

บทที่ 4 เงินสองตำลึง
บทที่ 4
เงินสองตำลึง
เผลอแป๊บเดียววันเวลาก็ล่วงเลยมาอีกสิบเอ็ดเดือน
พรุ่งนี้อาเหยาอายุครบหนึ่งขวบ ฉินหรูตั้งใจว่าวันนี้จะเข้าเมืองซื้อขนมอร่อยๆ จากร้านขนมสกุลเถา และซื้อแป้งมาทำบะหมี่ เตรียมฉลองวันเกิดให้กับเจ้าตัวเล็ก
นับตั้งแต่ฉินหรูตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางใช้ชีวิตที่สองโดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ฉินหรูไม่เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องเหมือนชาติก่อน
ที่สำคัญ!
นางไม่โวยวายหรือกล่าวโทษบิดามารดา นางเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กด้วยความเอาใจใส่ หากต้องออกไปช่วยงานที่ไร่ ฉินหรูก็จะพาอาเหยาไปด้วย
บ้านฉินไม่ได้ร่ำรวยมีฐานะ แต่ก็มีความสุขในทุกวัน เพราะบรรยากาศภายในบ้านไม่ได้อึดอัดเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เช้าวันนี้ หลังจากกินข้าวอิ่ม ท่านแม่กำลังเก็บถ้วยชามไปล้างหลังบ้าน ท่านพ่อเตรียมของเข้าไร่
อาเหยาเกาะขอบเก้าอี้ ยิ้มให้กับฉินหรู ปากเล็กๆ ของอาเหยาส่งเสียงว่า หม่ำๆ มุมปากมีน้ำลายเปื้อนเล็กน้อย
รอยยิ้มบริสุทธิ์ของเจ้าตัวน้อยกระชากหัวใจของฉินหรูทุกครั้งที่เห็น
ฉินหรูอุ้มลูกมานั่งบนตัก เช็ดน้ำลายบนมุมปากให้ลูก จากนั้นหันหน้าไปพูดกับท่านแม่
“ท่านแม่ วันนี้ข้าจะเข้าเมือง ฝากท่านดูแลอาเหยาได้หรือไม่”
“ได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่เจ้าจะเข้าเมืองไปซื้ออะไรหรือ ให้แม่ไปแทนก็ได้นะ”
ท่านแม่แทบไม่อยากให้ฉินหรูออกบ้าน นางไม่ชอบใจอย่างยิ่งเวลาที่เห็นบุตรสาวถูกคนในหมู่บ้านมองและพูดจาดูถูกใส่
ทว่าฉินหรูนั้นเข้มแข็ง นอกจากไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น นางยังสู้กลับแบบกัดไม่ปล่อย ภายหลังคนพวกนั้นทำได้แค่จับกลุ่มนินทาเงียบๆ
“ข้าอยากไปซื้อขนมให้อาเหยา แล้วก็จะซื้อแป้งมาทำบะหมี่เพิ่มด้วย” ฉินหรูพูดกับมารดา แต่ดวงตาหลุบมองอาเหยาที่นั่งบนตักด้วยความรักใคร่
เจ้าตัวน้อยชี้จานกับข้าวว่างเปล่าพร้อมกับส่งเสียงหม่ำๆ
ท่านพ่อเตรียมของเสร็จแล้วก็เดินเข้ามา “งั้นวันนี้อาเหยาไปไร่กับตาแล้วกัน”
ได้ยินท่านพ่อพูดแบบนั้น ท่านแม่ก็ส่ายหัวยิ้มๆ
อาเหยายิ้มสดใส ศีรษะเล็กๆ ผงกขึ้นลง รู้ความอย่างยิ่ง
ฉินหรูอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่นอกเมืองฉาง หากจะเข้าเมืองต้องนั่งรถเทียมวัวเข้าไป หน้าหมู่บ้านจะมีศาลาพักรถ รถเทียมวัวรับจ้างจะเข้าเมืองเป็นรอบๆ
ฉินหรูเดินเท้ามาที่หน้าหมู่บ้าน พอขึ้นมานั่งในรถเทียมวัว บังเอิญเจอคนในหมู่บ้านที่ไม่ชอบขี้หน้า พวกนั้นมองฉินหรูด้วยสายตาดูถูก และยังหันหน้าไปกระซิบกระซาบกัน คำนินทามากมายลอยเข้าหู
“เจ้าคิดว่าเด็กคนนั้นหน้าเหมือนใคร?”
“คงเป็นบ่าวสักคนในบ้านเสิ่นนั่นแหละ”
“อี๋ หน้าไม่อาย…”
หญิงสาวสองคนอายุสิบเจ็ดสิบแปดซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน อยู่วัยเดียวกับฉินหรู ทั้งสองยกมือป้องปากซุบซิบนินทา
ฉินหรูจ้องหน้าพวกหน้าพร้อมกล่าว “ถ้าไม่อยากปากแตกเหมือนเล่ยซูซูก็หุบปากเสีย”
สีหน้าและท่าทางของฉินหรูจริงจังและไม่ได้ข่มขู่
เล่ยซูซู หญิงสาวหมู่บ้านเดียวกันและไม่ค่อยกินรอยกันมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ถูกฉินหรูตบจนใบหน้าบวมไปข้างหนึ่ง สาเหตุเพราะว่าร้ายอาเหยา
เล่ยซูซูไม่ได้ถูกฉินหรูตบแค่ครั้งสองครั้ง ทุกครั้งที่บังเอิญเจอ ฉินหรูจะเข้าไปตบปากเล่ยซูซูก่อนที่ฝ่ายจะเปิดปากพูดเสียอีก เล่ยซูซูต้องขอโทษขอโพยและรับปากว่าจะพูดถึงอาเหยาอีก ฉินหรูถึงได้ยอมปล่อยฝ่ายนั้น
หญิงสาวทั้งสองรู้ว่าฉินหรูพูดจริงทำจริง พวกนางได้ยินแบบนั้นก็รีบปิดปากเงียบ หน้าซีดทันที
เมื่อมีคนประเภทขี้นินทาก็ย่อมมีคนประเภทขี้สงสาร
คนประเภทที่สอง ส่วนใหญ่เป็นเหล่าแม่บ้านที่สามีถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติเหมือนกับฉินหรู
ฉินหรูไม่มีอารมณ์สนใจคนทั้งสองประเภท จึงนั่งกอดอกหลับตาไปตลอดทาง
ในที่สุดรถเทียมวัวก็จอดที่จุดพักหน้าประตูเมือง ฉินหรูลงจากรถเทียมวัว จ่ายเงินให้กับเจ้าของรถ แล้วเดินเข้าเมืองต่อ
เพราะยังเป็นช่วงเช้าอยู่ บนถนนในเมืองฉางจึงพลุกพล่านไปด้วยผู้คน ของซื้อของขายก็มีเยอะแยะ
ฉินหรูตรงไปยังร้านขนมสกุลเถา ร้านขนมในเมืองมีเยอะมาก แต่ขนมร้านนี้ไม่เพียงอร่อยถูกปาก ราคาไม่แพง ชาวบ้านอย่างนางสามารถแตะต้องได้
เมื่อถึงร้านขนมสกุลเถา ฉินหรูเห็นว่าโรงเตี๊ยมสกุลหลี่ที่อยู่ข้างๆ คนวิ่งเข้าออกเยอะมาก เหมือนไม่ได้มาอุดหนุน แต่มาเพราะเรื่องอื่น
“เถ้าแก่เถา โรงเตี๊ยมสกุลหลี่มีเรื่องอะไรกันหรือ ทำไมวันนี้ดูวุ่นวายจัง”
ฉินหรูเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง อยากรู้อยากเห็นก็เป็นเรื่องปกติ
เถ้าแก่เถาร้อง อ๋อ แล้วเล่าว่า “ช่วงนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียงดกินเนื้อสัตว์ หัวหน้าพ่อครัวเลยเน้นเมนูผักกับเต้าหู้ แต่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าไม่อร่อย และไม่ยอมแตะต้องอาหารของพ่อครัวเลย พ่อบ้านเซวียเลยมาจ้างพ่อครัวโรงเตี๊ยมสกุลหลี่ทำอาหารแทน”
“แล้วอาหารถูกปากฮูหยินผู้เฒ่าเซวียหรือไม่”
เถ้าแก่เถาส่ายหัว
ฉินหรูทำหน้าแปลกใจ
“ที่วันนี้โรงเตี๊ยมสกุลหลี่คนเข้าออกเยอะแยะเกี่ยวกับฮูหยินผู้เฒ่าเซวียหรือ”
“ใช่แล้ว” เถ้าแก่เถาตอบแล้วเล่าต่อ “เพราะอย่างนั้นพ่อบ้านเซวียเลยยืมครัวโรงเตี๊ยมสกุลหลี่เปิดประลอง ใครที่ทำเมนูเต้าหู้ถูกปากจะได้รางวัลสองตำลึงเงิน และถูกจ้างให้เป็นคนครัวในบ้านเซวียชั่วคราวด้วย”
“สรุปว่าพวกเขากำลังเปิดประลองทำอาหารกันหรือ” ฉินหรูถามอีกครั้ง
“ถูกต้อง ถ้าเจ้าสนใจก็ไปลองดูได้”
ฉินหรูตอบเถ้าแก่เถาว่า เจ้าค่ะ จากนั้นซื้อถังหูลู่มาหนึ่งไม้กับขนมโก๋อ่อนไส้มะพร้าวสี่ชิ้น จ่ายเงินไปสิบสี่อีแปะ
เมื่อจ่ายเงินเสร็จ ฉินหรูเดินไปบนถนนทางที่จะไปร้านขายแป้งกับวัตถุดิบ
เดินไปสักพักนางรู้สึกข้องใจ หมุนปลายเท้ากลับ มุ่งหน้าไปทางโรงเตี๊ยมสกุลหลี่
สองตำลึงเงิน ซื้อชุดใหม่ให้กับอาเหยาได้ตั้งสามชุด ยังซื้อขนมกับของเล่นได้ด้วย
ในชาติก่อน เพื่อจับคุณชายใหญ่สกุลอวิ่น ฉินหรูไม่เพียงใช้จริตมารยา นางยังฝึกฝนทำอาหาร อาศัยครูพักลักจำเรียนรู้สูตรอาหารจนกลายเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ปลายจวัก วิธีนี้ใช้ได้ผล คุณชายใหญ่สกุลอวิ่นแม้มีคู่หมั้นงดงามและเพียบพร้อม หากก็ทอดทิ้งฉินหรูที่เพียบพร้อมกว่าไม่ลง ถึงขั้นสัญญาว่าหลังจากแต่งกับคู่หมั้นที่ทางบ้านเลือกให้แล้ว เขาจะเลื่อนขั้นฉินหรูจากสาวใช้อุ่นเตียงให้เป็นภรรยารอง
ฉินหรูรู้ตัวดีว่าตนฐานะต่ำต้อย ไม่อาจเป็นภรรยาเอก แต่จะกลัวอะไรเล่า ในเมื่อหัวใจของผู้ชายคนนี้อยู่ที่นาง
ทว่า...
เรื่องในชาติก่อนจะเป็นยังไงก็ช่าง เสน่ห์ปลายจวักที่นางเรียนรู้มายังอยู่ในความทรงจำ และนางจะใช้สิ่งนั้นหาเงินสองตำลึงมาให้ได้!