ตอนที่ 7 ข่าวดี
นี่เธอต้องยอมรับสภาพตัวเองใช่ไหม ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอไม่ได้ตายแต่การที่ต้องมาอยู่ในร่างนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น เปลือกตากะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา เทวดานางฟ้าโกรธแค้นอะไรเธอถึงได้ขีดชะตาให้เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ ชาติที่แล้วสวยแต่ไม่มีคู่ ย้อนกลับมาอดีตดูแล้วก็คงไม่ต่างกัน
เธอเก่งอยู่แล้วนะลลิลจะมาร้องไห้ทำไม ก็แค่เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เปลี่ยนร่างใหม่เอง อยู่ที่ไหนก็คงเหมือนกัน เธอต้องเข้มแข็งและเดินหน้าต่อแค่นั้น ในเมื่อเธอจำอดีตของร่างนี้ไม่ได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร สิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด เพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
มือเล็กหยิบซองยาที่หมอให้มาขึ้นมาดูชื่อและนามสกุลของตัวเอง
อ้อ เธอชื่อไพลิน น.หนูสะกดไม่ใช่ ล. ลิง
“เฮ้อ! จะเกิดกี่ชาติก็จะไม่ให้ใช้ชื่ออื่นเลยหรือไง” ไพลินพึมพำกับตัวเอง ไม่นานร่างผอมบางก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ช่วงบ่ายวันต่อมาภายในบ้านปูนชั้นเดียวสีฟ้าน้ำทะเลหลังใหญ่
“พาพูดจริงเหรอ” ขจีพรถามพาขวัญด้วยท่าทางตื่นเต้นหันหน้าไปทางสามีแล้วยิ้มให้กัน เธอดีใจที่ลูกชายของเธอจะได้มีคนมาดูแลสักที อีกอย่างเพียงตาเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและการศึกษา เธอเชื่อว่าว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้จะช่วยทำให้กิจการงานของครอบครัวเธอเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างแน่นอน
“จริงสิคะ ตาเพิ่งบอกเมื่อวานฉันก็รีบมาบอกพี่พรกับพี่ธนานี่แหละจ้ะ” พาขวัญพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ขอบใจพามากนะ” ธนากล่าว รู้สึกยินดีที่การแต่งงานครั้งนี้จะไม่ต้องบังคับใคร ลูกชายของเขาก็คงดีใจมาก
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะ จะรีบกลับไปดูยายลินน่ะค่ะ”
“จ้ะ ตามสบายเถอะ”
ว่าจบพาขวัญก็เดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซด์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฉันหนักใจกับพ่อไกรนี่สิ จะทำยังไงให้เขายอมตัดผม โกนหนวดได้” ขจีพรมีสีหน้าเป็นกังวลกับลูกชายของตนที่ไว้หนวดเครารุงรังและยังไว้ผมยาวจนถึงบั้นเอว เธอกลัวจริง ๆ กลัวว่าเพียงตาจะรับสภาพลูกชายของตนไม่ได้ เพราะเกือบสิบปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้เจอกัน เหตุเพราะอยู่กันคนละหมู่บ้าน และครอบครัวเธอก็ค่อนข้างทำงานหนัก ทางฝั่งเพียงตาเองก็ไปเรียนมหาวิทยาที่ต่างจังหวัด เวลาเจอกันจึงน้อยลง ช่วงมีงานบุญในหมู่บ้านพ่อกับแม่ถึงได้เจอกันที
“ถ้าบังคับไม่ได้ก็คงต้องปล่อยตามนั้น” ธนาพูดเสียงเนือย ๆ เขาแค่อยากให้ลูกชายคนโตเป็นฝั่งเป็นฝาก็เท่านั้น เพราะในบรรดาลูกทั้งสี่คนก็เหลือเพียงไกรสรเท่านั้นที่ยังไม่ได้ออกเรือน
“กลัวยายตาจะอยู่กับลูกเราไม่ได้นานน่ะสิคะ” ทุกคนรู้ว่าไกรสรกลายเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครตั้งแต่เขาตาบอด เขาตาบอดตอนเรียนอยู่มอหนึ่งจากนั้นไกรสรก็ทนฝืนเรียนจนจบมอสามที่โรงเรียนสอนคนตาบอดตามที่ผู้เป็นแม่ขอร้อง ถึงกระนั้นไกรสรก็เป็นคนทำงานเก่ง งานในไร่หลายอย่างเขาก็สามารถช่วยครอบครัวได้ ถึงเขาจะตาบอดแต่ประสาทสัมผัสอย่างอื่นเขาดีมาก แต่งานเอกสารและการขับรถเขาทำไม่ได้ ธนากับขจีพรจึงอยากได้ลูกสะใภ้ที่มีความสามารถมาช่วยงานในส่วนนี้ นึกขอบคุณเพียงตาที่เอ็นดูลูกชายของพวกเขา
หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ร่างสูงใหญ่เดินเข้าห้องเหมือนเช่นทุกวัน เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสามครั้งประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา
จากจังหวะการเคาะไกรสรรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“แม่มีอะไรเหรอครับ” ไกรสรเอ่ยถาม ละมือจากการวาดภาพที่เป็นงานถนัดของเขาแล้วหันมาคุยกับแม่ ไกรสรเป็นคนวาดภาพเก่งตั้งแต่เด็กมันเป็นเหมือนพรสวรรค์ที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด หลังจากที่เขาตาบอดเขาก็ยังคงวาดภาพเป็นงานอดิเรก ถึงจะไม่ได้นำภาพเหล่านั้นไปขายแต่ก็ถือว่าเป็นความสุขที่เขาได้ทำ
“แม่มีข่าวดีจะบอก” ก่อนหน้าเธอไม่กล้าบอกลูกว่าเพียงตาอิดออดมาตลอด ถึงจะหาฤกษ์ไว้แล้วก็ตามที ขจีพรเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แม่หาฤกษ์แต่งงานให้ไกรกับตาได้แล้วนะ” สิ้นคำของมารดาเจ้าของใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี “ไกรโกนหนวดตัดผมได้ไหมลูก ไหน ๆ ก็จะต้องเข้าพิธีแต่งงานแล้ว” เรื่องนี้ขจีพรไม่เคยขอร้องลูกเลยสักครั้ง เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าไกรสรหวงหนวดเคราและผมยาวมากแค่ไหน ถึงงานนี้จะจัดแบบเรียบง่ายตามคำขอของลูกชาย แต่เขาก็ควรจะดูดีที่สุดในวันแต่งงาน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ใช้กรรไกรตัดเล็มไม่ให้ยาวมากก็พอ ส่วนผมให้ช่างแต่งหน้ารวบให้เรียบร้อยก็พอครับ” เขาหวงสองสิ่งนี้มาก ถ้าจะให้เขาตัดผมโกนหนวดจนเกลี้ยงเกลาเขาคงทำใจไม่ได้
ขจีพรลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เป็นแบบนี้แล้วเจ้าสาวจะไม่ตกใจหรืออย่างไร ลูกคนนี้บังคับไม่ได้ด้วยสิ เหตุที่เขายอมแต่งงานกับเพียงตาก็เพราะลูกชายแอบมีใจให้ฝ่ายนั้นอยู่บ้าง เพราะก่อนที่ไกรสรจะตาบอดเขาก็สนิทสนมกับสองแฝดพี่น้องอยู่แล้ว
ก่อนเขาจะตาบอดเขายังพอจำหน้าตาน่ารักของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ดวงตากลมโต แก้มป่อง ผิวขาว ส่วนไพลินตอนนั้นเขาจำได้แค่ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ผอมและตัวเล็กมากทั้งที่เป็นฝาแฝดกันแต่รูปร่างเธอแคระแกร็นต่างจากเพียงตาอย่างสิ้นเชิง
“วันมะรืนช่างแต่งหน้าจะเอาชุดเจ้าบ่าวมาให้ลูกลองสวมดู” ผู้เป็นแม่พูดออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ หากเขายอมทำตามที่เธอบอกสักนิด เขาก็จะหล่อเหลาขึ้นอีกมาก แต่นี่…อย่าให้พูดเลยดีกว่า
“ครับ”
เสียงประตูห้องปิดลงแล้ว มุมปากหยักสวยยกยิ้มขึ้นจาง ๆ อีกครั้ง ถึงเขาจะตาบอดอย่างน้อยเพียงตาก็ไม่เคยรังเกียจเขา ไกรสรคิดอย่างนั้นแล้วแอบหวังว่าเพียงตาจะรู้สึกดีกับตนเช่นกัน
ไกรสรกลับไปสนใจภาพวาดของตัวเองอีกครั้ง ภาพที่เขากำลังวาดอยู่นั้นคือภาพที่เขาจินตนาการถึงใบหน้าของคู่หมั้น เขาใช้เวลาเกือบปีตอนนี้เขาวาดได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว งานที่เขาทำทุกชิ้นล้วนเป็นงานละเอียด เพราะเขาต้องให้เวลานานในการจดจำรายละเอียด