บท
ตั้งค่า

10. ต้องได้ปะทะทุกครั้ง

จินผิงแสร้งเดินมาที่สวน นั่งหันหน้าไปที่ปากทางเข้าซอย และมันก็เป็นอย่างที่เธอคิด มีคนคอยตามมาจริง ๆ มันหลบอยู่ที่มุมตึกตั้งแต่เธอเดินเลี่ยงมาแล้ว ไม่ยอมขยับไปไหนเลย

“จะสลัดยังไงดีนะ” พึมพำกับตัวเองแต่ก็ยังหาวิธีไม่ได้

“นี่เธอ หายดีแล้วเหรอถึงมานั่งอยู่ตรงนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เธอต้องหันไปยังที่มา คิ้วสวยผูกกันเป็นปม มองคนที่พูดกับเธอ จากนั้นก็หันไปมองคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง

หน้าตาที่ดูโดดเด่นนี้เห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้ตลอดชีวิต เขายังคงนิ่งเหมือนเดิม มองเธอเหมือนตัวเชื้อโรค หน้านิ่งเหมือนหุ่น

“ค่ะ ดีขึ้นแล้ว” ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยังคงหลบอยู่ตรงมุมตึก มันยังไม่ขยับไปไหนเลย

“นี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมไม่กลับบ้าน” เจียหยางยังคงถาม ผู้คนเริ่มบางตาแล้วผู้หญิงนั่งอยู่แบบนี้ต้องอันตรายแน่

“กำลังจะกลับ เอ่อ…นี่คุณพอจะรู้ไหมว่าซอยถัดไปมันเชื่อมต่อกับซอยสิบสี่หรือเปล่า” ได้โอกาสก็ถามเสียเลย เธอกำลังคิดว่าจะเดินลัดเลาะหาทางหลบแล้วค่อยกลับเข้าซอย

“เธอพักซอยนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วจะเดินอ้อมทำไม หรือว่าหายดีแล้วออกมาหาลูกค้า” ดูเขาพูดเข้า

“ใครเขาขอความคิดเห็นจากคนแบบคุณกัน นั่งนิ่ง ๆ เก๊กหน้าหล่อของคุณไปเถอะ ถ้าจะพูดประโยคดีดีเหมือนคนอื่นเขาไม่ได้ ฉันก็แค่อยากสลัดคนที่ตามมาเท่านั้น” มีหรือจินผิงจะยอมให้อีกฝ่ายมาดูถูก ไม่มุดเข้าไปชกหน้าก็บุญเท่าไหร่แล้ว

“ใคร! คนไหน” โจเยว่ร้องถามเสียงตื่น ทำคนอยู่นอกรถถึงกับเป็นงง มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรของคุณ นี่มันปัญหาของฉันมาเกี่ยวอะไรด้วย” พูดจบก็เดินตรงไปยังซอยข้างหน้า คิดว่าจะหาที่หลบแล้วค่อยย้อนกลับมาอีกที มันน่าจะไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

“เอาไงดีครับคุณชาย” เจียหยางหันมาถาม

“ช่างเถอะ อวดเก่งดีนักปล่อยให้โดนซะบ้าง” พูดเหมือนไม่ใยดี แต่พอเห็นชายร่างสูงเดินกึ่งวิ่งออกมาจากมุมตึกก็ต้องหันมองตามคนทั้งคู่ ท่าทางของพวกมันดูไม่เหมือนคนทั่วไปเลย

“แกโทรตามคนของเรามาสักห้าคนสิบอกไปเจอกันที่ซอยสิบห้า” โจเยว่รีบสั่ง คนสนิทยกมือถือที่มีน้ำหนักถึงหนึ่งกิโลขึ้นมากดปุ่มรอไม่นานอีกฝั่งก็รับสาย ด้านเจ้านายนั้นลงจากรถเดินเข้าซอยที่บอกไปแล้ว ไม่นานเจียหยางก็ตามมา

“เรียบร้อยแล้วครับ” รายงานคนที่ยืนทำท่าดูหนังสือพิมพ์ แต่ตานั้นเหลือบมองชายฉกรรจ์สองคนที่เดินวนไปมาชะโงกหน้าดูตามบ้านเรือนเกือบทุกหลัง และมันก็เข้าซอยไปเรื่อย แต่ดูเหมือนจะหาคนไม่พบเลยต้องแยกกันตาม

“คุณชายมีอะไรครับ” จ้าวเหว่ยวิ่งมาหยุดด้านหลังคนทั้งคู่ เขายืนเอามือทาบหน้าอกไว้เพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว

“จักรยานแกไปไหน” เจียหยางหันมาถาม

“ยางรั่ว กำลังซ่อมพอดีแกก็โทรไป ไอ้พวกนี้ไม่ยอมให้ซ้อนมาด้วยน่ะสิเลยต้องวิ่งมา” หันมาต่อว่าเพื่อน ทั้งที่ตัวเองก็ยังต้องหายใจหอบเอาอากาศเข้าปอดอยู่

“แกสามคนตามคนนั้นไป สองคนมากับฉันจับมันให้ได้ ฉันอยากรู้ว่าใครที่สั่งให้มันตามจินผิง ไม่แน่อาจเป็นคนที่ลงมือกับเธอในคืนนั้นก็ได้” สั่งเสร็จเขาก็รีบตามคนเสื้อครีมไป ซึ่งมันมุ่งหน้าไปที่ซอยแยกด้านหน้า และมันสามารถทะลุผ่านซอยสิบสี่ได้

และทันได้เห็นว่ามันกำลังตามจินผิงอยู่จริง ๆ ยัยนั่นก็โง่เหลือเกิน คิดว่าสลัดพวกมันได้แล้วสินะ ถึงได้เดินลอยหน้าลอยตาอารมณ์ดีอยู่ได้ ไม่หันมามองข้างหลังเลยสักนิด

แต่อันที่จริงจินผิงเดินเลยบ้านมาแล้วต่างหาก ตอนแรกเธอก็คิดว่าสลัดคนตามได้แล้ว แต่ใกล้จะถึงหน้าประตูก็เห็นเข้าพอดี

เธอก็เลยเดินต่อไปอีก ใครทักก็ไม่หันไปคุยด้วย จนกระทั่งเกือบจะพ้นซอย หย่งชุนก็มาพบเข้าพอดี จะเลี่ยงก็ไม่ได้เลยต้องยืนคุยกับเขาพักใหญ่เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้ไปไหน อ้างว่ามันมืดแล้ว และเขาก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ ไม่รู้ลู่จินผิงไปให้ความหวังอะไรไว้ อีกฝ่ายถึงได้ชอบพูดจากำกวมนัก บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าของร่างต้องหลอกให้อีกฝ่ายชอบแน่ ๆ

“เอ่อ ฉันยังไม่อยากกลับค่ะ” จินผิงลังเล เพราะกลัวว่าคนที่ตามมาอาจหลบอยู่ตรงไหนสักแห่ง แต่สิ่งที่เห็นในซอยคือร่างสูงของคุณชายโจเยว่ คิ้วสวยย่นเข้าหากันทันที ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเดินตรงเข้ามาพร้อมกับคนสนิทและผู้ชายที่ตามเธอ

“มืดค่ำแล้วยังออกมาเดินเพ่นพ่านกันอยู่อีก พวกบ้ากามมันชุกชุมไม่เห็นเหรอ มันเดินตามเธอมาตั้งแต่เข้าซอยแล้ว ไม่รู้จักระวังตัวเลย เอาล่ะ ฉันจะเอามันไปส่งตำรวจ ต่อไปก็ระวังด้วยแล้วกัน” มาถึงเขาก็พูดเองเออเองหมด หนุ่มสาวที่ยืนอยู่ก็ได้แต่มึนงง แม้แต่คนร้ายที่ถูกจับก็ยังไม่เข้าใจความเป็นมากับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย อยู่ดีดีก็ถูกซัดเข้าเต็มเบ้าตาและท้องพร้อมกัน

“เราจะรีบกลับครับ โชคดีที่ซอยเรามีหนุ่ม ๆ อย่างพวกคุณมาช่วยจับคนร้ายให้ แบบนี้ชาวบ้านคงอุ่นใจขึ้นเยอะเลย” หย่งชุนบอกตามความเข้าใจของตัวเอง คิดว่าทั้งสองคนเป็นคนผ่านทางมาอย่างที่หนุ่มหล่อพูด ซึ่งเขารู้สึกคุ้นหน้ามาก

“เป็นหน้าที่ของเราครับ” เจียหยางพูดขึ้น ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกงงอยู่ไม่น้อย เพราะหย่งชุนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจ

ส่วนจินผิงก็เข้าใจว่าสองคนนี้เป็นทหาร เพราะวันแรกที่เจอลูกน้องของโจเยว่ คนสนิทเขาแต่งตัวใส่ชุดทหาร เธอเลยเข้าใจแบบนั้น แต่ความเป็นจริงพวกเขาแค่แต่งเอาธีมงานเลี้ยงเท่านั้น เพราะเป็นวันเกิดของท่านนายพลมู่ แต่ความเป็นจริงพวกเขาคือตำรวจนอกเครื่องแบบ มีโจเยว่เป็นผู้กอง และกำลังทำคดีสืบหาคนร้ายที่สั่งให้วางยาตัวเองนี่แหละ

จะเรียกว่าพวกเขาใช้อำนาจของนายพลมู่ก็ได้ ถ้ามันเป็นแค่การวางยากันปกติก็คงไม่ต้องถึงขนาดนี้ ทว่าผู้บงการถึงกับสั่งให้ทำร้ายคน มันโหดเหี้ยมเกินไป ไหนจะการตายของบริกรหนุ่มนั่นอีก มันชวนให้คิดว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา

“งั้นเรากลับเลยนะครับ ขอขอบคุณแทนน้องสาวด้วย ถ้าโดนทำร้ายอีกคงแย่แน่” หย่งชุนไม่พูดเปล่า เขายังยกมือขึ้นมาโอบไหล่จินผิงไว้ด้วย เธอเลยอดเอียงคอมองเขาไม่ได้ แต่ชายหนุ่มก็ทำเป็นไม่เห็น มองไปยังใบหน้าหล่อของโจเยว่ ที่ยังนิ่งเหมือนเคย ไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใด ๆ ให้เห็น

ทว่าสายตาเขากลับจ้องอยู่ที่มือของหย่งชุนแต่ก็ไม่พูดอะไร

“ขอบคุณนะคะ” จินผิงโค้งลงจนเสมอตัว ทำให้มือของคนที่โอบไว้หลุดออกเองอัตโนมัติ ใครบางคนเผลอยกมุมปากขึ้นทันที

จินผิงไม่ได้สนใจคนรอบข้างอีก เงยหน้าขึ้นได้เธอก็เดินเลี่ยงตรงเข้าซอย หย่งชุนเลยต้องรีบขอตัวเดินตามไป สวนกับรถที่แล่นมาพอดี จินผิงเห็นแล้วว่าใครขับ เธอไม่ได้หยุดทักทายอีกฝ่าย ทั้งที่ต่วนหลี่ก็โบกมือให้ “เอ้า! ทำเป็นไม่รู้จักกันซะงั้น”

“ช้านะแก” เจียหยางบ่นทันทีที่รถจอด ซึ่งมันไม่ได้มาแค่คันเดียว ยังมีรถของทางราชการตามมาด้วย และคนร้ายอีกคนก็ถูกคุมตัวอยู่ด้านหลัง ตอนนี้เองที่จินผิงหยุดมองครู่หนึ่ง

‘ตกลงพวกเขาทำงานอะไร ตำรวจหรือทหาร’ นึกในใจ สุดท้ายก็คิดว่าไม่เกี่ยวกับตัวเอง เลยเดินตรงกลับบ้าน เพราะรู้สึกไม่ชอบใจท่าทางของเพื่อนบ้านคนนี้เลย เขาชอบทำตัวสนิทสนมกับเธอจนเกินไป ไม่รู้ก่อนนั้นระหว่างเขากับลู่จินผิงคนเก่าเป็นยังไง อีกฝ่ายถึงได้ถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ คิดจะโอบก็โอบ คราวก่อนก็หนหนึ่งแล้ว เดินเข้าไปถึงห้องนอนเธอเลย

หวังว่าเจ้าของร่างคงยังไม่ได้มีอะไรกับตาคนนี้หรอกนะ เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจอีกฝ่าย อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่การมาทำลุ่มล่ามแบบนี้ จินผิงไม่ชอบเลย

หรือว่าเธอควรจะบอกเขาไปตรง ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel