บทที่ 16 เงื่อนงำการตาย
“มีคนนินทาข้าอยู่หรือเปล่านี่?” เผยมู่ซีรู้สึกว่าขนแถวหลังคอคล้ายมีคนเป่าเบาๆ จนลุกชัน นางชะงักมือที่ถือพู่กันอยู่หนึ่งก่อนจะหันซ้ายหันขวา หลายวันมานี้องค์ชายสิบห้ากลับเมืองหลวง ตัวนางเองก็ทำงานอย่างแข็งขันจนผนังแรกวาดเสร็จเรียบร้อยจึงขยับมาวาดที่ผนังที่สองที่อยู่ติดกัน
หลูเหวินหย่วนชื่นชมในฝีมือของชิงหลานจึงอนุญาตว่าหากนางสามารถวาดเสร็จเร็วก็ทำส่วนที่เขารับผิดชอบไปได้เลย
“หากมีเจ้าอยู่ แม้ส่วนงานของเราจะมากกว่าชั้นบนแต่ก็คงจะเสร็จพร้อมกันกับพวกเขาได้ เช่นนี้ข้าก็เบาใจแล้ว”
“ท่านหลู ชุมนุมจิตรกรไม่ส่งคนมาช่วยพวกท่านเพิ่มหรือเจ้าคะ?”
“ยามนี้งานมีมากนัก พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนรับงานไปก่อนหน้านี้กันหมดแล้ว หากจะหันมาช่วยพวกข้าก็คงลำบาก ทีแรกคิดว่าหากงานของพวกข้างบนเสร็จก่อน ข้าจะขอร้องให้พวกเรามาช่วยแบ่งงานข้างล่างไปด้วย ถึงอย่างไรค่าจ้างในการวาดภาพ อาจารย์จ้าวก็ล้วนพิจารณาตามผลงานทั้งนั้น เจ้าก็รู้ว่าฝีแปรงในการวาดภาพของจิตรกรทุกคนล้วนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะโกหกเช่นใดอาจารย์จ้าวก็ย่อมแยกแยะได้” จิตรกรหลูชี้ให้นางดูฝีแปรงของตนกับของนาง ซึ่งเมื่อมองเปรียบเทียบกันแล้วทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
เผยมู่ซีพยักหน้า “ในเมื่ออาจารย์จ้าวคุ้นชินฝีมือพวกท่านทุกคน เช่นนั้นก็ไม่เกรงว่าจะมีการเอาเปรียบกันแล้ว”
“เจ้าวางใจได้ ทุกผลงานของเจ้าต้องได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าแน่”
เด็กหญิงยิ้มกว้าง นางมิได้วาดภาพเลียนแบบไปขายอีกเพราะแค่เดินทางมาวาดภาพฝาผนังก็ใช้พลังกายกับพลังใจไปมากแล้ว จังฮูหยินตั้งแต่ได้ยินอาจารย์จ้าวรับรองว่าบุตรสาวของตนจะได้ค่าจ้างวาดภาพฝาผนังก็เร่งบำรุงร่างกายนางมากขึ้น แต่ละวันนางกินทั้งไข่และเนื้อในปริมาณที่มาก เมื่อวานนี้นางเริ่มรู้สึกว่าร่างกายไม่หนักและล้าเหมือนแต่ก่อน การนอนยามบ่ายก็ลดเหลือเพียงแค่หนึ่งชั่วยามก็กระปรี้กระเปร่าแล้ว วันนี้นางตั้งใจกลับจวนหลังยามเว่ย* งานของนางก็จะได้คืบหน้ามากกว่าเดิม
“เพิ่งผ่านไปไม่นาน ข้ารู้สึกว่าเจ้าดูอ้วนท้วนขึ้นอีกแล้ว”
“ท่านหลูล้อข้าอีกแล้ว ข้าเพิ่งมีแก้มขึ้นมานิดเดียวเอง” นางยกมือซ้ายขึ้นลูบแก้มที่เริ่มป่องขึ้นของตนเอง อีกไม่นานเอาไว้เนื้อหนังนางหายเหลวเมื่อใดนางจะเริ่มออกกำลังกายและหาหนทางกลับไปฝึกวิทยายุทธ์สักหน่อย ยิ่งอยู่ห่างเมืองหลวงก็ยิ่งต้องระวังความปลอดภัย นางเคยได้ยินว่าตามหัวเมืองมักจะมีพวกโจรถ่อยแอบแฝงอยู่ จวนของนางมีคนอยู่เพียงสี่คน บุรุษก็มีเพียงผู้เดียวคือเหล่าลู่ หากเกิดอันตรายขึ้นมาผู้ใดจะปกป้องจังฮูหยินกัน? ยามนี้นางอุตส่าห์มีท่านแม่เป็นของตนเองจะปล่อยให้ผู้ใดมาข่มเหงรังแกมิได้
“ท่านหลู องค์ชายทรงกลับเมืองหลวงตั้งหลายวันแล้วยังไม่เห็นกลับมา ไม่รู้ว่าพระองค์มีราชกิจมากนักหรือไรกัน?”
จิตรกรหนุ่มที่เดินจากชั้นลองลงมาสมทบ ครั้นได้ยินชายวัยกลางคนทั้งสองสองถามกันจึงเอ่ยขัดขึ้น “ข้าน้อยได้ยินว่าทรงได้รับการเสนอว่าที่พระชายาองค์ใหม่อีกแล้วน่ะสิ คนเก่าก็เพิ่งจะตายไปคนใหม่ก็ถูกเอามาให้เลือกเสียแล้ว ดูท่าบรรดาขุนนางคงอยากจะมาดองญาติกับวังพยัคฆ์ขาวเสียเต็มแก่”
“ตระกูลใดจึงกล้าเสนอตัวเร็วเช่นนี้?”
“สกุลเผยน่ะสิ! เห็นอ้างว่าคำสัญญาเดิมยังมีผลอยู่ ในเมื่อพระสนมจูทรงรับปากจะให้ตบแต่งแล้ว องค์ชายก็ควรจะแต่งกับคุณหนูสกุลเผยเช่นเดิม”
หลูเหวินหย่วนส่ายหน้า “พวกเขาใจร้อนเกินไปจริงๆ บุตรสาวคนโตเพิ่งจะตกเขาตาย นี่ยังคิดจะเสนอบุตรสาวคนรองให้องค์ชายอีกแล้ว”
จิตรกรหนุ่มหย่อนร่างลงนั่งยาวรอบราวระเบียงวิหาร “ท่านหลูอย่าลืมสิว่าใต้เท้าเผยเป็นคนเช่นใด? เรื่องจะได้ประโยชน์กระโจนเข้าใส่ไม่รอรี ข้าคิดว่าครั้งนี้องค์ชายสิบห้าคงรีบกลับไปหาวิธีปฏิเสธให้เด็ดขาด”
“ข้าเคยได้ยินคนพูดกันว่าองค์ชายสิบห้ารังเกียจสตรีสกุลเผยยิ่งนักถึงกับประกาศต่อหน้าพระสหายร่วมโต๊ะในภัตตาคารบึงหงส์” จิตรกรวัยกลางคนเอ่ยขึ้น
หลูเหวินหย่วนที่ทำงานรับใช้องค์ชายมาหลายงานจึงรีบหันไปปราม “พวกเจ้าอย่าได้วิจารณ์กันเอิกเกริกไป การตายของว่าที่พระชายาเอาเข้าจริงๆ แม้จะกล่าวกันว่าเป็นอุบัติเหตุแต่ยังไม่กระจ่างนัก เรื่องการอภิเษกสมรสกับคนใหม่องค์ชายอาจจะทรงชะลอไปก่อน”
เผยมู่ซีที่ทั้งวาดทั้งแอบฟังได้ยินจิตรกรหลูพาดพิงถึงการตายในชาติที่แล้วของตนเองก็ตระหนกจนพู่กันแทบจะพลัดจากมือ นางรีบหันหน้ามาหาชายวัยกลางคนที่พูดราวกับรู้เบื้องหลังทันที
“ท่านหลู เกิดเรื่องอะไรกับว่าที่พระชายาหรือเจ้าคะ?”
หลูเหวินหย่วนถอนหายใจยาว มองหน้าเด็กหญิงตรงหน้า “เบื้องหลังการอภิเษกสมรสครั้งนี้กล่าวกันว่าเป็นเพราะคำสัญญาระหว่างสองตระกูล อาจจะมีผู้ไม่หวังดีทำให้เรื่องนี้พลิกผัน ใช่ว่าตระกูลอื่นจะไม่หวังเสนอบุตรสาวเข้ามาเป็นว่าที่พระชายาเสียเมื่อใด? ทว่าใต้เท้าเผยอาศัยเล่ห์เพทุบายจึงทำให้องค์ชายตกที่นั่งลำบากจำยอมอภิเษกกับคุณหนูใหญ่เผย ในวันที่มือปราบไปตรวจซากศพและรถม้าที่แตกกระจายอยู่ใต้ผาสูง เกิดคำซุบซิบขึ้นมาว่าบางทีนั่นอาจจะมิใช่อุบัติเหตุ”
เผยมู่ซีผงะ ใบหน้าของนางซีดเซียวลงในบัดดล...จริงสิ! ตอนที่วิญญาณของนางออกมายืนดูซากคนและรถม้าก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน ไม่มีศพม้าหรือศพคนขับรถม้า มีแต่เพียงนางและเยว่หยวนชุนที่ตกลงมาตาย หากว่ามีผู้วางแผนเอาไว้เล่า? มิเท่ากับว่านางถูกฆาตกรรมหรอกหรือ?
“ครอบครัวของพระชายาทำเช่นใดบ้างหรือไม่?”
“พวกเขาน่ะหรือ? ไม่เห็นมีผู้ใดแสดงความสงสัยในเรื่องนี้...พวกเขาล้วนอยากจะจัดงานศพคุณหนูใหญ่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ข้าเองก็ได้ไปร่วมงานนี้ในฐานะที่เคยช่วยงานฮูหยินผู้เฒ่าตั้งแต่วัยหนุ่ม แต่ไปถึงงานแล้วฮูหยินผู้เฒ่ากลับออกมาร่วมงานมิได้เพราะเสียใจจนล้มป่วย”
เผยมู่ซีมองดูสีหน้าของจิตรกรหลูด้วยความเศร้าสลด ท่านย่าผู้น่าสงสารของนางคงไม่อาจทำใจกับความสูญเสียนี้ได้ ในตอนที่นางจำต้องรับฐานะว่าที่เจ้าสาวด้วยความขมขื่นใจมีเพียงท่านย่าที่ปลอบประโลมนางเอาไว้ให้มองการอภิเษกสมรสใน ครั้งนี้ว่าเป็นโอกาสที่ดี
“วันหน้าจวนสกุลเผยต้องตกเป็นของหลิ่งเอ๋อร์ การที่เจ้าตบแต่งไปกับ องค์ชายสิบห้ามิใช่จะเป็นเรื่องเลวร้ายไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยที่ย่าสืบรู้มาองค์ชายผู้นี้แม้จะมีสนมรับใช้อยู่สองนางแต่ก็ยังมิเคยตบแต่งชายาสักคน การที่เจ้าได้เป็นพระชายาเอกก็เป็นสิ่งรับประกันว่าตัวเจ้าจะได้อยู่ในวังพยัคฆ์ขาวอย่างมีหน้ามีตา และไม่ต้องกลัวว่าจะมีผู้ใดรังแก” หลิ่งเอ๋อร์ที่ท่านย่าเอ่ยถึงก็คือเผยลู่หลิ่งบุตรชายของถังฮูหยิน น้องต่างมารดาของเผยมู่ซีที่นางไม่เคยผูกมิตรได้เลย
ในแคว้นหมิงนั้นองค์ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน เรียงลำดับไปจากพระชายาเอก พระชายารอง ชายาเอก และชายารอง ส่วนนางสนมที่กึ่งเป็นนางกำนัลนั้นสามารถมีได้หลายคน แต่หลังจากที่องค์ชายอภิเษกสมรสแล้วนางเหล่านั้นก็มักจะได้รับอนุญาตหรือถูกพระชายาเอกผลักดันให้ออกเรือนไป การที่องค์ชายทั้งหลายจะมีนางสนมหลายคนก่อนอภิเษกนับเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งองค์ชายสิบห้าที่บัดนี้อายุล่วงไปยี่สิบสองปีแล้ว การมีสนมเพียงสองนางนับว่าน้อยนัก
หลูเหวินหย่วนมองเห็นชิงหลานสีหน้าไม่ค่อยดีนักก็รีบโบกมือโบกไม้
“ไอหยา! ข้าเล่าเรื่องเศร้าให้เจ้าฟังเสียแล้ว จะอย่างไรคนก็ตายไปแล้ว แต่คนที่อยู่นี่สิ...ต้องแก้ปัญหาอีกมากมาย”
“ท่านหลู ท่านคิดว่านางถูกคนฆ่าจริงหรือไม่?”
“ข้ามิได้เห็นกับตาจะพูดจาซีซั้วคงไม่ดีนัก...เรื่องนี้ปล่อยให้สำนักมือปราบเมืองหลวงจัดการไปเถิด ส่วนองค์ชายสิบห้าข้าพอจะดูออกพระองค์มิค่อยพอพระทัยสกุลเผย”
จิตรกรหนุ่มได้ยินคำถ้อยวิเคราะห์ของจิตรกรหลูก็ยื่นหน้าเข้ามา ลดเสียงเบาลงก็แทบจะเป็นกระซิบ “แต่ข้าได้ยินคนนินทากันว่าการตายของคุณหนูใหญ่เผยมีเงื่อนงำนัก ไม่แน่ว่าคนฆ่าอาจจะเป็นฝ่ายที่ถูกบังคับให้แต่งงานหรืออาจจะเป็นการชิงดีชิงเด่นในตระกูลของนางเองก็ได้!”
----------------------------------------------------------------------------------
*ยามเว่ย เวลา 13.00-14.59 น.