บทที่ 9 การเจอกันครั้งแรกของพระเอก 1.4
"ค่ะคุณเบลล์เก่งมาก" เปรียวถ่ายรูปตามที่เจ้านายโพสต์ท่าและยิ้มให้กับความพยายามของเจ้านายเธอเองก็ดีใจไม่น้อย เดือนที่ผ่านมาทุกอย่างในบ้านนี้ดูสดใสมากกว่าเดิมหลายเท่าเพราะคุณเบลล์ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แบบว่าดีขึ้นมาก ๆ บรรดาคนรับใช้ที่เคยกลัวแค่ผ่านหน้ายังไม่กล้าแต่ตอนนี้ทุกคนกลับชื่นชอบคุณเบลล์พากันไม่ขาดปาก ว่าคุณเบลล์นั้นน่ารักกว่าเดิมร้อยเท่าตอนนี้บ้านทั้งบ้านไม่มีใครไม่มีรอยยิ้ม ขนาดนายท่านใหญ่ยามที่อยู่กับคุณเบลล์ยังยิ้มไม่หุบและดูเหมือนจะรักคุณเบลล์มากกว่าเดิมด้วยซ้ำขนาดว่าแต่ก่อนนายท่านใหญ่ก็รักคุณเบลล์มากแล้วนะ แต่เทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลย
เปรียวเองก็ยังชื่นใจที่เห็นคุณหนูของเธอเป็นแบบนี้เปรียวคิดอยู่นานจนเบลล์ผิดสังเกตเพราะดวงตาที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำตาทำเอาเบลล์ตกใจ
"เปรียวเป็นอะไรใครทำอะไรบอกฉันมานะ" เบลล์ถามเสียงเข้ามาดึงมือคนรับใช้ให้เดินมานั่งบนเตียงอย่างไม่รังเกียจแต่เปรียวก็รั้งไว้เพราะไม่กล้าขึ้นไปนั่ง
"หนูไม่เป็นไรค่ะคุณเบลล์เดี๋ยวหนูนั่งข้างล่าง" เปรียวไม่ยอมนั่งบนเตียงเจ้านายและลงมานั่งด้านล่างแทน
"ขึ้นมาเถอะจะเป็นอะไรไป" เบลล์เสียงเข้มดึงเปรียวขึ้นมานั่งข้าง ๆ
"ไหนเป็นอะไรบอกดิ๊ใครรังแกมาหรือเปล่า" เบลล์เค้นถามด้วยน้ำเสียงซีเรียสแต่ไม่ถึงกับดุ
"เปล่าค่ะหนูแค่ดีใจที่เห็นคุณหนูของเบลล์เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่จิตใจคุณหนูตอนนี้ช่างแสนประเสริฐ" เปรียวพูดตามความจริงไม่ได้พูดเอาอกเอาใจเจ้านายแต่อย่างใด ส่วนเบลล์ที่ได้ฟังก็กลอกตาไปมาก่อนจะเอามือดีดหน้าผากเปรียวเสียงดังแปะ
"คุณเบลล์หนูเจ็บอ่า.."เปรียวตกใจยกมือกุมหน้าผากหน้ายู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้เบลล์แต่ก็ไม่ทำให้เบลล์โกรธอะไรมีแต่จะเอ็นดูเท่านั้นเพราะเปรียวก็ไม่ต่างจากน้องสาวคนหนึ่งในสายตาเบลล์
"สมน้ำหน้าใครใช้ให้เข้าโหมดดราม่า"
"แล้ววันนี้ไม่มีเรียนเหรอ"
"ไม่มีค่ะหนูจะสอบแล้วค่ะ"
"ดีแล้วตั้งใจอ่านหนังสือล่ะไม่เข้าใจตรงไหนถามฉันได้นะแล้วก็ตอนนี้ฉันจะให้เธอเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของฉันนะเวลาใครถามตอบว่าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวเท่านั้นอย่าบอกว่าเป็นคนรับใช้ฉันจะบอกคุณปู่เองเงินเดือนฉันจะเพิ่มให้ด้วย"
"จริงหรือคะคุณหนู ฮือ..หนูต้องขอบคุณคุณเบลล์มาก ๆ ที่เอ็นดูหนูชาตินี้หนูจะยอมตายเพื่อคุณหนูของเปรียว" เปรียวพูดพร้อมยกมือไหว้เจ้านายด้วยความเคารพคำว่าผู้ช่วยส่วนตัวเหมือนกับเป็นการยกระดับของเปรียวขึ้นมาอีกขั้นถึงแม้เปรียวจะไม่อายที่ตัวเองเป็นเพียงคนรับใช้แต่ในโลกภายนอกการดูถูกเรื่องฐานะความเป็นอยู่ก็ยังมีให้เห็นอยู่มาก นี่เป็นเพราะจิตใจที่เมตตาของคุณหนูที่ไม่อยากให้เธอโดนคนพวกนั้นพูดจาดูถูก
ส่วนเบลล์ที่ได้ยินเปรียวพูดก็เบิกตากว้างพูดออกมาด้วยความตกใจจับมือของเปรียวบีบแน่น "อย่าพูดแบบนั้นถึงยังไงเธอก็ห้ามตายเพราะฉันเข้าใจไหมเปรียว ชีวิตเป็นของเธอการทดแทนคุณมีหลายอย่างแต่ฉันขอร้องห้ามเอาชีวิตเธอมาทิ้งให้ฉัน ถ้าเธอต้องการตอบแทนเธอแค่ตั้งใจเรียนเอาเกรดดี ๆ มาฝากฉันก็พอเข้าใจไหมเปรียว" เบลล์พูดเสียงเข้มเพราะในหนังสือเด็กเปรียวยอมตายเพื่อยัยตุ้ยนุ้ยและเธอไม่ต้องการให้เกิดแบบนั้นขึ้นเด็ดขาด
"ได้เลยจ่ะหนูจะไม่ทำให้คุณเบลล์ผิดหวัง" เด็กสาวพูดตอบรับเธอยิ้มตาหยีส่งให้นายสาวถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูของเธอถึงได้ทำท่าตกใจขนาดนั้น
สองคนต่างฐานะพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่เปรียวจะออกจากห้องไป เบลล์มองตามคนรับใช้ที่เดินออกไปด้วยความเอ็นดูเพราะเนื้อหาในนิยายเล่มนั้นตอนจบของเปรียวนั้นน่าสงสารขนาดรับใช้เจ้านายจนตัวตาย ก็ไม่มีแม้ความสงสารจากเจ้านายของเธอในเมื่อตอนนี้เธอแหกบทมาขนาดนี้เธอก็ต้องพาตัวประกอบของเรื่องให้พ้นจุดจบอันเลวร้ายของเรื่องและช่วยเหลือผลักดันเด็กคนนี้ให้เธอได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ถึงเวลาตอบแทนคนที่ดีที่สุดของยัยตุ้ยนุ้ยแล้ว
เบลล์คิดด้วยความตื่นเต้นเขาอยากดันสาวใช้คนนี้ให้ไปอยู่สูงสุดเธอมองความงามของเปรียวออกมาตั้งแต่เธอเห็นครั้งแรก เปรียวสวยพอที่จะไปเป็นดารานางแบบได้เลยถ้ามีโอกาสเธออยากจะพาเปรียวเข้าวงการสักครั้ง นั้นคือสิ่งที่เบลล์หวังไว้แต่อันดับแรกต้องให้เปรียวแสดงถึงความสามารถของเธอก่อนการศึกษาจะทำให้คนคนหนึ่งได้รับความชื่นชมยิ่งถ้าเปรียวสามารถเรียนได้คะแนนเกียรตินิยม แน่ล่ะทุกคนต้องให้เกียรติเธอโดยอย่างน้อยก็ลดทอนในเรื่องฐานะได้บ้าง แต่ถ้าเปรียวอยากออกไปอยู่ข้างนอกไม่อยากทำงานเป็นคนรับใช้อีกต่อไปเธอก็จะไม่ว่า ยังไงชีวิตก็เป็นของเปรียว เธออาจจะเศร้านิดนึงเพราะคนสนิทข้างกายไม่อยู่
แต่ก็เอาเถอะเธอจะมาคิดในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นทำไมตอนนี้แค่ทำสิ่งที่ดีที่สุดก็พอ หลังจากคิดเรื่อยเปื่อยเบลล์ก็อาบน้ำแต่งตัวเดินลงไปรับประทานอาหารกับคุณปู่ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวัน คุณปู่ก็นั่งหน้าตาชื่นมื่นอยู่บนเก้าอี้หัวโต๊ะเช่นเดิมแถมยังพูดกับเธอทุกครั้งว่าช่วงนี้รู้สึกแข็งแรงมีกำลังมากกว่าเดิมคงเป็นเพราะอาหารที่หลานสาวจัดมาให้ ทำเอาเบลล์ยิ้มอ่อนเพราะคุณปู่ช่างพูดเอาใจไม่ต่างจากเธอ เบลล์ทานอาหารเสร็จก็เดินไปส่งคุณปู่ไปทำงาน ที่มีเลขาคนสนิทยืนรออยู่ก่อนแล้วเธอยกมือไหว้ผู้อาวุโสทักทายเล็กน้อยแล้วหันมาพูดกับคุณปู่
"อย่าหักโหมมากนะคะอย่าลืมทานข้าวกลางวันด้วย"
"ไม่ลืม ๆ ปู่ไปก่อนนะเดี๋ยวประชุมสายเจนภพออกรถได้"
เบลล์สำทับคุณปู่ก่อนจะเปิดประตูรถให้คุณปู่เข้าไปนั่ง เจนภพทำหน้าที่ปิดประตูแล้วเดินเข้ามานั่งข้างคนขับแล้วสั่งให้คนขับออกรถไตรภพยังเห็นหลานสาวยืนมองจนรถเลี้ยวก็ทำเอาตาแก่อย่างเขาอยากมีชีวิตยืนยาวไปถึงร้อยปี เจนภพเห็นเจ้านายหน้าตาเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขก็เป็นสุขไปด้วยเหมือนกัน
"คุณหนูนี่นับวันยิ่งน่ารักนะครับ"
"ใช่สิ!หลานฉันก็ต้องน่ารักแบบนี้แหละ"
"แล้วเรื่องถอนหมั้นคุณท่านคิดว่ายังไงครับ" เพราะเรื่องที่คุณหนูแจ้งกับเจ้านายว่าต้องการถอนหมั้นเพราะรู้ว่าคู่หมั้นนั้นไม่ได้รักใคร่ในตัวเองและยังพูดอีกว่าคู่หมั้นของคุณหนูนั้นรักใคร เขาและคุณไตรภพที่ได้ยินก็ต่างพากันตกใจไม่คิดว่าคู่หมั้นของคุณหนูจะรักกับผู้หญิงคนนั้น แต่พอได้รับการยืนยันจากคุณหนูอย่างหนักแน่น คุณไตรภพก็เหมือนกับพูดไม่ออกอยู่เหมือนกัน เพราะคิดว่าทั้งสองคนนั้นเหมาะสมกันแล้วยิ่งตอนนี้คุณหนูก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก ๆ เขายังคิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกันเลยถึงแม้จะไม่เคยเห็นทั้งคู่เดินเคียงข้างหรือใกล้ชิดกันแต่เหมือนกับเป็นความรู้สึกข้างในลึก ๆ ว่ามันเป็นอย่างนั้น