บทที่ 2 ชีวิตของซินหยาง
บทที่ 2 ชิวิตของซินหยาง
โชคชะตาช่างเข้าข้างนางเมื่อนางกำลังเดินออกมาขายผักที่ตลาดก็เกิดอาการเวียนหัวและวูบไปเพราะอากาศร้อน เป็นจังหวะเดียวกันที่ใต้เท้าโจได้เดินทางผ่านมาพอดีจึงได้รับตัวนางไว้ทันก่อนที่จะล้มลงกับพื้น เขาอุ้มนางไปพักที่โรงเตี้ยมใกล้ๆเพื่อให้นางฟื้นและจะพานางไปส่งที่เรือน ครั้งแรกที่ใต้เท้าโจเห็นใบหน้าที่งดงามของซินหยางเขาเองก็เกิดอาการใจสั่นแต่ก็พยายามที่จะห้ามใจตนเองเพราะเขายังมีฮูหยินที่แสนดีอยู่เคียงข้าง แม้รู้ดีว่าหากเขาเอ่ยปากขอมีฮูหยินรองนางเองก็ไม่ขัด แต่เขาเองก็มิอาจจะทำเช่นนั้น เขาจึงนั่งรอให้นางฟื้น
ซินหยางเมื่อฟื้นขึ้นมานางก็ต้องตกใจเพราะจู่ๆ นางมาอยู่ใตโรงเตี้ยมแถมยังมาอยู่ในห้องที่มีบุรุษอีกต่างหาก เมื่อนางได้สติก็ร้องลั่นออกมาหาว่าใต้เท้าโจไปล่วงเกินตนเอง
“ท่านเป็นใคร ใครก็ได้ช่วยข้าทีข้าถูกชายผู้นี้ลวนลามทำมิดีมิร้ายข้า” นางพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือใต้เท้าโจเห็นดังนั้นจึงรีบใช้มือปิดปากให้นางเงียบลง
“ชู่ แม่นางเจ้าเงียบก่อนข้าไม่มีเจตนาทำอันใดมิดีกับแม่นางแม้แต่น้อย แต่ที่มาอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งนี้เพราะแม่นางเกิดเป็นลมในตลาดข้าผ่านทางมาพอดีเห็นเข้าจึงช่วยเอาไว้ หากแม่นางไม่เชื่อข้าก็ถามกับลูกน้องของข้าได้” ใต้เท้าโจเมื่อสมัยยังหนุ่มๆ เขาเองก็มีใบหน้าที่หล่อเหลาไม่น้อย ทำให้ซินหยางเห็นก็เกิดตกหลุมรัก นางมองสำรวจทั่วร่างกายของนางเสื้อผ้าอาภรณ์ยังอยู่ครบ นางก็เลยพยักหน้าเพื่อส่งสัญญาณให้ใต้เท้าโจได้รู้ว่านางนั้นจะไม่ส่งเสียงร้องออกมา ใต้เท้าโจจึงได้ค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปากของนาง และถอยหลังให้ห่างนางออกมา ซินหยางมองดูใต้เท้าโจตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ก็รู้ในทันทีว่าบุรุษผู้นี้มิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน นางจึงคิดจะจับเขามาเป็นสามีเพื่อความสุขสบายที่นางตามหา
“ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ท่านอุตส่าช่วยข้าแท้ๆ แต่ข้าเกือบทำให้ท่านเดือดร้อน ข้ามีนามว่าซินหยางเป็นบุตรของชาวบ้านธรรมดาชีวิตของข้าช่างน่าสงสารที่วันนี้ที่ข้าเป็นลมหมดสติเพราะข้าไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวัน วันนี้หวังเพียงขายผักได้จะซื้อของอร่อยไปให้ท่านพ่อท่านแม่ได้กินข้าก็ต้องมาเป็นลมเสียก่อน ข้าต้องไปแล้วปานนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าคงจะรอนาน” ซินหยางอยากลองใจดูว่าบุรุษผู้นี้จะสนใจนางหรือไม่ นางจึงรีบลุกขึ้นกำลังจะเดินลงจากเตียงก็เซล้มลงอีกครั้งโชคดีที่ใต้เท้าโจเห็นก่อนและประคองนางไว้ในอ้อมกอด
“โธ่ ชีวิตเจ้าน่าสงสารยิ่งนักแถมเจ้ายังกตัญญูต่อบิดามารดา ทั้งๆ ที่เจ้าเองก็แทบไม่มีแรง เจ้านั่งลงพักก่อนเถอะนะ เดี๋ยวข้าจะซื้อให้อาหารให้เจ้ากลับไปกินกับครอบครัว “ใต้เท้าโจจับกายนางให้นั่งลงบนที่นอนอีกครั้งและหันไปสั่งคนใช้ของตนเองไปหาซื้ออาหารมาให้นางได้กินเพื่อที่จะได้มีแรง ไม่นานอาหารมากมายก็มาวางต่อหน้านาง
แววตาของนางจับจ้องไปที่อาหารที่มีราคาแพงทั้งชีวิตของนางก็แทบไม่เคยได้ลิ้มลองด้วยซ้ำ
“ทั้งหมดนี่ข้าซื้อให้เจ้ากินมันสิเจ้าจะได้มีแรง ส่วนของพ่อกับแม่เจ้าข้าได้ให้คนของข้าเตรียมไว้ให้หมดแล้ว ส่วนถุงนี่ข้าให้เจ้าไว้เพื่อดำรงชีวิตอาจจะไม่มากแต่ก็พอช่วยให้เจ้าได้พักผ่อนหลายวัน เจ้านั่งกินไม่ต้องเกรงใจข้าและพักให้หายเหนื่อยค่อยออกโรงเตี้ยมแห่งนี้ ข้าต้องขอกลับเรือนก่อนนี่ก็ใกล้จะตะวันตกดินแล้ว” ใต้เท้าโจที่กำลังจะลุกเดินออกไป ซินหยางก็ได้จับมือของเขาพร้อมคุกเข่าลงเพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจ
“ซินหยางติดหนี้บุญคุณท่านแล้วหากวันใดซินหยางมีจะคืนให้ท่านทุกตำลึงไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณของซินหยางนามว่ากระไร”
“ข้าเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยอยู่หมู่บ้านใกล้ๆ แถวนี้ ทุกคนต่างเรียกข้าว่าใต้เท้าโจ” พูดจบใต้เท้าโจก็ออกไปจากโรงเตี้ยมเพื่อกลับเรือน เมื่อซินหยางรู้ว่าบุรุษแสนดีผู้นี้เป็นใครใจนางก็แน่วแน่ว่าอย่างไรนางจะถวายตัวแก่เขาให้จงได้
หลายวันผ่านไปนางได้เดินทางมาที่หมู่บ้านใกล้ๆ และได้ถามชาวบ้านเกี่ยวกับใต้เท้าโจ ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าใต้เท้าโจเป็นคนดีมีเมตตา นางก็ยิ่งหลงรักเข้าไปใหญ่ นางได้ถามที่อยู่บ้านของใต้เท้าโจและเดินไปถึงเรือนหลังใหญ่ข้ารับใช้เต็มไปหมด นางยืนอยู่หน้าเรือนเช่นนนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับฮูหยินของใต้เท้าโจกลับมาจากตลาดพอดี นางจึงถามด้วยความห่วงใย
“ไม่ทราบว่าเจ้ามาหาผู้ใด แล้วทำไมไม่เข้าไปด้านใน อากาศช่างร้อนนักเดี๋ยวก็เป็นลมเอาได้” ซินหยางหันกลับไปมองต้นเสียงก็ต้องพบกับสตรีที่งดงามและแต่งกายด้วยเนื้อผ้าที่หายาก ดูก็รู้ว่านางมิใช่คนธรรมดาแน่นอน
“เอ่อ ...เอ่อ ข้ามาพบใต้เท้าโจเจ้าค่ะ” ซินหยางพูดจาติดๆ ขัดๆ เพราะเกรงกลัว
“มาหาท่านพี่สินะ เข้ามารอด้านในก่อนสิท่านพี่ไปที่วังหลวงนี่ก็จวนจะกลับแล้ว” นางมองดูดวงอาทิตย์ก่อนจะชวนให้ซินหยางเข้าไปเมื่อซินหยางได้ยินที่นางเรียกว่าใต้เท้าโจว่าท่านพี่จิตใจของนางก็เจ็บแปร๊บขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีฮูหยินที่แสนดีอย่างนี้อยู่เคียงข้าง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้รีบร้อนวันข้างหน้าข้าจะมาหาท่านใต้เท้าใหม่อีกครั้ง ข้าขอตัวนะเจ้าคะ” ซินหยางพูดจบพร้อมเดินลากขากลับหมู่บ้านของตนอย่างเจ็บปวด แม้รู้ว่าใต้เท้าโจมีฮูหยินคอยอยู่เคียงข้างแต่ทว่านางกลับตัดใจจากใต้เท้าโจไม่ได้เลย
หลายวันต่อมาใต้เท้าโจก็ได้เดินทางผ่านมาที่หมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้งเขาจึงเข้าไปถามกับชาวบ้านเพื่อถามหาซินหยาง ชาวบ้านเองก็รู้จักนางเป็นอย่างดี จึงชี้ให้ใต้เท้าไปที่เรือนของนางเพราะตอนนี้ดูเหมือนท่านพ่อท่านแม่ที่แก่เฒ่าของนางได้จากนางไปอย่างกะทันหัน เมื่อใต้เท้าโจได้ยินก็สงสารนางสุดหัวใจ เขาจึงเดินทางไปที่เรือนของ เมื่อมาถึงก็พบกับกระท่อมหลังน้อยซอมซ่อหากว่ามีพายุเข้ามาที่นี่คงพังเป็นแน่ เสียงสะอื้นไห้ที่ดังออกมาจากด้านในกระท่อมนั้นช่างบาดใจของใต้เท้าโจยิ่งนัก เขารีบเข้าไปด้านในก็พบกับซินหยางที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างกายท่านพ่อกับท่านแม่ของนาง ด้วยความที่เขานั้นเป็นคนจิตใจดี ใต้เท้าโจเดินเข้าไปลูบหลังของนางพร้อมปลอบโยนนางอย่างอ่อนโยน
สำหรับใต้ซินหยางแล้วใต้เท้าโจเปรียบเสมือนแสงสว่างที่เข้ามาในชีวิตของนางเมื่อตอนที่นางรู้สึกโดดเดี่ยว เมื่อฝ่ามืออุ่นๆ ของใต้เท้าโจสัมผัสบนกายนาง นางก็หันมามองผู้มาเยือนเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดนางก็ร่ำไห้ออกมา
“ข้าเสียใจด้วยนะ ที่เจ้าต้องมาเสียทั้งท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าในเวลาเดียวกัน”
“ใต้เท้าข้าไม่เหลือผู้ใดแล้ว ชีวิตของข้าตอนนี้ก็ไร้ความหมาย ข้าอยากตายเจ้าค่ะ อยากตายตามท่านพ่อกับท่านแม่ไป ฮื้อ” ซินหยางซบอกแกร่งของใต้เท้าโจ เขารู้ว่านางเสียใจจึงไม่ได้ว่าอันใดนางหากนางอยากซบเขาเองก็จะปล่อยให้นางซบอยู่เช่นนั้น
“ชีวิตของคนเราก็มีวันสิ้นสุดไม่มีผู้ใดที่อยู่เป็นอมตะได้หรอกนะ ไม่ข้าหรือเจ้าสักวันก็ต้องจากไปเช่นนี้ หากเจ้าไม่เหลือผู้ใดแต่เจ้าก็ยังคงเหลือข้าอยู่ ข้าจะเป็นคนจัดการกับร่างของท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าเอง “
“ข้าติดหนี้บุญคุณท่านอีกแล้ว”
“เจ้าไม่ได้ติดหนี้บุญคุณอันใดข้าเลย ที่ข้าทำเพราะข้าเต็มใจ เจ้าโปรดวางใจ” เมื่อพูดจบซินหยางก็ปาดน้ำตาและออกจากอกแกร่งอย่างเสียดาย ใต้เท้าโจก็ได้สั่งให้คนของเขาจัดการขุดหลุมเพื่อฝังร่างทั้งสอง ซินหยางซึ้งใจเป็นอย่างมาก นางจึงจะยอมถวายร่างกายของนางให้แก่ใต้เท้าโจ