บทย่อ
เมื่อคริสหลุดเข้าไปในยุคของราชวงศ์ต้าชิง เรื่องราวลับๆรักๆของเหล่าองค์ชายที่มีทั้งรอยยิ้มและหยาดน้ำตา
หลุดเข้าไป
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว คริสผู้ซึ่งไม่เคยมองโลกในแง่ดีใบหน้าเรียบเฉยถึงกระนั้นก็ยังดูดีเพราะเป็นคนผิวขาวใบหน้าหล่อเหลาจมูกโด่งเป็นสันดวงตาดำขลับขนตางอนยาวเป็นลูกครึ่งไทยจีนมีแม่เป็นคนจีน คิ้วดกดำขมวดเข้าหากันมองไปยังแพใหญ่ที่เพื่อนของเขากำลังดื่มกิน เร่งเครื่องสปีดโบ๊ทให้กระแทกไปบนพื้นน้ำ
“คริส! มึงไม่ใส่ซูชีพวะ”
คริสไม่มีทางจะได้ยินเพราะเสียงที่ดังกระหึ่ม สปีดโบ๊ทหักเลี้ยวออกห่างจากฝั่งไปไกลขึ้นจนแทบมองไม่เห็นแพ คริสเริ่งความเร็วราวกับโกรธใครมาน้ำที่กระเซ็นใส่ใบหน้าให้ความรู้สึกสดชื่น ภูเขาสูงข้างหน้ามองดูราวกับภาพฝัน
ใต้พื้นน้ำข้างหน้าที่สปีดโบ๊ทกำลังจะแล่นผ่าน มีตอไม้มหึมาจมอยู่ใต้น้ำทำความเสียหายให้เสื้อหรือสปีดโบ๊ทที่วิ่งผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ปกติถ้าไม่ใช่หน้าฝนจะมองเห็นตอได้ชัดเจน แต่อนิจจาตอนนี้เป็นหน้าฝนทำให้สปีดโบ๊ทของคริสพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง ความตกใจมือของคริสแทนที่จะผ่อนคันเร่งแต่กลับบิดคันเร่งจนสปีดโบ๊ทเหินขึ้นไปด้านบนพลิกตกลงมากระแทกที่ศีรษะของคริสจนรู้สึกเจ็บปวดอย่างแรง เลือดสีแดงเจือจางด้วยสายน้ำที่โอบรอบร่างหมดสติ จมดิ่งลงไปใต้ท้องน้ำ
.
“เฮือก!”
“พี่สี่! เจ้าหมาน้อยมู่เฉินฟื้นแล้ว” องค์ชายสิบสามอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นเสียง ตะโกนขึ้นดังๆ ใบหน้าหล่อเหลาแต่ดวงตาหม่นเศร้าน้ำเสียงตื่นเต้นทว่าเก็บงำความดีใจไว้ภายในน้ำเสียง
องค์ชายสี่อ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นเจิ้งยืนเอามือไพล่หลังหันกลับมาทันทีสีหน้าเรียบเฉยแววตาเคร่งขรึม
“ใครส่งเจ้ามาที่ตำหนักข้า เจ้าเป็นคนของเจ้าแปดหรือไม่บอกความจริงมา”
“แปดไหน แปดสองสิบหกรึป่าว แค่กๆ”
ส่งเสียงไอเพราะสำลักน้ำมาก่อน ชิบหายละน้ำท่วมปอดป่าวว่ะ
อิ๋นเจิ้งถลาเข้าใส่คว้ามือไปที่ลำคอของเก๊ามู่เฉินแน่นกระชากเข้าหาตัวใบหน้าหล่อเหลาของอิ๋นเจิ้งห่างจากเก๊ามู่เฉินเพียงคืบ ดวงตาคมจ้องใบหน้าของเก๊ามู่เฉิน
“ข้าคือองค์ชายสี่เจ้าของตำหนักที่เจ้าลักลอบเข้ามา แล้วคนที่บงการเจ้ามาก็คือเจ้าแปด”
“อย่ามั่วสิ่ บงกงบงการอะไร แล้วชายสีนี่ใช่ชายสี่หมี่เกี๊ยวอะเปล่าแถวบ้านมีเยอะ แล้วชายแปดอะไรนั้นคือใคร เกิดอะไรขึ้น”
เก๊ามู่เฉินยกมือขึ้นกุมศีรษะ กลับพบผ้าพันแผลอยู่รอบๆ
“อย่าขยับ หมอหลวงยังมาไม่ถึงเดี๋ยวจะเป็นอะไรมากกว่านี้” อิ๋นเสียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงด้วยความห่วงใย
“อย่าพึ่งให้หมอหลวงเข้ามา ข้ายังไต่สวนไม่เสร็จ” อิ๋นเจิ้งพูด
“พี่สี่ ท่านจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ คนเจ็บปางตาย บุรุษผู้นี้มีนามว่ากระไร”
องค์ชายแปดอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นสือที่มีใบหน้าสุขุมแต่ทว่าคำพูดแต่คำล้วนทำให้คนฟังเจ็บปวดบัดนี้กลับถอดเสียงอ่อนโยน ก้าวเดินเข้ามาในห้อง
“เก๊ามู่เฉิน ข้าเป็นคนตั้งให้เขาเอง” อิ๋นเสียงตอบ
“น้องสิบสาม ช่างมีอารมณ์สุนทรี แม้แต่บุรุษนิรนามก็จับตั้งชื่อเสียจนน่าขัน หมาน้อยตกน้ำช่างน่าขันเสียจริง”
“ไม่ต่างกันหรอกพี่แปด บุรุษนิรนามแต่ทำให้ท่านถึงกลับต้องเร่งมาจวนพี่สี่ ทั้งๆ ที่…ไม่เคยมา”
อิ๋นเจิ้งเอามือไพร่หลังเบื้อนหน้าหนี
“หยุดนะ เดี๋ยวก่อน”
เก๊ามู่เฉินยกมือขึ้นฟาดบนใบหน้าตัวเองก่อนจะพึมพำ โคตรเจ็บ แสดงว่าไม่ได้ฝัน
“เฮ้ย!? เจ้าคิดจะทำร้ายตัวเองจนตายเลยหรือไรเพื่อหนีความผิด การที่เจ้าเข้ามาในจวนพี่สี่มีโทษไม่ถึงตายถ้าเจ้ายอมสภาพแต่โดยดี จริงไหมพี่สี่”
องค์ชายสิบสี่อ้ายซินเจี๋ยหลัวอิ๋นถีก้าวขาด้วยท่าทีสง่ามเข้ามาในห้องอีกคนเป็นเขาที่พูดทีเล่นทีจริง
ประโยคสุดท้ายอิ๋นถีหันไปถามชายสี่หมี่เกี๊ยว
เก๊ามู่เฉินเม้มริมฝีปากพร้อมกับหลับตา
นี่กูเป็นหม่าเอ่อไทลั่วซีรึไง ถึงต้องมาพัวพันกับองค์ชายพวกนี้มาครบ