ตอนที่ 1 กลับบ้านเกิด
รถกระบะสี่ประตูถูกขับเคลื่อนไปบนถนนมิตรภาพมุ่งหน้าสู่ภาคอีสานด้วยความเร็วไม่เกินหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ทุก ๆ ปีหลังจบเทศกาลปีใหม่ลลิลจะต้องกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของตัวเอง หรืออย่างน้อยก็ปีละครั้ง เธอจอดรถพักสามสี่ครั้งกว่าจะเดินทางถึงบ้านที่มีระยะทางห่างจากเมืองหลวงมากกว่าห้าร้อยกิโลเมตร
ลลิลเลือกกลับบ้านในช่วงวันปกติเพราะถ้าเป็นช่วงเทศกาลรถจะติดมาก บางครั้งขับรถนานเป็นวันก็ยังไม่ถึงบ้านเหยียบเบรกเหยียบคลัทช์จนขาแข็งไปหมด และก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบรถเกียร์กระปุกทั้งที่เป็นคนตัวเล็กและเหมาะกับรถคันเล็กเกียร์ออโต้มากกว่า ด้วยความที่เธอต้องเดินทางเพียงลำพังทุกครั้งตั้งแต่เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ และเลือกที่จะทำงานต่อที่นั่นเธอก็เดินทางคนเดียวมาตลอด ถึงการเป็นโสดจะทำให้ลลิลมีความสุขดี แต่บางครั้งก็อดน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟนสักทีทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร
หลายครั้งได้แต่ภาวนาในใจว่าหากชาตินี้เธอมีคู่ก็ขอให้ได้คู่ที่มีศีลเสมอกัน ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใจดีก็ขอคนรวย ๆ หน่อยเถอะ เธอจะได้ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนถวายชีวิตให้กับบริษัทเอกชนเหมือนทุกวันนี้ ความหล่อก็ขอคนที่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนฮยอนบิน ดวงตาและคิ้วเข้มเหมือนหวังอี้ป๋อ จมูกและปากเหมือนลีมินโฮ ผิวสวยเหมือนยองแจ แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว ไม่รู้ว่าเทวดาและนางฟ้าจะได้ยินคำขอของเธอบ้างหรือไม่ อีกไม่กี่วันเธอก็จะอายุครบสามสิบปีแล้ว ยิ่งอายุมากขึ้นเธอก็จะหาแฟนยากมากขึ้นเท่านั้น หรือเป็นเพราะเธอเลือกมากเอง
ขับรถไปเปิดเพลงคลอไปและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เกือบหกโมงเย็นรถกระบะสี่ประตูคันสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ทรงโมเดิร์น ภายนอกถูกฉาบด้วยสีเงินและสีเทาไว้อย่างเรียบง่าย มองแล้วรู้สึกเย็นสบายตา ลลิลรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน คิดไว้ในใจว่าอีกสิบปีถ้าเธอเก็บเงินได้สักก้อนแล้วจะกลับมาทำเกษตรที่บ้านกับน้องชายและน้องสะใภ้ แต่เธอไม่เคยได้ลงมือทำสักครั้งหรอกนะ แค่คิดว่าอยากทำเท่านั้น
ลลิลปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหยิบของฝากที่ซื้อมาจากกรุงเทพฯเพื่อนำมาให้หลานทั้งสองที่เกิดจากน้องชายของเธอ
พอเปิดประตูรถก้าวขาออกมาร่างกายก็ปะทะเข้ากับลมหนาว พอถึงฤดูหนาวอีสานมักจะหนาวและอากาศแห้งกว่าภาคอื่น ๆ
“ป้าลิลมาแล้ว” หลานชายคนโตพูดขึ้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าผู้เป็นป้า
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ” ลลิลพนมมือไหว้พ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอเธออยู่กับหลานทั้งสอง
“ป้าลิลมีขนมมาฝากลูกตาลไหมคะ” หลานสาวคนเล็กถามขึ้นดวงตาทอประกายพราวระยับคล้ายกับมีความหวัง
“มีสิจ๊ะ นี่ไง” ลลิลยกขนมในมือขึ้นโชว์หลานทั้งสองแล้ววางไว้บนโต๊ะใต้โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังบ้าน
“กินข้าวก่อนค่อยกินขนมนะเด็ก ๆ” เสียงย่าบอกกับหลานทั้งสอง คนโตอายุสิบขวบส่วนคนเล็กอายุแปดขวบ
“ครับ/ค่ะ” ลูกตาลกับนนทพัทธ์รับคำอย่างว่าง่าย เพราะทั้งสองเคยกินขนมแล้วไม่ได้กินข้าวจนทำให้ปวดท้องพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะกินมันอีก
“แล้วพลกับหน่อยยังไม่กลับจากนาเหรอคะ” ลลิลถามหาน้องชายและน้องสะใภ้ที่ออกไปนาเพื่อปลูกมันสำปะหลัง
“ใกล้มาถึงแล้วแหละแม่เพิ่งโทร. ไปตามเมื่อกี้”
“งั้นลิลขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ลลิลเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่แล้วก็เดินเข้าห้องตัวเองที่แม่ทำความสะอาดไว้ให้เป็นอย่างดี มุมปากคลี่ยิ้มออกมาด้วยแววตาอ่อนโยน เธอคิดถึงเตียงนอนในห้องนี้เหลือเกิน คิดแล้วก็อยากกลับมาอยู่บ้านในเร็ววัน ทุกวันนี้ทำงานวันหยุดเหมือนไม่ได้หยุด ต้องคอยรับโทรศัพท์ลูกน้องราวกับว่าเป็นเจ้าของบริษัทเสียเอง จะทำอย่างไรได้ถ้ายังทำงานอยู่ตรงนั้นก็ต้องมีความรับผิดชอบ
มื้อค่ำวันนั้นทุกคนในครอบครัวรับประทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข พรุ่งนี้ลลิลคิดไว้ว่าจะไปเยี่ยมยายที่อาศัยอยู่กับป้าผู้เป็นพี่สาวของแม่