

บทที่ 6 เข้าบ้านเซวียครั้งแรก
บทที่ 6
เข้าบ้านเซวียครั้งแรก
วันต่อมา ฉินหรูจัดอาหารชุดใหญ่เลี้ยงวันเกิดให้กับอาเหยา
ฉินหรูไม่เพียงซื้อเสื้อผ้ากับของเล่นให้เจ้าตัวเล็ก นางให้เงินท่านแม่สองพวง(หนึ่งพวง=ร้อยอีแปะ) และยังซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้กับพวกท่าน
“เจ้าเก็บเงินไว้เถอะ เสี่ยวหรู พ่อกับแม่รับไว้ไม่ได้หรอก” ท่านแม่บอก พร้อมดันเงินทั้งหมดคืนให้กับบุตรสาว
ท่านพ่อพยักหน้าเห็นด้วยกับท่านแม่
“ไม่เอาน่า พวกท่านเก็บเงินไว้เถอะ พอข้าเข้าไปทำงานในบ้านเซวียแล้ว เดี๋ยวก็ได้เงินเพิ่มอีก”
พูดจบ ฉินหรูผลักเงินคืนท่านแม่
ท่านแม่ทำหน้าลำบากใจ “ถึงเจ้าจะพูดอย่างนั้น แต่นี่เป็นเงินที่เจ้าได้มาอย่างยากลำบาก พ่อกับแม่รับไว้ไม่ได้จริงๆ”
ฉินหรูถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเกลี่ยกล่อมท่านแม่อีกครั้ง
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลยจริงๆ กลับกันแล้ว ถ้าท่านไม่รับเงินไว้ นั่นจะทำให้ข้าเสียใจมากกว่า”
ท่านแม่หันมองท่านพ่อ เมื่อเห็นท่านพ่อพยักหน้าเบาๆ ท่านแม่ถึงได้ยอมหยิบเงินขึ้นมา ถึงอย่างนั้นท่านกลับถือเงินไปใส่ไว้ในกล่องเก็บเงินประจำบ้าน
“ข้าจะเก็บไว้ให้อาเหยาตอนโตแล้วกัน”
ท่านแม่พูดมาอย่างนี้ ต่อให้บอกว่าเอาไปซื้อของที่อยากได้เถอะ นางคงไม่ยอมฟัง ฉินหรูจึงไม่พยายามเกลี่ยกล่อมอีก
นางมองไปที่เจ้าตัวน้อย อาเหยานั่งเล่นกังหันลมที่นางเพิ่งซื้อให้เมื่อวาน เจ้าตัวน้อยเหมือนจะชอบมันมาก เป่ากังหันดัง “ฟู่ๆ” พร้อมกับพ่นน้ำลายออกมาด้วย
ฉินหรูขบขันอย่างเอ็นดู ก่อนจะโค้งตัวลงใช้ผ้าในมือเช็ดน้ำลายให้เจ้าก้อนแป้งน้อย
“แล้วเจ้าจะเริ่มงานเมื่อไรหรือ” ท่านแม่ถาม
เมื่อวานนี้ พอกลับถึงบ้าน ท่านพ่อท่านแม่เห็นนางหอบข้าวของมาเยอะแยะก็แปลกใจ
บ้านฉินฐานะยากจน เงินที่ฉินหรูนำติดตัวเข้าเมืองมีไม่ถึงหนึ่งร้อยอีแปะ น่าจะซื้อได้แค่ขนมกับแป้งทำอาหาร แต่ของที่นางถือกลับมา ลองคิดคร่าวๆ น่าจะเกินห้าร้อยอีแปะ
ฉินหรูเล่าเรื่องที่ตนประลองทำอาหารจนได้เงินมาสองตำลึง ท่านพ่อท่านแม่ฟังแล้วก็ตกใจ ไม่คิดว่าบุตรสาวจะเก่งเรื่องทำครัว ฉินหรูแกล้งว่า แค่ปรุงเต้าหู้ให้มีรสชาติจัดจ้านขึ้น จากเต้าหู้จืดๆ ก็อร่อยขึ้นแล้ว ทั้งสองจึงยอมเชื่อ
นอกจากนี้ นางยังบอกเรื่องที่ได้ทำงานเป็นแม่ครัวในบ้านเซวียชั่วคราว
แม้ทางนั้นบอกให้นางมาเป็นแม่ครัวชั่วคราว แต่ความจริงคือไปเป็นลูกมือให้กับหัวหน้าพ่อครัว พร้อมกับทำอาหารขึ้นโต๊ะให้กับฮูหยินผู้เฒ่า หรือจนกว่าทางนั้นจะให้นางออก
หากถามว่าทำไมจู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียงดเนื้อสัตว์ สาเหตุเพราะหลานชายคนโตที่ถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติ อยู่ดีๆ ก็ไม่ส่งข่าวคราวกลับมา ซ้ำยังติดต่อไม่ได้ ทำให้ทั้งบ้านกังวลว่าจะเกิดเรื่อง
คืนหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าฝันร้าย ฝันว่าหลานชายคนโตป่วยหนักกำลังจะตายในสนามรบ ด้วยความเชื่อของคนแก่ เข้าใจว่าการงดเนื้อสัตว์คือการละเว้นชีวิต หากละเว้นชีวิตแล้วจะได้แต้มบุญ นางจึงลั่นคำต่อหน้าพระโพธิสัตว์ว่าจะงดกินเนื้อสัตว์จนกว่าหลานชายคนโตจะกลับมา
แต่อาหารที่พ่อครัวทำออกมามีแต่รสชาติจืดชืด นับวันนางก็ยิ่งไม่เจริญอาหาร
หากพูดถึงฐานะบ้านเซวียแล้ว ผู้นำสกุลเซวียเป็นถึงนายอำเภอ ต่อให้เป็นคนครัวชั่วคราว ย่อมมีหลายคนที่อยากเข้ามาทำงาน
“จริงๆ แล้วพ่อบ้านเซวียบอกให้ข้าเริ่มงานได้ทันที แต่ข้าอยากจัดงานวันเกิดให้อาเหยาก่อน เลยเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้” ฉินหรูตอบมารดา
“แม่กับพ่อจะดูแลอาเหยาให้เอง”
ฉินหรูลูบศีรษะเล็กๆ ของเจ้าตัวน้อยเบาๆ
รุ่งเช้าวันถัดมา ฉินหรูออกบ้านก่อนที่อาเหยาจะตื่น พูดไปแล้ว คนที่ตัดใจออกบ้านไม่ได้คงเป็นนางมากกว่า
นางหอมแก้มนุ่มนิ่มของเจ้าก้อนแป้งหลายฟอดจนเขาเกือบตื่น ซ้ำท่านแม่ต้องเตือนว่าทำงานวันแรกอย่าไปสาย ฉินหรูจึงยอมออกจากบ้านในที่สุด
เมื่อมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งบนถนนตะวันตกออกของเมืองฉาง ฉินหรูแหงนมองประตูสีแดงบานใหญ่ ครู่หนึ่ง นางเดินอ้อมมาที่ประตูหลัง
ก่อนเริ่มงาน พ่อบ้านเซวียบอกกฎและหน้าที่ของนางไว้คร่าวๆ บ่าวรับใช้ คนครัว แม้กระทั่งคนส่งของต้องใช้ประตูเล็กหลังด้าน
หลังจากเดินผ่านประตูเล็กเข้ามา ฉินหรูสัมผัสได้ถึงสายตาสงสัยและไม่เป็นมิตร
หากเป็นฉินหรูคนก่อน คงเท้าสะเอวถามกลับว่า ‘มองเช่นนี้มีปัญหาหรือไง’ แต่พอย้อนคิด การทำแบบนั้นรังแต่จะสร้างศัตรูเพิ่ม เพราะศัตรูของนางมีแค่พวกบ้านเสิ่นก็พอแล้ว
หญิงสาวคิด ก่อนจะยิ้มทักทายทุกคน
“สวัสดีเจ้าค่ะ”
“เจ้าคงเป็นแม่ครัวชั่วคราวที่พ่อบ้านเซวียพูดถึง?”
หญิงรับใช้คนหนึ่งกอดอกถาม ทั้งยังไล่สายตามองฉินหรูหัวจรดเท้าอย่างไม่เกรงใจ
ฉินหรูในตอนนี้ ลดความอวดของตัวเองลงมาก ไม่เจ็บไม่คันกับสายตาประเมินที่ไร้มารยาทของคนพวกนี้ ตอบกลับไปอย่างนุ่มนวล “ใช่เจ้าค่ะพี่สาว”
“ยังเด็กอยู่เลย จะมาสอนข้าเนี่ยนะ ท่านพ่อบ้านคิดอะไรอยู่กันแน่!”
ชายร่างท้วม อายุน่าจะสามสิบปลายๆ พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจ ทั้งยังถือมีดปักตอก้าวออกมาจากห้องครัว
ฉินหรูมองชายร่างท้วมคนนั้นด้วยความใจเย็น พยายามทำความเข้าใจว่าพ่อครัวทุกคนล้วนมีความภูมิใจในฝีมือของตัวเอง พอเห็นหญิงสาวอายุน้อยกว่าอย่างนางถูกฮูหยินผู้เฒ่าเซวียเอ่ยชม ในขณะที่อาหารของเขาถูกบอกว่าไม่อร่อย จึงรู้สึกอับอาย
คิดจบ ฉินหรูเม้มปาก แสร้งตีหน้าลำบากใจ
โชคดีที่พ่อบ้านเซวียมาถึงจุดรวมพลเร็ว ฉินหรูจึงไม่ต้องยืนประดักประเดิดให้ทุกคนมองเป็นตัวแปลกประหลาด
พ่อบ้านเซวียแนะนำฉินหรู แต่ทุกคนกลับเมินเฉยไม่สนใจ
ฉินหรูคิดว่าหากไม่เริ่มผูกมิตรตอนนี้อนาคตคงทำงานในบ้านเซวียลำบาก นางไม่กลัวความยากลำบาก แค่รู้สึกว่ามันน่ารำคาญและทำให้นางเสียเวลา
หญิงสาวประสานมือระดับเอว ย่อตัวลงเล็กน้อย แล้วทักทายอย่างมีมารยาทอีกครั้ง
“สวัสดีเจ้าค่ะ ข้าชื่อฉินหรู อยู่ที่หมู่บ้านหน่านหลี่ ข้าไม่ค่อยรู้กฏเกณฑ์ของที่นี่เท่าไร ต้องรบกวนพวกท่านสอนข้าแล้วเจ้าค่ะ”
ไม่เพียงคำพูดคำจาที่นอบน้อม ท่าทางของนางยังให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ถือตัวอวดดีว่าตนถูกจ้างเข้ามาทำงานในกรณีพิเศษ
หลังจากบ่าวรับใช้มองหน้ากัน สักพัก พวกเขาก็ยิ้มแย้มทักทายกลับ
“ข้าชื่อเสี่ยวจิน เป็นสาวใช้ของคุณชายรอง”
หญิงรับใช้ที่ตอนแรกมองฉินหรูด้วยสายตาประเมินแนะนำตัวเองเป็นคนแรก
ต่อมา เป็นพี่ชายพี่สาวบ่าวรับใช้เรือนอื่นๆ ท้ายสุดก็เป็นหัวหน้าพ่อครัวชื่อว่าจงเฮย
ฉินหรูยิ้มซื่อ แม้รอยยิ้มนี้จะเป็นการแสดง แต่กลับดูไม่เสแสร้ง