ตอนที่ 9 ลำบากใจ
“มีอะไรเหรอคะ” เสียงแหบห้าวของหัวหน้าช่างแต่งหน้าที่มีร่างเป็นชายใจเป็นหญิงเอ่ยถาม
ไพลินยังไม่ได้ตอบคำถามประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
“แม่คะ ตาหนีไปแล้วค่ะ” ไพลินบอกแม่หน้าตาตื่นพร้อมกับยื่นกระดาษในมือให้
“ฮะ! หนีไปไหน” พาขวัญพูดด้วยน้ำเสียงตกใจแล้วหยิบกระดาษจากมือลูกมาอ่าน
‘แม่คะ พ่อคะ ตาต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ ที่ตาต้องเลือกทำแบบนี้ พ่อกับแม่อย่าบังคับตาเลยค่ะ ตาไม่อาจแต่งงานกับคนที่ตาไม่ได้รัก งานแต่งงานครั้งนี้ตายกให้เป็นหน้าที่ของลินก็แล้วกันค่ะ ที่จริงลินคือพี่สาวของตาต่างหากล่ะคะเพราะยังไงลินก็เกิดก่อนตา เขาทั้งสองคนเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก เจ้าบ่าวตาบอดกับเจ้าสาวความจำเสื่อม ส่วนตาขอไปสานฝันตัวเองก่อนนะคะ อนาคตของตายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ตาไม่มีวันเอาชีวิตไปทิ้งไว้กับคนตาบอดหรอกค่ะ พ่อกับแม่ไม่ต้องตามหาตานะคะ กว่าพ่อกับแม่จะเห็นจดหมายฉบับนี้ตาคงเกือบจะถึงกรุงเทพฯแล้ว เงินค่าสินสอดสองหมื่นตาขอยืมไปตั้งตัวก่อนนะคะ ถ้าตาได้งานทำแล้วตาจะคืนให้ค่ะ’
รักพ่อกับแม่นะคะ
ตา
ตามความเชื่อลูกฝาแฝดคนที่คลอดทีหลังจะเป็นแฝดพี่เพราะพี่จะเสียสละให้น้องคลอดก่อน แต่เพียงตาไม่คิดแบบนั้นเธอคลอดทีหลังเธอก็ต้องเป็นน้อง
เมื่ออ่านข้อความในกระดาษจบพาขวัญก็แทบลมจับ ร่างเธอเซไปสองสามก้าว เนื้อตัวสั่นเทาเหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้อง
“แม่!” ไพลินถลาเข้าไปประคองแม่ไว้ทัน แล้วพาแม่ไปนั่งที่เตียงนอน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณแม่” หัวหน้าช่างแต่งหน้าถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เห็นแม่เจ้าสาวใบหน้าเผือดสีก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย
“ยายตาหนีเข้ากรุงเทพฯแล้วค่ะ” พาขวัญเอ่ยขึ้นเสียงเบา เธอกำลังช็อกไม่คิดว่าเพียงตาจะทำได้ลงคอ ไม่คิดว่าตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาลูกสาวได้วางแผนไว้หมดทุกอย่างแล้ว ไม่แปลกใจว่าทำไมลูกตอบตกลงแต่งงานง่ายดายนัก
พาขวัญรู้มาตลอดว่าลูกสาวเลือกเรียนสาขาวิชาการจัดการโรงแรมเพราะอยากทำงานเอกชน และอยากแต่งตัวสวย ๆ ไม่อยากรับราชการครูเหมือนพ่อกับแม่เพราะได้เงินเดือนน้อย แต่พ่อกับแม่ก็ยังวางแผนเลือกคู่ชีวิตที่รวยกว่าให้เธอแต่เขาตาบอด อีกอย่างเพียงตาไม่อยากลำบากเป็นชาวไร่ชาวสวนเหมือนครอบครัวคู่หมั้น เธอจึงตัดสินใจทำแบบนี้ การเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองหลวงคือความใฝ่ฝันของเพียงตามานานแล้ว
“ตายจริง! แล้วอย่างนี้คุณแม่จะทำอย่างไรต่อคะ เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์เอานะคะ” ช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวเทียมพูดขึ้น
“แม่ขอเวลาแป๊บนึงนะคะ แม่ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ลินไปตามพ่อมาให้แม่ที” พาขวัญบอกลูกเสียงสั่นเครือ หัวใจยังเต้นกระหน่ำไม่ยอมหยุด
“ค่ะ”
ไม่ถึงห้านาทีนพพลก็เดินเร็วกระหืดกระหอบขึ้นมาบนห้องเพียงตา
“พ่อคะ ยายตาหนีเข้ากรุงเทพฯไปแล้วค่ะ”
“หือ! เป็นไปได้ยังไง” พาขวัญยื่นจดหมายในมือให้สามีดู
“พ่อก็ลองอ่านดูสิคะ แล้วบอกแม่ทีว่าเราควรทำอย่างไรต่อ” นพพลไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่ลูกสาวเขียนร่ายไว้บนแผ่นกระดาษ เขาอึ้งอยู่สักพักแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรงมาก จะยกเลิกงานแต่งตอนนี้ก็ไม่ทัน อีกไม่ถึงสองชั่วโมงแขกก็จะมาร่วมงานแล้ว เพราะช่วงนี้บางครอบครัวยังเกี่ยวข้าวไม่เสร็จมากินดองตอนเช้าตรู่แล้วก็ห่อกลับบ้านไม่ได้นั่งรับประทานอาหารที่บ้านงาน อีกทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวก็คงเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วเช่นกัน
ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างลุ้นกับคำตอบของนพพล
หลายนาทีกว่าเขาจะเปิดปากพูดออกมา
“ตอนนี้มีทางเดียวเท่านั้น” เขาหันไปสบตากับภรรยาแวบหนึ่ง แล้วเบนสายตาไปที่ลูกสาวคนเล็ก
“ลิน!” พ่อกับแม่พูดขึ้นพร้อมกัน ไม่มีอะไรดีเท่ากับการทำตามที่เพียงตาบอกไว้แล้ว
“มะ ไม่นะคะพ่อ” เห็นสายตาของพ่อกับแม่แล้วไพลินก็เสียวสันหลังวาบ ท่านทั้งสองกำลังสื่อออกมาว่าเธอคือ ‘ความหวังของหมู่บ้าน’
“ลินช่วยพ่อสักครั้งเถอะนะลูก ขอให้ผ่านวันนี้ไปก่อน ที่เหลือเราค่อยว่ากัน” นพพลสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่อ “ลินว่าดีไหม” หรี่ตามองลูกเพื่อรอคำตอบ
“ช่วยพ่อกับแม่สักครั้งเถอะนะลิน” พาขวัญช่วยกล่อมลูกอีกเสียง เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไรถ้าไม่ใช้วิธีนี้ ธนาเป็นคนมีฐานะคนหนึ่ง เป็นเสี่ยไร่อ้อยไร่มันสำปะหลังที่มีคนรู้จักอย่างกว้างขวาง เขาคงไม่ยอมหากต้องล้มเลิกงานแต่งงานในครั้งนี้
“แล้วทางฝั่งโน้นเขาจะยอมเหรอคะ” ไพลินรู้สึกหวั่นใจหากไกรสรรู้เข้าเขาจะมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร จริงอยู่เขาตาบอดแต่ก็ควรบอกเรื่องนี้กับเขา
“พ่อจะอธิบายกับเพื่อนพ่อเอง”
“แต่ลินเพิ่งจะยี่สิบสองเองนะคะ” ไพลินมีสีหน้ายุ่งยากใจ อยากจะบ้าตายอายุเพิ่งจะยี่สิบสองจะให้แต่งงานแล้ว อยากแต่งตอนอายุยี่สิบเจ็ดไม่ได้หรือไง
“ยี่สิบสองก็ออกเรือนได้แล้ว วัยกำลังพอดีเลย นะลินนะ ช่วยพ่อกับแม่หน่อยนะลูก แต่งแล้วถ้าลินอยู่กับพ่อไกรไม่ได้ ก็ค่อยกลับมาอยู่บ้านเรา” ผู้เป็นแม่ส่งสายตาอ้อนวอน
เฮ้อ! ไพลินถอนหายใจในใจ แม่ของเธอก็พูดง่ายเกินไป การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิง ไม่มีใครอยากแต่งงานหลายครั้งหรอก ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ อุตส่าห์อธิษฐานไว้ว่าอยากจะได้สามีหล่อรวย ได้อยู่กับคนที่เธอรักและเขาก็รักเธอ ตอนนี้มันคงเป็นได้แค่ความฝัน ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาแต่งงานแบบคลุมถุงชน พ่อนะพ่อ ไปสัญญิงสัญญาอะไรแบบนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้ลูก ๆ ลำบากใจ และมันเป็นการทำร้ายลูกทางอ้อมด้วย
ที่แย่ไปกว่านั้นคือเธอเพิ่งรู้ว่าเจ้าบ่าวตาบอดก็ตอนที่ได้อ่านจดหมายพี่สาวนี่เอง อีกอย่างคนในหมู่บ้านก็พากันนินทาว่าเธอความจำเสื่อม แน่นอนว่าครอบครัวฝ่ายชายก็ต้องรู้เรื่องนี้ แบบนี้จะไม่โดนเจ้าบ่าวฆ่าหั่นศพหรืออย่างไร
ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยรู้จักนิสัยใจคอกันมาก่อน