บทที่ 13 จิตรกรหลวงจ้าวอี้หลง
ผ่านไปสองวันด้วยความโล่งอก เผยมู่ซีไม่ต้องคอยหันซ้ายหันขวาอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าองค์ชายสิบห้ามิได้มาคอยจับผิดตนเองอีกนางก็รู้สึกสบายใจ ตั้งหน้าตั้งตาวาดภาพอย่างว่องไว ฝีแปรงที่คม เส้นสายเรียวเล็กและชัดเจนของนางทำให้จิตรกรจากหอชั้นบนพากันลงมายืนชื่นชมอยู่ไม่ขาด พวกเขาอาศัยยามพักมือเดินลงมาดูนางตวัดพู่กันด้วยความสนใจ
“เจ้าอายุน้อยแต่กลับมีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ เห็นทีต่อไปพวกเราคงจะกลายเป็นหมาหัวเน่าเสียแล้ว”
“ดูการตวัดพู่กันของนางสิ เต็มไปด้วยความมั่นใจ คม ชัด ฉับไวเหลือเกิน”
“แม่หนูน้อย เจ้าเก่งเช่นนี้ฝึกฝนอีกสักหน่อยก็คงเป็นจิตรกรหลวงได้สบาย”
พวกเขาล้วนยืนวิพากษ์วิจารณ์อยู่ข้างหลังนางอย่างออกรส ในขณะที่นางรู้สึกได้รับพลังอย่างมากเมื่อได้รับการถ่ายทอดรับสั่งขององค์ชายจากจิตรกรหลู
“เงินค่าจ้างหรือเจ้าคะ?”
“ใช่ๆ องค์ชายรับสั่งว่าหากเจ้าทำงานได้เป็นที่พอพระทัยจะพระราชทานรางวัลให้เจ้าด้วย”
ใบหน้าของเผยมู่ซีเบิกบานยิ่งขึ้นไปอีก...คำว่า ‘เงินรางวัล’ ช่างสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้นางเสียยิ่งกว่าสิ่งใด นางรีบมุ่งมั่นวาดภาพขั้นที่สองอย่างว่องไว ภาพที่นางและจิตรกรจากชุมนุมต้องรับผิดชอบนั้นล้วนเป็นภาพทิวทัศน์แคว้นหมิง ขุนเขา ลำธาร แมกไม้ในเขตเทือกเขามังกรทะยานที่ทอดตัวเป็นกำแพงธรรมชาติขวางระหว่างแคว้นหมิงกับแคว้นเว่ยและแคว้นจิน เต็มไปด้วยพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ เผยมู่ซียังมิเคยเดินทางไปถึงชายแดนเทือกเขาเลยสักครา ยิ่งวาดนางก็ยิ่งนึกอยากจะเห็นเทือกเขาอันลือลั่นแห่งนี้
เมื่อทรงทราบว่าเด็กหญิงนางนั้นจำต้องกลับจวนสกุลชิงเพื่อไปนอนพักผ่อนในยามบ่าย องค์ชายสิบห้าจึงทรงพาอาจารย์จ้าวที่เพิ่งเดินทางมาถึง เร่งรุดไปยังวิหารเก้าเทพเพื่อจะได้เจอตัวชิงหลาน ทว่ากว่าจะไปถึงวัดก็เลยเวลาเที่ยงวันไปแล้ว หมิงเฉิงอวี่ได้แต่คิดว่าชะรอยเด็กหญิงผู้โอหังผู้นั้นคงไม่มีวาสนาได้พบกับจิตรกรจ้าวเสียแล้ว
“เอ๊ะ! นางยังไม่กลับหรอกหรือ?” เมื่อมองไปยังล่างของวิหาร ยังมองเห็นร่างผอมบางก้มๆ เงยๆ อยู่ที่มุมผนังในส่วนที่นางรับผิดชอบอยู่ องค์ชายสิบห้าสาว พระบาทเร็วกว่าเดิม “เร็วเข้าอาจารย์จ้าว! เปิ่นหวางอยากให้ท่านได้พบกับคนผู้นี้”
“ผู้ใดกัน? จึงทำให้องค์ชายทรงตื่นเต้นถึงเพียงนี้”
หมิงเฉิงอวี่หยุดอยู่ผนังใหญ่ชั้นหนึ่ง
“เด็กคนนี้น่ะหรือ?” จ้าวอี้หลงมองนางวาดเส้นอย่างว่องไวราวกับจิตรกรที่ฝึกฝนมาแล้วนับสิบปี เส้นสายและฝีมือของนางช่างคุ้นตานัก...จิตรกรวังหลวงนึกทบทวนอยู่ครู่แล้วพลันตะลึง....
“แม่หนูน้อย เจ้าวางพู่กันสักครู่ได้หรือไม่?”
เสียงที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้สมาธิของเผยมู่ซีแตกกระเจิง มือที่ถือพู่กันชะงักอยู่ครู่ก่อนจะหันกลับมายังต้นเสียง ใบหน้าที่นางเงยขึ้นเห็นนั้นทำเอาเผยมู่ซีแทบจะหงายหลัง
“ท่านอาจารย์!”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นี้เป็นอาจารย์?” องค์ชายสิบห้าเลิกพระขนงข้างหนึ่ง มองเด็กหญิงผู้โอหังด้วยความแปลกพระทัย
อาจารย์จ้าวยิ้มให้นางอย่างมีเมตตา เผยมู่ซีจึงได้สติ รีบลุกขึ้นปัดเนื้อตัวให้สะอาดแล้วแสดงคารวะผู้มาใหม่
“ข้าเดาจากการแต่งกายและท่าทางอันภูมิฐานว่าท่านนี้ย่อมเป็นอาจารย์จากสำนักศึกษาที่สำคัญสักแห่งเป็นแน่ ข้าน้อยชิงหลาน เป็นคนอำเภอเฉินเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบแต่ไม่ยอมหันไปสบสายพระเนตรดุขององค์ชาย
“นี่คืออาจารย์จ้าวอี้หลงจากสำนักจิตรกรหลวงจะเป็นผู้ตรวจและประเมินภาพวาดทั้งหมดว่าสมควรจะปรับปรุงแก้ไขส่วนใดหรือไม่? ผลงานของเจ้าเป็นเช่นใดแล้ว?” เมื่อเห็นท่าทางที่ดูคล้ายรังเกียจตนของเด็กหญิงแล้ว หมิงเฉิงอวี่ก็ทรงหงุดหงิด พระองค์ไม่รู้ว่าเหตุใดทุกครั้งที่พบนางก็จะรู้สึกอึดอัด? แต่ก็ยังอยากจะดูท่าทีของนางอยู่ดี
“เจ้าเป็นเด็กอายุไม่เท่าใดแต่กลับวาดภาพได้ถึงขนาดนี้ ร่ำเรียนมาจากผู้ใดกัน?”
เผยมู่ซีอึกอัก นางนึกอยากจะตอบว่า...ก็ท่านนั่นล่ะ! แต่จะเป็นไปได้อย่างไร? ยามนี้นางอยู่ในร่างของชิงหลานที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้าอาจารย์จ้าว นางกราบขออภัยอาจารย์ของตนในใจก่อนจะเอ่ย
“ข้าฝึกจากหนังสือสอนวาดภาพที่ถูกทิ้งไว้ในจวนและภาพเลียนแบบจิตรกรชั้นนำเจ้าค่ะ”
“ไอหยา! เจ้าไม่มีอาจารย์สอนสั่งแต่กลับวาดได้มีพลังเช่นนี้ นับว่าเป็นพรสวรรค์อันหาได้ยากยิ่ง” จ้าวอี้หลงตะลึงในคำตอบ ด้านข้างของเด็กหญิงมีสาวใช้มายืนพยักหน้าให้รู้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นล้วนเป็นความจริง ผู้อาวุโสแห่งสำนักจิตรกรหลวงกวาดตามองไปยังผนังที่นางวาดไปได้ค่อนข้างมากแล้ว คิ้วของเขาขมวดมุ่นเข้าหากัน ฝีมือของนางช่างคล้ายกับศิษย์สาวผู้ล่วงลับ ลักษณะการพูดจาก็ดูเชื่อมั่นและเย่อหยิ่งดุจเดียวกัน อาจารย์จ้าวเห็นเด็กหญิงตรงหน้าแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคุณหนูเผยผู้นั้น
ชิงหลานคุกเข่าลงในทันที “หากอาจารย์จ้าวเมตตารับข้าน้อยเป็นศิษย์จักเป็นวาสนาอันสูงส่งของข้าน้อย”
จ้าวอี้หลงผงะนางทำราวกับรู้ว่าตัวกำลังคิดอยากจะรับนางเป็นศิษย์อยู่พอดี แต่หากให้คนระดับหัวหน้าสำนักจิตรกรหลวงเอ่ยปากก่อนก็ดูกระไร? แต่นี่นางกลับคุกเข่าขอคำนับเขาเป็นอาจารย์....จะปฏิเสธได้อย่างไร?
“หากเจ้าตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ ข้าก็ยินดีนัก ฝีมืออย่างเจ้าขอเพียงได้รับการส่งเสริมอีกสักหน่อยก็กลายเป็นหนึ่งในสำนักจิตรกรหลวงได้ไม่ยาก”
“หือ! สำนักจิตรกรหลวงอนุญาตให้สตรีเข้าอยู่ในสังกัดได้ด้วยหรือ?”
อาจารย์จ้าวหันมากราบทูลองค์ชายในทันที “แม้มิเคยรับมาก่อนก็มิได้มีข้อห้ามมาก่อนเช่นกันพะยะค่ะ กระหม่อมจะฝึกฝนนางให้ดีก่อน จากนั้นค่อยกราบทูลให้ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัย”
หมิงเฉิงอวี่ทรงหันมามองใบหน้าซูบเซียวที่ดูดีขึ้นกว่าคราวก่อนของเด็กหญิง “เปิ่นหวางได้ยินว่าเจ้าต้องกลับไปดื่มยาและพักผ่อนในยามบ่ายมิใช่หรือ?”
เผยมู่ซีนึกเคืองบุรุษตรงหน้า...นี่มิใช่ว่าเขาคิดจะจับผิดนางดอกกระมัง?
“เพคะ แต่หม่อมฉันก็วาดภาพได้เท่ากับที่ผู้อื่นทำตลอดสามวันเช่นกัน”
องค์ชายสิบห้าทรงหันมาทอดพระเนตรเด็กหญิงเต็มสองพระเนตร
“เปิ่นหวางมิใช่คนใจคอคับแคบ ขอเพียงเจ้าทำงานให้สำเร็จตามที่กำหนดไว้ก็เพียงพอแล้ว เรื่องที่เจ้าจะพักเวลาใดมิใช่เรื่องที่เปิ่นหวางใส่ใจ”
“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตาเพคะ” นางก้มหน้าตอบ หมิงเฉิงอวี่เอียงศีรษะเล็กน้อย นี่นางประชดเขาเช่นนั้นหรือ?
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่โอหังเสียจริง!”
จ้าวอี้หลงเห็นว่าคนทั้งสองเหมือนจะชะตาไม่ต้องกัน เกรงว่าชิงหลานจะทำให้องค์ชายทรงอารมณ์เสียจึงรีบตัดบท
“ชิงหลาน เจ้าช่างผอมแห้งแรงน้อย ปีนี้อายุเท่าใดแล้ว?” อาจารย์จ้าวประเมินจากรูปร่างนางแล้วไม่น่าจะเกินสิบสองปี ช่างเด็กเหลือเกิน....
“เดือนหน้าข้าก็จะครบสิบสี่ปีแล้วเจ้าค่ะ”
“หา!” บุรุษทั้งสองวัยอุทานออกมาพร้อมกัน ทว่าพระสุรเสียงขององค์ชายกลับทำให้เผยมู่ซีรู้สึกขุ่นเคือง ในขณะที่เสียงอุทานประหลาดใจของอาจารย์จ้าวทำให้นางรู้สึกว่าตนเองควรต้องทำให้ผู้อาวุโสคลายความห่วงใยลง
“ท่านอาจารย์ที่ข้าน้อยตัวเล็กเช่นนี้เป็นเพราะเจ็บป่วยเรื้อรังมาหลายปี ต้องรักษาตัวอยู่ในเรือนมาตลอดจึงไม่อาจเจริญเติบโตได้อย่างเด็กคนอื่น เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยลุกเดินเหินได้สะดวกเมื่อไม่นานมานี้เจ้าค่ะ ดังนั้นข้าน้อยจึงยังต้องกลับไปจวนดื่มยานอนพักผ่อนในยามบ่ายจนกว่าร่างกายจะแข็งแรง”
จ้าวอี้หลงกวาดตามองชิงหลานตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูเหมือนว่านางจะยังรูปร่างโซกว่าคนในวัยเดียวกันอยู่มาก “สวรรค์ก็ไม่ไร้เมตตาเสียทีเดียว แม้ร่างกายของเจ้าจะเจ็บป่วยแต่ก็ยังประทานความสามารถอันน่าอัศจรรย์มาให้ แล้วนี่ก็ล่วงเข้ายามบ่ายแล้วเจ้าก็รีบกลับไปดื่มยาเสียเถิด ข้ายังพักอยู่โรงเตี๊ยมอีกวัน พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาคารวะข้าเป็นอาจารย์ เชิญท่านแม่ของเจ้ามาด้วยล่ะ”
**************************
ไรท์แนะนำ...นิยายที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้คือ ภาค 1 "ท่านอ๋องอย่าคิดหนี" ภาค 3 "ท่านอ๋องกับชายาหมี" ภาค 4 "ท่านหญิงจีจอมพลัง" และภาค 5 "ซือซือฮองเฮาพันโฉม"