ตอนที่ 2 คำอธิษฐาน
สิบโมงของวันใหม่ลลิลขับรถมาหายายพร้อมกับของฝากที่ซื้อมาจากกรุงเทพฯ ก้าวขาลงจากรถแล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน ก่อนมาเธอไม่ได้โทร.บอกใครเพราะอยากมาเซอร์ไพรส์ ลลิลกวาดสายตามองไปโดยรอบ นึกขึ้นได้ว่าบ้านป้ามีสวนหลังบ้านและยายของเธอชอบไปขลุกอยู่ในสวนเป็นเวลานานลลิลจึงตัดสินใจเดินไปตามยายที่หลังบ้าน
พอก้าวขาออกไปแค่ก้าวแรกตาข้างขวาก็กระตุกแรงสามครั้ง
ลลิลยกมือขวาขึ้นตีตาข้างที่มันกระตุกเบา ๆ สามที
“จะกระตุกอะไรนักหนาเนี่ย” ลลิลบ่นพึมพำเพราะถึงแม้เธอจะใช้มือตีตาข้างขวาแล้วแต่มันก็ยังกระตุกอีกหลายที ตัวเธอเองเป็นคนมีเซ้นส์แรงและเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ตากระตุกข้างขวาก็เหมือนเป็นลางบอกเหตุไม่ดีบางอย่าง
แต่ก็ช่างเถอะมันคงไม่มีอะไร ลลิลได้แต่ปลอบตัวเองอยู่ในใจ
หลังบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้และผักหลายชนิดเพราะยายเป็นคนชอบปลูกทุกสิ่งอย่างที่กินได้ เช่น ขนุน มะม่วงทั้งเปรี้ยวทั้งมัน นอกจากนั้นยังมี ข่า มะรุม ผักหนาม ไผ่ ผักติ้ว และอีกหลายอย่างจนมันดูเกือบจะรก ดีที่ยายยังมีลูกเขยคอยตัดแต่งกิ่งและดายหญ้าให้อยู่เป็นนิจ
ลลิลหยุดเดินแล้วไล่สายตามองไปโดยรอบ
“ยายจันทร์จ๋า” ลลิลตะโกนเรียกยายเสียงดัง ยายอาจจะอยู่ข้างกอไผ่สักกอ เธอร้องเรียกอีกครั้งเมื่อไม่มีใครขานรับ “ยายจ๋า”
ลลิลยืนอยู่เกือบสองนาทีเมื่อไม่มีเสียงตอบรับเธอจึงคิดที่จะกลับไปบ้านก่อนตอนเย็นค่อยมาใหม่ เท้าขวาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่ทันระวังขาจึงสะดุดเข้ากับบ่อน้ำที่ใช้ท่อปูนเรียงซ้อนกันขึ้นมาสูงแค่หน้าแข้ง รอบ ๆ มีผักหนามขึ้นเต็มขอบบ่อเพราะผักหนามชอบความชื้นยายจึงปลูกไว้ใกล้น้ำ
“ว้าย!” ลลิลกรีดร้องขึ้นสุดเสียงด้วยความตกใจเมื่อร่างเธอหงายท้องล้มทับไม้กระดานอันผุพังที่วางปิดปากบ่อไว้สองแผ่น
ตู้ม!
ร่างของคนตัวเล็กตกลงไปในบ่อน้ำอย่างรวดเร็วทั้งกลัวทั้งตกใจลลิลพยายามตะเกียกตะกายอยู่ครู่ใหญ่ แต่น้ำในบ่อนั้นลึกมากจนทำให้เธอหมดแรงเพราะไม่มีที่ยึดเกาะ ไม้กระดานที่หักลงไปด้วยก็ไม่สามารถรับน้ำหนักของเธอได้ ร่างของเธอค่อย ๆ จมดิ่งลงไป จิตสุดท้ายของเธอภาวนาแค่ว่าขอให้มีคนพบศพเธอโดยเร็ววัน และสิ่งที่เธออ้อนวอนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องคู่ครองเธอก็ยังยืนยันคำเดิม
หากชาติหน้ามีจริงขอให้เธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ขอให้เธอมีโอกาสได้รักกับใครสักคนและเขาก็รักเธอด้วย
ไม่นานจิตของเธอก็สงบลงพร้อมกับร่างที่จมอยู่ก้นบ่อ
ภายในบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ สามพ่อแม่ลูกกำลังถกเถียงกันถึงเรื่องงานแต่งงานที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ที่จะมาถึงนี้ เพราะเพียงตาเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนฝ่ายชายยื่นคำขาดมาแล้ว ฤกษ์งามยามดีตามวันเดือนปีเกิดของทั้งคู่ที่หาไว้ในปีนี้ก็ไม่มีอีกแล้วหากว่าเธอจะเลื่อนออกไปอีกฝ่ายชายก็คงไม่ยอม
“ตาไม่แต่งนะคะแม่” เพียงตาลูกสาวคนโตทำเสียงกระเง้ากระงอดหันไปทำสายตาอ้อนวอนใส่ผู้เป็นแม่ เหมือนกำลังบอกกลาย ๆ ว่าอยากให้แม่ช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อให้ที
“ไม่แต่งไม่ได้นะลูก ทุกอย่างจัดเตรียมไว้หมดแล้ว แขกเหรื่อเราก็เชิญหมดแล้ว อีกอย่างเงินค่าสินสอดเขาก็จ่ายเรามาครึ่งนึงแล้ว” พาขวัญชี้แจงลูกสาวอย่างใจเย็น เงินที่ฝ่ายชายจ่ายมาแล้วห้าหมื่นบาทเธอก็ใช้เพื่อเตรียมงานแต่งงานไปบ้างแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงสองหมื่นห้าพันบาทเท่านั้น ลำพังเงินเดือนข้าราชการครูของเธอกับสามีคงเก็บไม่ได้เร็วขนาดนั้น
ได้ยินดังนั้นเพียงตาก็เม้มปากเข้าหากันแน่น