางอีสานนั้นเธอพอจะรู้ว่าเจ้าภาพจะยุ่งมากแค่ไหน บางครั้งไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ วันนี้ทุกคนในบ้านต่างทำหน้าที่กันวุ่นวายไปหมด
ลมพัดโชยมาเอื่อย ๆ อากาศวันนี้ค่อนข้างหนาวเย็น
ไพลินสวมเสื้อกันหนาวตัวหนาสีครีมเดินออกมาต้อนรับช่างแต่งหน้าที่เป็นหญิงแท้หนึ่งและร่างเป็นชายใจเป็นหญิงอีกหนึ่ง
“เชิญทางนี้เลยค่ะ” ช่างแต่งหน้าและผู้ช่วยเดินถือชุดเจ้าสาว และกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ตามหลังไพลินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
ไพลินอดแปลกใจไม่ได้ เหตุใดพี่สาวของเธอถึงยังไม่ลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวสักที มือเล็กเคาะประตูหน้าห้องอยู่สักพัก พอไม่มีใครมาเปิดประตูไพลินจึงเปิดเข้าไปอย่างถือวิสาสะ เพียงตาอาจจะนอนขี้เซาเพราะคงเหนื่อยจากการเตรียมงานก็เป็นได้
ร่างบอบบางก้าวเท้าพ้นประตูเข้ามาในห้องก็ต้องตกใจเมื่อพบแค่ความว่างเปล่า ผ้าปูที่นอนยังคงเรียบตึงราวกับว่าพี่สาวของเธอยังไม่ได้นอน สายตาเหลือบมองไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กวางอยู่บนเตียงนอนมีปากกาด้ามหนึ่งวางทับอยู่ ไพลินไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปหยิบมาอ่านทันที เธอรู้สึกหน้าชาวาบเมื่อเห็นข้อความในกระดาษ
ทำไมพี่สาวเธอถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้ เธอทำราวกับว่าการแต่งงานคือการเล่นขายของอย่างไรอย่างนั้น ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมวันที่ไปลองชุดเจ้าสาวเพียงตาถึงได้ใจดีกับเธอนัก