

บทที่ 3 ฉินหรูเปลี่ยนไปแล้ว
บทที่ 3
ฉินหรูเปลี่ยนไปแล้ว
ชีวิตในชาติก่อน หลังคลอดลูก ฉินหรูก็หมดสติจึงไม่รู้ว่าคลอดลูกชายหรือลูกสาว ต่อมา ไม่ว่าท่านแม่จะพูดอะไร นางก็ทำหูทวนลมไม่รับรู้
ด้วยเพราะไม่อยากเกิดความผูกพันกับเด็ก ฉินหรูไม่เคยแม้แต่จะมองหน้าหรืออุ้มลูกสักครั้งเดียว
คลอดลูกยังไม่ทันครบหนึ่งเดือน นางก็เก็บข้าวของแล้วหนีออกบ้าน
เมื่อได้รับโอกาสย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉินหรูลั่นสาบานในใจว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ จะดูแลพ่อแม่กับลูกให้ดี
นางถามท่านแม่เกี่ยวกับอาเหยาหลายเรื่อง
ท่านแม่เล่าไปยิ้มไป “ตั้งแต่เด็กคนนี้คลอด น้อยมากที่อาเหยาจะร้องไห้งอแง...จริงสิ เพราะเจ้าไม่สบาย อาเหยาก็เลยต้องกินนมของสะใภ้บ้านโจว...สะใภ้บ้านโจวคลอดลูกสาว ชื่อว่าเสี่ยวซินซิน น่ารักน่าชังมากเชียวละ”
ตั้งแต่วันที่ฉินหรูอุ้มท้องกลับมาอยู่บ้าน สะใภ้บ้านโจวเป็นหนึ่งคนที่จับกลุ่มนินทาฉินหรู หาว่านางอุ้มท้องลูกคนอื่น บ้านเสิ่นถึงได้ขับไล่นางออกมา พอได้ยินจากท่านแม่บอกว่าสะใภ้บ้านโจวแบ่งปันนมให้กับอาเหยา ฉินหรูเลยทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ ความรู้สึกซับซ้อนก่อขึ้นในใจ
ทว่าพอมองเจ้าตัวเล็กที่หลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ อคติที่มีต่อสะใภ้บ้านโจวก็เหมือนจะลดลงเล็กน้อย
ต่อให้เกลียดกันแค่ไหนก็คงปล่อยให้เด็กไร้เดียงสาแบบนี้หิวจนอดตายไม่ลง
“ว่าแต่ เจ้าหิวหรือยัง เดี๋ยวแม่จะรีบไปอุ่นกับข้าวมาให้”
“ตอนนี้ข้าอยากนอนมากกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนเยอะๆ แม่ไม่กวนเจ้าแล้ว”
หลังจากท่านแม่ออกห้อง ฉินหรูก็เอนกายนอนลง หันมองเจ้าตัวเล็กที่หลับปุ๋ยอยู่ในห่อผ้า
นางแตะแก้มนุ่มที่เหมือนกับก้อนซาลาเปาอย่างเบามือ พอเห็นว่าไม่ได้ทำให้เจ้าตัวเล็กตื่น จากที่ทำเพียงแค่แตะเบาๆ ฉินหรูเปลี่ยนมาบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี้ยว ทั้งยังจับมือที่เล็กป้อมของเขา
นิ้วของอาเหยาทั้งกลมทั้งสั้นเป็นป้องๆ อีกอย่าง ตัวของเขาก็นุ่มนิ่มมาก ฉินหรูอดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กทารกมีกระดูกหรือไม่?
ทันใดนั้น เจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่ในห่อผ้าคว้าหมับที่นิ้วของฉินหรูทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่
ฉินหรูตกใจจนตัวเกร็ง นิ่งขึงสักพักหนึ่ง
อย่าเพิ่งตื่นนะ ถ้าตื่นตอนนี้ข้าโอ๋เจ้าไม่เป็นหรอก
นางคิด
กระนั้น อาเหยาก็ไม่ได้ตื่น มือน้อยๆ ยังกุมนิ้วของนาง
ฉินหรูไม่กล้านิ้วออก กลับคิดว่าอาเหยาน่ารักถึงเพียงนี้ ทำไมชาติก่อนนางถึงทิ้งเขาได้ลงคอ
คิดแบบนั้นปุบหัวใจของฉินหรูก็บีบรัด กระบอกตาทั้งสองข้างแสบร้อน จากนั้นน้ำอุ่นๆ ก็เอ่อล้นออกมา
ตอนที่เซียงซือออกมาจากห้องของฉินหรู ฉินเจี่ยผู้เป็นสามีกลับมาจากไร่พอดี นางดึงสามีออกมานอกบ้าน แล้วเล่าเรื่องที่ฉินหรูเปลี่ยนแปลงไปราวกับเป็นคนละคน
“พูดจริงหรือ”
ฉินเจี่ยถามซ้ำด้วยสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ
แต่เดิมแล้ว ฉินหรูไม่ได้เป็นคนนิสัยไม่ดี แต่หลังจากเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น นางก็เปลี่ยนเป็นคนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดและฉุนเฉียวง่าย พอคลุ้มคลั่งขึ้นมาก็จะกล่าวโทษ ที่นางถูกกระทำเป็นเพราะพวกเขาขายนางให้กับบ้านเสิ่น
พูดกันจริงๆ แล้ว ตั้งแต่นางกลับมาบ้านในคืนฝนตกหนัก เลือดไหลลงมาตามหว่างขา สภาพของนางตอนนั้นเหมือนพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ หัวใจของคนเป็นพ่อแม่เองก็เจ็บปวด
แม้ตอนนั้นจะช่วยเหลือบุตรสาวกับหลานในท้องได้ แต่ไม่มีวันไหนที่สองสามีภรรยาบ้านฉินจะนอนหลับสนิทสักคืน
พวกเขาเองก็รู้สึกผิด หากตอนนั้นใจแข็ง ไม่ยอมขายนางให้กับบ้านเสิ่น เรื่องเลวร้ายคงไม่เกิดขึ้นกับนาง
ด้วยเพราะเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาว ไม่ว่านางจะเอาแต่ใจแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ปริปากบ่นนางสักคำ
บ้านเสิ่นไม่เพียงหลอกใช้ความบริสุทธิ์ของฉินหรู ยังจับนางกรอกยาทำแท้ง แล้วขับไล่ออกมา สิ่งที่คนพวกนั้นทำเหมือนไม่เห็นฉินหรูเป็นมนุษย์ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้จิตใจของนางบอบช้ำ นางถึงเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์รุนแรง
ย้อนคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว ฉินเจี่ยก็กำหมัดด้วยความโมโห
เซียงซือผู้เป็นภรรยาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามีมานาน เพียงแค่เห็นสีหน้าของสามีก็เข้าใจความคิดทันที
“รู้ว่าท่านเจ็บใจ ข้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ท่านก็รู้นี่ พวกเราไม่มีทั้งเงินทั้งอำนาจ ตีกลองฟ้องบ้านเสิ่นไปรังแต่จะหมดเงินเปล่าๆ สู้เก็บไว้ให้เสี่ยวหรูรักษาตัวกับกินของดีๆ จะดีกว่า”
ฉินเจี่ยกับภรรยาเคยเข้าเมือง ตีกลองร้องทุกข์ หมิงลี่ฮูหยินของเสิ่นเทากรอกยาแท้งบุตรทำร้ายบุตรสาวของตน แต่บ้านเสิ่นมีเงินมีอำนาจ แค่อ้างว่าฉินหรูตั้งท้องกับคนอื่น นางพยายามทำแท้งของนางเอง คำพูดแค่นี้สามีภรรยาบ้านฉินก็ถูกตราหน้าว่าโกหก ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าพวกเขาใช้เด็กในท้องมาปอกลอกบ้านเสิ่น
“ตอนนี้เสี่ยวหรูกลับมาเป็นคนเดิม ข้าก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น หวังแค่ให้นางแข็งแรงก็พอ”
ฉินเจี่ยทุบอกตัวเองอย่างอัดอั้น “กฎหมายบ้านเมืองไร้ความเป็นธรรม ข้าอึดอัดใจจะตายอยู่แล้ว!”
“ข้าเข้าใจ” เซียงซือลูบหลังสามี น้ำตาซึม
หากรั้นจะฟ้องบ้านเสิ่นต่อไป ไม่เพียงจะสูญเงินเปล่าๆ ถ้าบ้านเสิ่นกลั่นแกล้งพวกเขาขึ้นมา คราวนี้บ้านฉินคงไร้ที่อยู่ เซียงซือไม่อยากเห็นลูกสาวกับหลานชายต้องไปนอนข้างถนนจึงต้องอดทนต่อความไม่ยุติธรรม
ทั้งสองเงียบกันอยู่สักพัก เมื่อใจเย็นลงแล้ว ฉินเจี่ยเปลี่ยนมาพูดเรื่องอื่น
“วันนี้ข้าจับปลามาได้ตัวเบ้อเร่อ มาทำของอร่อยๆ ให้เสี่ยวหรูดีกว่า”
“ใช่ๆ มาทำของอร่อยๆ กันดีกว่า” เซียงซือพยักหน้าเออออกับสามี
จากนั้นสองสามีภรรยาก็เข้าครัว เตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้กับฉินหรู