ไมโครเวฟ
ใส่อกเสื้อ เผื่อว่าพอจะมีอะไรที่เขาสามารถตอบแทนองค์ชายสามได้บ้าง หากมันสำคัญกับองค์ชายสามจริงๆ
ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าคนที่ทำอะไรยิ่งใหญ่อย่างสารานุกรมที่มีแปดแสนหน้า ร้อยล้านตัวอักษรที่เกี่ยวกับหลายๆ อย่างรอบด้านจะแก้โจทย์คณิตศาสตร์ไม่ได้
เก๊ามู่เฉินยังไม่ทันจัดแจงตำราเข้าที่เรียบร้อยแขกคนใหม่ก็เข้ามา อิ๋นจื่อที่พึ่งนั่งลงจับพู่กันยังไม่ทันจรดก็จำต้องเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงงแต่ก็ยอมลุกขึ้นอีกครั้ง องค์ชายแปดอิ๋นสือก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น แต่ด้านหลังดันมีอิ๋นถังทำหน้าบึ้งตึงเดินเอามือไพล่หลังตามเข้ามา
“พวกเจ้าช่างวุ่นวายเสียจริง เรื่องเพียงแค่นี้ยังทำให้เป็นเรื่องใหญ่พากันมาถึงจวนข้า แม้แต่น้องแปดก็ยังมาด้วยหรือว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดอย่างที่ข้าคิด”
“พี่สาม ข้าไม่ได้มาหาท่านข้ามาหาเขา ข้าเป็นห่วงเขาว่าพี่สี่มาส่งถึงท่านหรือไม่ ข้ากังวลว่าเขาจะถูกฆ่าตายระหว่างทาง อ้อเจ้ายังอยู่ดีนี่”
อิ๋นสือหันไปยิ้มให้เก๊ามู่เฉิน
“ท่านนี่น่าอุ่นข้าวสวยสักชามกินกับกะเพรา”
เก๊ามู่เฉินกลั้นขำ
“เจ้าหิวหรือ”
อิ๋นถังสวนทันควันเบ้ปากมองเขาอย่างเหยียดหยาม
“ข้าหมายถึงองค์ชายแปดน่าใช้อุ่นอาหาร พอเห็นหน้าเขาแล้วข้าก็หิวเลย”
เก๊ามู่เฉินเบ้ปากตาม
“น้องแปดอุ่นอาหารเป็นด้วยหรอ”
อิ๋นจื่องุนงง
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจ เจ้าหมายถึงอะไร”
อิ๋นสือยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น
“ก็รอยยิ้มของท่านมันใช้อุ่นอาหารได้”
“ข้ายินดีหากรอยยิ้มของข้าจะทำให้อาหารรสจืดชืดของเจ้าดีขึ้น จำไว้หากเจ้าเดือดร้อนเรื่องใดๆ ในวังหลวง ข้าอิ๋นสือก็พอจะไหว้วานคนในวังหลวงแทนเจ้าได้”
อิ๋นสือกล่าวจบอิ๋นจื่อก็อดไม่ได้จะมองหน้าเก๊ามู่เฉินสลับมองหน้าอิ๋นสือ อิ๋นถังเองก็อดไม่ได้จะเบ้ปากและกลอกตาอย่างกวนประสาท
“พอแล้วข้าสัญญาว่าจะแวะมาบ่อยๆ เพราะข้าถือว่าข้าคือต้นเหตุที่ทำให้พี่สี่ หมายหัวเจ้า”
เก๊ามู่เฉินอดที่จะรู้สึกดีเสียไม่ได้
องค์ชายที่ลำดับคิดกันแต่ต่างกันสุดขั้วคนหนึ่งอบอุ่นมีเสน่ห์แคร์คนทั้งโลกยกเว้นองค์ชายสี่กับอีกคนกับไม่แยแสผู้ใด
ประสานมือให้องค์ชายสามอิ๋นจื่อก้าวเดินออกจากห้องที่รกเรื้อนั่นออกไปในทันที
“เฮ้อพี่น้องข้าคงทำเจ้าหนักใจ “
“ความวุ่นวายจึงทำให้เรารู้ว่าเรายังหายใจ”
อิ๋นจื่อจรดพู่กันจดบันทึกคำพูดของเก๊ามู่เฉิน
“ล้ำลึกๆ ข้าจดไว้แล้ว” เก๊ามู่เฉินส่ายหน้ายิ้มๆ
“ข้าจำเขามา”
“ไม่เป็นไรข้าชอบมัน”
“องค์ชายสามข้าน้อย อี้หลิงนางในห้องเครื่อง มาส่งเครื่องเสวยค่ะ”
อี้หลิงยืนถือถาดใหญ่หน้าห้องในนั้นมีของกินคาวหวานมากมาย
“มีเรื่องใดกัน ข้าไม่ได้สั่งให้ยกเครื่องเสวย เจ้ายกมาทำไม”
“เอ่อ เอ่อ องค์ชายเก้าอิ๋นถังให้ข้าน้อยยกมาให้คนเลี้ยงม้าที่ชื่อเก๊ามู่เฉินแล้วนี่คือข้อความที่องค์ชายให้ส่งให้กับท่านเก๊า”
เก๊ามู่เฉินรับเอากระดาษแผ่นน้อยมาคลี่ออกช้าๆ รายมือที่สวยและเรียงเป็นระเบียบ
“สำหรับ เก๊า (ลูกหมา) ที่หิวโหย หากไม่กลัวว่าพี่สี่จะสงสัยเจ้าก็แวะไปที่จวนองค์ชายเก้าอย่าปล่อยให้ท้องเจ้าร้องนาน”
“มันเขียนว่าอะไร”
อิ๋นจื่ออดจะยื่นหน้ามาดูไม่ได้
เก๊ามู่เฉินพับกระดาษเก็บอย่างเรียบร้อย อย่างน้อยนี่ก็คือของทางประวัติศาสตร์ที่เป็นลายมือองค์ชายเก้าในอดีตเขียนขึ้นเอง แต่ของชิ้นนี้เกรงว่าเมื่อว่างเขาจะต้องเอาไปเผาพร้อมพริกเกลืออย่างแน่นอน!
“เจ้าอย่าคิดมากเลย เขาก็เป็นเช่นนั้นแต่ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างเถอะ”
“ข้าคงไม่ได้วุ่นวายอะไรพวกท่านหรอก…ข้าคงอยู่เป็นตัวประกอบนั้นแหละ”
เพราะในประวัติศาสตร์ไม่มีชื่อเขานี่ ถูกไหมฮ่าฮ่าฮ่า
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเก้าดีร้ายไม่อาจคาดเดาอีกทั้งยังเป็นอีกคนที่ข้าดูไม่ออกพอเช่นเดียวกับเจ้าสี่และเจ้าแปด”