บทที่ 15 ทวงความยุติธรรม
กัวเฉินนึกถึงวันที่องค์ชายทรงได้รับรายงานว่ามีผู้พบรถม้าแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ใต้หน้าผาสูง ศพของว่าที่เจ้าสาวที่พาดอยู่บนโขดหินและศพของสาวใช้คนสนิทของว่าที่พระชายาที่อยู่ในซอกหินห่างออกไป ทุกคนล้วนสรุปว่านี่เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับคนในราชวงศ์ในรอบหลายสิบปี หน้าผาที่รถม้าตกลงไปนั้นสูงชันยิ่ง ไม่ว่าสิ่งใดตกลงไปย่อมแหลกสลายอย่างไม่มีข้อสงสัย ทว่า...บริเวณโดยรอบนั้นกลับไม่พบซากศพม้าแม้สักตัว
องค์ชายสิบห้าทรงสังเกตเห็นว่าเชือกด้านหน้ารถม้าที่รุ่ยกระจายอยู่ตามหาดหินริมแม่น้ำนั้นมีสิ่งปกติซ่อนอยู่
“พวกเจ้าดูเก็บเชือกพวกนี้ใส่ห่อผ้ากลับไปด้วย”
คำสั่งขององค์ชายทำให้กัวเฉินกับจงเหยียนรู้สึกงุนงง แต่พวกเขารู้ว่าองค์ชายมิใช่ผู้ที่จะสั่งการโดยไร้เหตุผล ครั้นสังเกตให้ดีจึงได้รู้ว่าเชือกพวกนั้นมีร่องรอยถูกมีดคมกริบตัดขาด!
ท่าทีของใต้เท้าเผยนั้นมีความเสียดายที่ไม่อาจสานสัมพันธ์นับญาติกับราชวงศ์ได้สำเร็จ ส่วนในเรื่องคดีความคนผู้นั้นมิได้ใส่ใจเท่าใดนัก
“ในเมื่อรถม้าตกลงมาสูงขนาดนั้น พวกนางย่อมไม่รอดอยู่แล้ว อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ท่านแม่ของข้าถึงกับล้มป่วย พวกท่านจัดการตามสมควรเถิด ตระกูลเผยจะเร่งจัดงานศพให้บุตรสาวข้าให้เรียบร้อย”
หัวหน้ากองปราบเมืองหลวงพอจะคุ้นหน้าใต้เท้าเผยอยู่บ้าง เมื่อได้ยินขุนนางขั้นสามที่สามารถเข้าประชุมในท้องพระโรงเอ่ยเช่นนั้นก็พยักหน้ารับและรีบจัดการโดยเร่งด่วน ส่วนถังฮูหยินมีเพียงสีหน้าเรียบเฉยในยามที่ยืนดูโลงศพของคุณหนูใหญ่เผย แม้ยากจะตีความสีหน้าของนางแต่สิ่งที่องค์ชายสิบห้าทรงแน่พระทัยคือถังหนิงหวงมิได้มีความเสียใจอยู่แม้แต่น้อย
กัวเฉินกับจงเหยียนได้รับคำสั่งให้ตรวจตราเศษซากรถม้าอย่างละเอียด จากนั้นหมิงเฉิงอวี่ก็นำทางไปยังถนนบนหน้าผา
“หากม้าที่เทียมรถมานั้นตกลงไปตายกับพวกนางด้วย ข้าคงมิคิดสงสัย”
“ร่องรอยล้อรถคงถูกกลบเกลื่อนไปก่อนหน้านั้นแล้วพะยะค่ะ หาไม่แล้วเหล่ามือปราบคงตามหานางเจอตั้งนานแล้ว”
หัวหน้ามือปราบเมืองหลวงทูลรายงานต่อองค์ชายสิบห้าว่าในช่วงนั้นเกิดฝนตกติดต่อกันหลายวัน แม้จะไม่ตกหนักแต่ก็ทำให้ถนนลื่น รถม้าของว่าที่พระชายาคงวิ่งด้วยความเร็วสูงจนเชือกขาดและรถม้าตกลงจากหน้าผาสูง ที่หาร่องรอยล้อรถไม่เห็นเป็นเพราะฝนยังคงตกต่อเนื่องกันตลอดสองวันต่อมา ทำให้ร่องรอยรถสูญหายไป ซ้ำใต้ผานั้นยังมีหมอกขาวลอยต่ำๆ บังทัศนียภาพเบื้องล่างเอาไว้ทำให้มองไม่เห็นด้านล่าง กระทั่งส่งคนออกตรวจตรารอบๆ ในสองวันถัดมาจึงพบศพของพวกนาง
หมิงเฉิงอวี่ทอดพระเนตรบุรุษกลางคนตรงหน้าอย่างเอือมระอา การทำงานอย่างขอไปทีของคนผู้นี้ทำเอาพระองค์อยากจะเฉดหัวส่งนัก แต่ติดที่ยังหาความผิดซึ่งหน้าชัดเจนยังมิได้
“ใต้เท้าจวง ลูกน้องของท่านไม่พบร่องรอยน่าสงสัยอื่นใดเลยหรือ?”
“ไม่พบพะยะค่ะ ทางครอบครัวของว่าที่พระชายาก็มิได้ติดใจอันใด? ซ้ำยังบอกกล่าวให้กระหม่อมเร่งรีบปิดคดีเสียโดยเร็ว”
“เอาเถิด...ท่านสรุปตามที่ท่านเห็นก็แล้วกัน” ท่าทีของคนตระกูลเผยทำให้ องค์ชายสิบห้ารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ใต้เท้าเผยดูเหมือนมิได้ใส่ใจบุตรสาวผู้นี้นัก จากการสืบทราบก็มิเคยพาบุตรสาวคนโตออกงานที่ใดเลย มีเพียงบุตรสาวคนรองที่เกิดจากถังฮูหยินเท่านั้นที่ได้ติดตามไปงานเลี้ยงที่สำคัญต่างๆ
‘เผยมู่ซี ความจริงชีวิตเจ้าในจวนสกุลเผยก็คงไม่ราบรื่นนัก’
เดิมทีหมิงเฉิงอวี่ก็มิได้คิดจะใส่ใจการตายของนาง แต่เมื่อพบพิรุธแล้วผู้คนรอบข้างดูเหมือนจะกลบเกลื่อนเรื่องให้กลายเป็นอุบัติเหตุ แม้แต่การตามหาคนขับรถม้าเพื่อมาสอบสวนก็ยังไม่กระทำ พระองค์ก็รู้สึกทนไม่ได้นึกอยากจะทำสิ่งใดสักอย่างหนึ่งให้กับผู้ตาย....อา...ใช่! เรียกร้องความยุติธรรม!
องครักษ์กัวถูกมอบหมายให้ส่งคนไปสืบหาคนขับรถม้าคันนั้น ทว่าน่าแปลกยิ่งผ่านไปนับเดือนแล้วข่าวคราวก็เหมือนจะสลายไปราวสายหมอก
“หม่อมฉันส่งไปคนตามถึงเรือนของคนขับรถม้าแล้วพะยะค่ะ ทางครอบครัวก็ว่าเขามิได้กลับไป ซ้ำยังไม่ส่งเงินช่วยเหลือรายเดือนอีกด้วย”
“ป่านนี้มิใช่จะถูกฆ่าปิดปากไปด้วยหรือ?”
“ในจวนสกุลเผยคงมีเรื่องซับซ้อนนักพะยะค่ะ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ทำกับว่าที่พระชายาราวกับเป็นเพียงศพสาวใช้ผู้หนึ่งเช่นนี้”
หมิงเฉิงอวี่ผงกศีรษะเห็นด้วย งานศพของนางเป็นไปอย่างเงียบเหงาและ รีบร้อน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ล้มเจ็บไม่อาจจะมาส่งหลานสาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกลับออกจากจวนสกุลเผย กัวเฉินได้ยินสาวใช้สองนางเอ่ยถึงความสัมพันธ์ภายในสองสามประโยคจึงได้จำกลับมากราบทูล
“หากถังฮูหยินอยากให้เผยหนิงเอ๋อร์อภิเษกกับข้าจนยอมฆ่าเผยมู่ซี เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่จบโดยง่าย”
แม้จะคาดการณ์เช่นนั้นแต่เรื่องราวก็เงียบไปนับเดือน องค์ชายสิบห้าเอง ก็มิได้ไว้วางใจทรงคาดว่าถังฮูหยินคงจะมิยอมให้โอกาสหลุดลอยไปจากบุตรสาวของตนโดยง่าย ไม่นานนักใต้เท้าเผยก็แย้มพรายความประสงค์ออกมาจริงๆ
“ข้าแค่ไม่คาดคิดว่าใต้เท้าเผยจะกล้าเอ่ยปากเรื่องนี้หลังบุตรสาวคนโตตายไปเพียงเดือนเดียว”
“องค์ชายต้องไม่ทรงลืมว่าโอกาสที่ตระกูลเผยซึ่งเป็นเพียงครอบครัวขุนนางขั้นสามจะส่งบุตรสาวเข้ามาเป็นพระชายาเอกของพระองค์ได้นั้นยากยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขา หากมิใช่เพราะสัญญาระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลเห็นทีแม้แต่จะเอาภาพบุตรสาวมาเสนอให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรก็ยังไม่มีนะ พะยะค่ะ”
“จริงของเจ้า! เห็นทีข้าคงต้องตัดวาสนากับตระกูลเผยให้ขาดสะบั้น มิฉะนั้นข้าคงจะมีท่านพ่อตาที่น่ารังเกียจคอยทำให้อารมณ์เสียไปชั่วชีวิต”
ครั้งที่หมิงเฉิงอวี่เสด็จไปงานศพของเผยมู่ซี ถังฮูหยินผลักดันให้เผยหนิงเอ๋อร์บุตรสาวคนโตของนางมาคอยยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่ข้างพระองค์ ท่าทีเช่นนี้มิใช่เขาจะดูไม่ออกว่านางอยากยัดเยียดเผยหนิงเอ๋อร์ให้เขาเพียงใด? ความรู้สึกรังเกียจ เอ่อท้นขึ้นมาอีกครา
...การเป็นบุคคลที่อยู่วังวนแห่งอำนาจและเงินตรา หากบุคคลใกล้ชิดไร้ซึ่งคุณธรรมย่อมนำพาความฉิบหายมาโดยง่าย...
องค์ชายสิบห้านึกถึงสิ่งที่ชินอ๋องพระเชษฐาองค์ที่ห้าทรงสั่งสอน ตระกูลฟ่าน ของพระชายาเอกของชินอ๋อง ล้วนเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมจึงทำให้ครอบครัวของชินอ๋องเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของฮ่องเต้ แต่หากพระองค์ทรงอภิเษกกับคนตระกูลเผยจริงก็คงจะพบเจอกับหายนะไม่ช้าก็เร็ว!
...จะว่าไปการตายของเผยมู่ซีทั้งเป็นเรื่องที่พระองค์ดีใจและเศร้าใจในคราวเดียวกัน...ดีใจที่ไม่ต้องตบแต่งเอาคนสกุลเผยเข้ามาเกี่ยวข้องกับสกุลหมิง เศร้าใจที่การตายของนางไม่ต่างจากคนไร้ค่าผู้หนึ่ง
“องค์ชาย เหตุใดจึงคิดอยากดูภาพนางยามนี้เล่าพะยะค่ะ?” จงเหยียนแปลกใจที่หมิงเฉิงอวี่ทรงค้นหาม้วนภาพที่แม่สื่อนำมามอบให้ เขาจำได้ว่าครานั้นแม้แต่จะเหลือบตาแลองค์ชายก็ยังไม่ทำแต่คราวนี้กลับทำท่าเหมือนนึกอยากจะเห็นหน้าว่าที่พระชายาขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน ทว่าเมื่อคลี่ดูหลายภาพแล้วเห็นว่ามิใช่ก็ม้วนภาพทิ้งลงไปในกล่องไม้ดังเดิม
“เจ้ารู้ใจข้านัก! ข้าเพียงแต่เศร้าใจที่นางตายอย่างไร้คนเหลียวแลจึงอยากจะเห็นรูปโฉมของนางเสียหน่อย” ระหว่างที่เอ่ยก็ทรงคลี่พบภาพของเผยมู่ซีพอดี รูปร่างของนางอ้อนแอ้น ใบหน้านับว่ามีลักษณะดีอยู่มากแม้จะดูไม่งดงามอ่อนหวาน ดวงตาของนางเป็นประกายสุกใสดูซุกซนแต่ซ่อนแววอ้างว้างอยู่ในที
‘ข้ามิได้ตั้งใจรังเกียจเจ้า หากแต่เป็นเพราะคนในตระกูลของเจ้าช่างดูจะเป็นชนวนนำพาอันตรายมาสู่ข้า...ขอให้เจ้าไปสู่ภพภูมิที่ดีเถิดเผยมู่ซี ระหว่างเจ้ากับข้ามิได้มีวาสนาต่อกัน แต่ข้าก็จะทวงความยุติธรรมให้เจ้าให้ถึงที่สุด’
*************************
ไรท์แนะนำ....นิยายที่เกี่ยวพันกับเรื่่องนี้ ภาค 1 "ท่านอ๋องอย่าคิดหนี" ภาค 3 "ท่านอ๋องกับชายาหมี" ภาค 4 "ท่านหญิงจีจอมพลัง" และ ภาค 5 "ซือซือฮองเฮาพันโฉม"