

หวงน้องสาว
แม้เวรยามจะแน่นหนาสักเพียงใด แต่ก็มิอาจต้านทานความสามารถขององค์หญิงตัวแสบได้ เพราะ “องค์ชายมู่หรงเยวี่ยน” พระเชษฐาของนางได้แอบถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้ ด้วยกังวลว่าสักวันหนึ่งจะมีบุรุษเหลือบไร้ค่ามาตอมรอบตัวพระขนิษฐาให้มัวหมองใจ
วิชาตัวเบาของมู่หรงเซียว ก็ถือว่าไม่เป็นรองใครในใต้หล้า! ทว่าเพียงก้าวเท้าออกจากกำแพงวังได้ไม่นาน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากเงามืด
"นั่น เจ้าคิดจะไปไหน?"
ร่างบางชะงักกึก ก่อนจะหันขวับไปตามสัญชาตญาณ
"เสด็จพี่!?"
เสียงหวานอุทานออกมาอย่างตกใจ คนที่ยืนกอดอกมองนางด้วยสายตาดุกร้าว มิใช่ใครอื่น แต่เป็นองค์ชายมู่หรงเยวี่ยน พระเชษฐาผู้เถรตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดของขุนนางเสียอีก ครั้งนี้นางคงมิรอดถูกลากกลับวังเป็นแน่!
หมดกัน อิสรภาพของวันนี้...แต่มู่หรงเซียวยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ
"ละเว้นข้าสักวันได้หรือไม่เพคะ เสด็จพี่?"
มู่หรงเซียวเปลี่ยนน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตากลมโตฉายแววอาลัยอาวรณ์
"พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว อาจถูกจับแต่งงานเมื่อใดก็ไม่รู้... ข้าอยากชมทิวทัศน์ของเจียงหนานให้เต็มตาสักครั้งเถิด"
"ไม่ได้!"
แม้คำปฏิเสธของพระเชษฐาจะดูไร้ซึ่งเยื่อใย แต่เจ้าตัวไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มู่หรงเซียวเบี่ยงกายเข้าใกล้ ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แขนเสด็จพี่ ของนาง
"ถือว่าข้าขอเถอะเพคะ! หากท่านระแวง เช่นนั้นก็ไปกับข้าก็ได้"
มู่หรงเยวี่ยนขมวดคิ้วมุ่น ดวงเนตรคมกริบฉายแววครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างจำนน
"ก็ได้..." เสียงทุ้มต่ำตอบรับ
"แต่ห้ามทำตัวซุกซน ไม่เช่นนั้นข้าจะพากลับวังทันที"
"ย่อมได้!"
องค์หญิงตัวแสบยิ้มกว้าง ก่อนจะคล้องแขนพี่ชายแน่นราวกับกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
มู่หรงเยวี่ยนเพียงส่ายพระพักตร์อย่างระอา แต่สุดท้ายก็ยอมพานางออกไป ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เขาก็ไม่เคยใจแข็งกับน้องสาวคนนี้ได้เลย
มู่หรงเยวี่ยน เป็นโอรสองค์โตของฮ่องเต้และฮองเฮา เป็นองค์ชายที่มีรูปโฉมงดงามสมกับสายเลือดแห่งราชวงศ์ ดวงเนตรเรียวยาวเฉียบคม คิ้วเข้มขับให้พระพักตร์ดูสง่างาม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมพระโอษฐ์หยักที่มักจะแต้มรอยยิ้มบางๆ ยามทอดพระเนตรพระขนิษฐา
หากกล่าวว่ามู่หรงเซียวนั้นงดงามดุจกลีบดอกท้อแรกแย้ม มู่หรงเยวี่ยนก็คือพยัคฆ์ขาวแห่งราชวงศ์ แข็งแกร่ง สง่างาม น่าเกรงขาม แต่กลับมีเพียงพระขนิษฐาเท่านั้นที่สามารถแผลงฤทธิ์ใส่พระองค์ได้
องค์ชายเติบโตมาพร้อมกับมู่หรงเซียว ความรักใคร่ที่มีให้นางมิได้เจือปนเพียงหน้าที่ของพระเชษฐา แต่เป็นความหวงแหนที่แฝงอยู่ในสายเลือด
เพราะวันหนึ่ง นางจะต้องจากไปสู่อ้อมแขนของบุรุษอื่น เพียงแค่คิด หัวใจของมู่หรงเยวี่ยนก็หนักอึ้งแต่ถึงกระนั้น วันนั้นยังมาไม่ถึง และคืนนี้น้องสาวของพระองค์ก็ยังอยู่เคียงข้าง
หากนางต้องการเห็นเจียงหนานให้เต็มตา... เช่นนั้น พระองค์ก็จะพานางไป
ค่ำคืนนี้ มู่หรงเซียวได้ลากมู่หรงเยวี่ยนมายังโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงน้ำชาเดียวกับที่นางเคยพบกับศิลปินนิรนามเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
ทว่า บรรยากาศของคืนนี้กลับแตกต่างออกไป เงียบงัน... วังเวง... ราวกับว่าถูกเหมาทั้งโรงน้ำชาอย่างไรอย่างนั้น
ค่ำคืนนี้ โรงน้ำชาจัดการแสดงโดยวงสังคีตจากแคว้นต้าชิง เป็นการแสดงตำนานโศกนาฏกรรมของแคว้นๆ หนึ่ง เรื่องราวของรัชทายาทและพระชายาผู้เป็นดั่งโชคชะตาดอกท้อ
เสียงดนตรีแผ่วเบา ท่วงทำนองชวนสะเทือนอารมณ์ เงาของนักแสดงที่เคลื่อนไหวไปตามบทบาทสะท้อนอยู่ในดวงตาของมู่หรงเซียว
หญิงสาวผู้สวมบทพระชายาที่เพิ่งแท้งบุตรกำลังร่ำไห้ ร่างบางของนางสั่นสะท้าน หยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มแลดูเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง เสียงสะอื้นของนางช่างโศกเศร้าจนหัวใจพลันหน่วงหนัก
มู่หรงเซียวขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ว่าเหตุใดภาพนี้จึงทำให้นางรู้สึกปวดใจนัก...ทำไมนางต้องร้องไห้ให้กับโชคชะตาของสตรีผู้นั้นด้วย?
