บทที่ 7 การเจอกันครั้งแรกของพระเอก 1.2
"วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ให้ร่างกายได้ปรับไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้คุณเบลล์ลุกจากที่นอนไม่ไหวแน่ครับ" ปรินบอกหญิงสาวเห็นหญิงสาวพยักหน้ารับ "ผ้าเย็นครับจะได้สดชื่น" ปรินส่งผ้าเย็นให้หญิงสาวเพราะเห็นเหงื่อผุดเต็มใบหน้าที่ตอนนี้แดงก่ำจากเลือดสูบฉีดและคิดว่าเธอคงเหนื่อยมากแน่ ๆ ตอนแรกก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะขอกลับตั้งแต่อยู่บนลูกวิ่งสิบนาทีแรกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอนั้นมีความตั้งใจมากพอสมควร ถึงทนอยู่จนครบระยะเวลาที่กำหนด
"ขอบคุณค่ะผ้าเย็นนี่ช่วยได้มากจริง ๆ เบลล์รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลยค่ะ" เบลล์ส่งยิ้มให้ปรินเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นตัวท็อปที่คนอยากจองคิวมากที่สุด นอกจากจะแนะนำขึ้นตอนการออกกำลังดีแล้วเขายังดูแลลูกค้าดีอีกด้วยไม่ใช่ว่าหมดเวลาปุ๊ปก็โบกมือบ๊ายบาย แต่เขายังใส่ใจรายละเอียดยิบย่อยถามเธอตลอดว่าไหวไหมแถมยังพูดจาดีนอกจากเรื่องออกกำลังกายยังสามารถพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เอาเป็นว่าเธอถูกใจผู้ชายคนนี้แล้วหนึ่ง ถ้าหากเธอผอมเมื่อไรแล้วปรินยังโสดเธอจะลองเต๊าะหนุ่มเทรนเนอร์ดูสักครั้ง หลังจากคิดเพ้อไปไกลก็ถึงเวลาที่ต้องกลับสักที
"ถ้าอย่างนั้นวันนี้เบลล์ขอตัวกลับก่อนนะคะ" เบลล์ลุกขึ้นยืนปรินก็ลุกขึ้นตามร่างอ้วน ๆ ของเธอที่สะท้อนในกระจกยังดูใหญ่มากกว่าหนุ่มเทรเนอร์เท่าตัวแต่สักวันเธอจะตัวเล็กกว่านี้แน่นอน
"หวังว่าพรุ่งนี้คุณเบลล์จะมาใหม่นะครับ" ปรินพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้ดูถูกแต่อย่างใดเพียงแค่อยากแซวเท่านั้น
"แน่นอนค่ะ"
เธอบอกลาปรินแล้วเดินตรงไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ในตอนที่เธอเดินเลี้ยวเข้าไปนั้นกลับชนเข้ากับใครบางคน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่เป็นฝ่ายก้าวถอยหลัง
ตุบ!
"โอ๊ะ!ขอโทษค่ะ" เบลล์พูดขอโทษทันทีด้วยความตกใจอาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นคำพูดติดปาก แต่ก็ทำเอาคนที่ได้ฟังถึงกับตกใจกับคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอ
"หืม..เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ" เหมันต์จับแขนอวบของคนที่ได้ชื่อเป็นคู่หมั้นหลังจากที่ชนกันอย่างแรงจนเขาก้าวถอยหลังไปสองก้าวส่วนผู้หญิงตรงหน้าเพียงเซเล็กน้อยเพราะร่างใหญ่โตของเธอแต่สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นทำเอาเขาแปลกใจ เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเลยที่จะพูดคำว่าขอโทษออกมาไม่ว่าจะทำเรื่องผิดร้ายแรงขนาดไหนก็ตาม เหมันต์มองดูใบหน้าอวบอูมที่แดงระเรื่อด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด คล้ายกับว่าเจอกับคนแปลกหน้าไม่ใช่คู่หมั้นตัวร้ายแววตาที่มองเหมือนกับกำลังประเมินทำให้เขาแปลกใจไม่น้อยไม่เหมือนกับสายตาที่มองเขาด้วยสายตารักใคร่หลงใหลอย่างที่แล้วมา
ส่วนเบลล์ทันทีที่เห็นคนตรงหน้าเธอรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ฉากบรรยายลักษณะพระเอกลอยมา ร่างใหญ่โตสูงเป็นสง่าหน้าตาเครื่องหน้าที่ชัดเจนสะกดสายตาให้หยุดมอง เบลล์สำรวจพ่อพระเอกประเมินดูว่าระหว่างพ่อพระเอกที่ยัยตุ้ยนุ้ยรักนักหนากับพ่อเทรเนอร์หนุ่มล่ำใครหล่อกว่ากัน โอเคยอมรับว่าพระเอกก็คือพระเอกอยู่วันยังค่ำ ก็ไรท์เขาเลือกมาแล้วนี่เนอะหลังสำรวจจนพอใจก็ได้เสียงเข้มของพระเอกก็ดังขึ้น
"เบลล์เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ" ถามย้ำเหมือนกับว่ากับว่าเป็นคนหูตึง แต่เบลล์คิดว่าพ่อพระเอกกำลังตกใจที่เธอพูดว่าขอโทษต่างหาก เพราะในเนื้อเรื่องยัยเบลล์ไม่เคยคำว่าขอโทษเลยสักครั้งเดียวไม่ว่าจะทำเรื่องผิดขนาดไหน
เอาล่ะถึงแม้ว่าเธอจะตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอพ่อพระเอกที่นี่ เพราะมันไม่มีในเนื้อหาด้วยซ้ำ
อ่อ..ลืมไปว่าเธอเปลี่ยนบทเองนี่หว่าและนี่คงเป็นผลจากการที่เธอเปลี่ยนบทตามใจชอบละมั้ง
"ฉันไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดซ้ำ ใครหูตึงไม่ได้ยินเองก็ช่วยไม่ได้กรุณาปล่อยแขนด้วยค่ะ คุณกำลังทำฉันเจ็บ" เบลล์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้มีความยินดีที่ได้เจอคู่หมั้นสายตามองไปที่แขนอวบที่ถูกกำแน่นจนเห็นรอยยุบตามแรงมือที่กำในระหว่างที่สายตากำลังฟาดฟันกับพ่อพระเอก ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาเหมือนกับเพิ่งถูกปล่อยบททันทีที่เข้ามาถึงผู้หญิงคนนั้นก็คว้าเข้ามาที่แขนเบลล์ดวงตากลมโตของเธอสั่นระริกน้ำตาพร้อมจะร่วงเผาะออกมาตลอดเวลา แลดูช่างน่าสงสารทั้งน้ำเสียงที่พูดออกมายิ่งดูน่าสงสารจับใจ แต่ไม่ใช่กับเบลล์ทันทีที่เธอได้ฟังเสียงแม่นางเอกพูดเธอก็อยากจะอาเจียน
"พี่เหมอย่าทำอะไรพี่เบลล์เลยนะคะพี่เบลล์คะพี่เป็นยังไงบ้างหายดีแล้วใช่ไหมคะ พอดีกชก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเลยไม่ได้ไปเยี่ยมพี่เบลล์ เรื่องที่ผ่านมากขอโทษนะคะกชไม่น่าทำให้พี่ไม่พอใจเลย" เสียงพูดคล้ายคนจะร้องไห้ของแม่นางเอกเกี่ยวกับเรื่องที่ทะเลาะกันครั้งนั้นทำเอาเบลล์เบ้ปากถ้าเป็นนิยายจีนโบราณที่เธอเคยอ่านคนแบบนี้คงเปรียบได้กับแม่บัวขาวสินะ
ส่วนเหมันต์พอเห็นคนที่มาใหม่ก็ปล่อยมือคู่หมั้นทันที
ส่วนเบลล์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือแม่นางเอกผู้แสนดี
ดีกับผีนะสิ! คนดีที่ไหนจะมาจิกเนื้อกันด้วยหน้าตาใสซื่อแบบนี้นี่เนื้อคนนะไม่ใช่เนื้อหมูยัยบ้านี่จิกเข้ามาได้แล้วยังจะเอาเรื่องที่เธอเคยทำมาพูดตอกย้ำความผิดของเธออีก เบลล์ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจแต่อยากจะรู้ว่าแม่นางเอกจะทำอย่างไงต่อไป
ส่วนกชนิภที่เพิ่งเข้ามาเพราะรู้ว่าคนที่เธอแอบรักเข้ามาที่นี่แต่พอเห็นว่าเหมันต์คุยกับใครเธอก็ถึงกับเกือบปรี๊ดแตกเพราะปกติไม่เคยสักครั้งที่เหมันต์คนที่เธอแอบรักจะเข้ามาพูดคุยกับคนที่เป็นคู่หมั้นแบบนี้แล้วยังจับไม้จับมือกันอีก เธอจึงรีบเข้ามาแทรกระหว่างกลางพร้อมกับจับไปที่แขนของยัยเบลล์ตัวอ้วนแล้วจิกเล็บเข้าเนื้อเพื่อให้นังอ้วนนี่มันปรี๊ดแตก ดีไม่ดีมันต้องตบเธอแน่นอนเธอตั้งหลักเตรียมตัวรับความร้ายกาจของยัยอ้วนคนนี้
ส่วนเบลล์นั้นรู้อยู่แล้วว่าถ้าเจอแม่นางเอกทีไรก็คงต้องมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้แต่ก็ต้องเล่นไปตามบทในเมื่อนิยายเรื่องนี้เธอคือนางร้าย เอาซะหน่อยละกันเดี๋ยวจะว่าเธอแหกบท
เพี้ยะ!! เบลล์สลัดมือแล้วปัดมือแม่นางเอกอย่างแรงทำให้แม่นางเอกเซไปไกลจากอาการสำออยร่วมด้วยเธอมองด้วยสายตาสมเพชแต่ก็คิดยอมรับในตัวของแม่นางเอกเพราะเธอแสดงเก่งจริง ๆ
"อ๊ะพี่เบลล์กชแค่อยากจะช่วยพี่เท่านั้นเอง" กชนิภพูดกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ดวงตาคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาที่พระเอกเห็นต้องต่อว่าเธอแน่นอน
"เบลล์ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้" เสียงพ่อพระเอกดูโกรธจัดพร้อมกับไปพยุงร่างบางของกชนิภเบลล์ได้แต่กลอกตาเธอถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยื่นแขนไปที่หน้าพระเอกหงายท้องแขนออกมารอยเล็บจิกพร้อมเลือดที่ไหลซิบปรากฏต่อสายตาเหมันต์เห็นว่าพ่อพระเอกทำท่าตกใจนิดนึงแว๊ปเดียวเท่านั้น หึ!!ตกใจละสิ
"นี่เป็นฝีมือคุณ" เบลล์ถามอย่างที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
"ไม่ใช่แน่นอน" เหมันต์ตอบกลับทันทีเขาเป็นผู้ชายไม่ได้ปล่อยเล็บยาวรอยนั้นไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอนและเขาก็ไม่โง่ที่จะไม่รู้ว่าเป็นของใครเพียงแต่คิดไม่ถึงเท่านั้น
"แล้วคุณคิดว่าใครละคะแล้วคิดดูว่าทำไมฉันถึงต้องทำรุนแรงถ้ามีสมองก็หัดคิดเองบ้างนะคะไม่ใช่ว่าฟังแต่คนอื่น ไม่อย่างนั้นอนาคตคงต้องซื้อห่วงมาถ่วงหูขอตัว.." เบลล์พูดออกมายาวเหยียดปรายตามองกชนิภที่ยืนหน้าซีดหน้าเซียวคงไม่คิดว่าเธอจะโชว์แผลที่เกิดจากฝีมือเธอ เพราะความจริงแล้วเนื้อหาในนิยายการที่ยัยตุ้ยนุ้ยถูกยั่วยุไม่ว่าทางอารมณ์หรือร่างกายก็ตามเธอจะลงไม้ลงมือทันทีเอาแบบเจ็บแสบถึงขนาดต้องนอนโรงพยาบาล และพอมีเรื่องราวถึงขั้นนั้นจะไม่มีใครรู้เลยว่ายัยตุ้ยนุ้ยนั้นถูกรังแกก่อน นั่นเป็นความโง่ของเธอนะยัยตุ้ยนุ้ย
เบลล์ทิ้งคำพูดร้ายกาจซึ่งรู้ว่าพระเอกนั้นเข้าใจดีว่าเธอหมายถึงอะไร