9
เธอกลับมาที่ไร่กลีบเมฆหลังจากไม่ได้มาที่นี่หลายเดือน ความทรงจำเก่าๆ วนเวียนเข้ามาในสมองอีกครั้ง ที่นี่มีแขนภา เธอเข้ามาอยู่ที่ไร่ของทัศกรในฐานะคนรัก ส่วนครอบครัวของแขนภานั้นเป็นมายังไงเธอไม่เคยรับรู้ และไม่เคยเห็นคุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยถามด้วยเช่นกัน เธอคิดไปว่าผู้มีพระคุณของเธอ คงไม่ได้สนใจเรื่องฐานะชาติตระกูลหรืออะไรเหมือนดังเก่าก่อน ที่สำคัญก็คือไม่อยากตัดขาดจากลูกหลานอีกต่อไปแล้ว
ตอนแขนภาเห็นท้องของกานพลูนั้นเธอมีท่าทีตกอกตกใจ เหมือนเห็นสิ่งแปลกประหลาดเสียอย่างนั้น พออยู่กับแฟนหนุ่ม แขนภาจึงเอ่ยถามทัศกรเรื่องของกานพลู
“ภูเขาคะ นาง... เอ๊ย! แม่กานพลูคนสนิทของย่าคุณท้องกับใครคะ”
“คุณสนใจด้วยเหรอครับ ท้องกับใครก็เรื่องของเค้าน่า”
“แหม... แขแค่อยากรู้น่ะค่ะ จู่ๆ ก็ท้อง ไวไฟเหมือนกันนะ”
“คุณหญิงย่าบอกว่าเขาหัวอ่อนน่ะ คงโดนผู้ชายหลอก”
“เหรอคะ” แขนภายังไม่ไว้วางใจเสียทีเดียว
“คุณมีอะไรเหรอ” ทัศกรเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นแฟนสาวสนใจเรื่องกานพลูเสียเหลือเกิน
“เปล่าหรอกคะ แค่คิดว่าเด็กเดี๋ยวนี้มีลูกกันไวจัง แม่กานพลูอะไรนั่นอายุไม่เท่าไหร่ ยังเด็กอยู่เลยนี่คะ”
“น่าจะจบม.หกแล้วน่ะ”
“แล้วไม่เรียนต่อเหรอคะ”
“เห็นคุณหญิงย่าบอกว่าจะให้เรียนมหาลัยเปิด”
“แหม... คุณก็รู้เรื่องยายเด็กนั่นเยอะเหมือนกันนะคะ”
“คุณหญิงย่าท่านรักของท่าน ท่านเลยชอบเล่าให้ผมฟังน่ะ”
“ช่วงนี้คุณเครียดไปหรือเปล่าคะ เห็นเอาแต่ทำงานยุ่งทั้งวัน” แขนภาตรงเข้ามาบีบนวดที่ไหล่ของเขา โอบกอดรอบคอหนา วางคางกับไหล่ของเขาเพื่อเรียกร้องให้เขาหันมาสนใจเธอ มากกว่างานตรงหน้า
“งานผมยุ่งๆ นิดหน่อยน่ะ” ทัศกรปลดมือของหญิงสาวออกอย่างสุภาพ แขนภารู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่เมื่อโดนปฏิเสธเช่นนี้ เธอเคย กระเง่ากระงอด เรียกร้องความสนใจ และผลที่ได้รับก็คือสีหน้ารำคาญเบื่อหน่ายของเขา หาว่าเธอเรียกร้องจนเกินไป
“งั้นแขไปก่อนนะคะ”
“อือ...” เขารับคำแทบไม่ได้เงยหน้าจากกองเอกสาร แขนภาไปหาความสุขจากภวินอีกเช่นเคย เธอไประบายอารมณ์กับคนงานหนุ่ม เขาช่วยปลดปล่อยอารมณ์ให้เธอเสมอ
“ย่าว่าจะกลับกรุงเทพฯ แล้วนะจ๊ะ แม่กานต์ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว” คุณหญิงช่อทิพย์พูดขึ้นในวันหนึ่ง หลังจากมาอยู่ที่ไร่กลีบเมฆหลายวัน โดยเกียรติ ซึ่งเป็นหมอของกานพลูตามมาดูแลก่อนจะกลับไปก่อน
“อ้าว... ไหนคุณหญิงย่าบอกว่าจะให้กานพลูคลอดที่นี่ไงครับ”
“ย่าก็พูดไปอย่างนั้นเอง จริงๆ แค่จะพากานพลูเขามาพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไร่ของภูเขาเท่านั้น ที่โน่นหมออะไรก็ทันสมัย สะดวกสบาย จะมาคลอดที่นี่ได้ยังไงกัน คลอดลูกคนนะ ไม่ใช่ลูกม้า อีกอย่างย่าก็เห็นว่าภูเขาน่ะงานยุ่งเสียเหลือเกิน ย่าเองมารบกวนหลายวันไม่อยากอยู่เป็นภาระ”
“คุณหญิงย่าไม่ได้เป็นภาระนะครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“ย่ารู้จ้ะ แต่ย่าอยากพาแม่กานต์ไปคลอดที่กรุงเทพฯ มากกว่า”
“เอาเป็นว่าผมจะแวะไปเยี่ยมนะครับ”
“จ้ะ แล้วเรากับแม่แขล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ก็เรื่อยๆ ครับ”
“รักเขาไหมล่ะแม่แขน่ะ” คุณหญิงช่อทิพย์ถามตรงๆ
“ก็...” ทัศกรเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก บางทีเขาก็คิดว่ารักแขนภา แต่บางทีเขาก็เฉยๆ หรือรำคาญเธอเสียมากกว่า
“ย่าไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของภูเขามากนักหรอกนะลูก แต่ถ้าจะหาภรรยาให้ดีนั้นมันก็ต้องเฟ้นหากันหน่อย เฟ้นหาไม่ใช่ที่ฐานะหน้าตาทางสังคมหรือมีทรัพย์สินเงินทองหรอกนะ แต่ที่จิตใจ ย่าน่ะเคยผิดมามากแล้ว”
คุณหญิงช่อทิพย์น้ำตาซึม ท่านนึกถึงลูกชายกับลูกสะใภ้ก็เศร้าใจ ไม่ได้พูดคุยหรือพบเจอกันเลยตลอดระยะเวลาหลายปี แต่มาด่วนจากไปเสียก่อน ความจริงนั้น ท่านต่างหากต้องตายก่อน ไม่ใช่ให้ลูกมาตายก่อน มันเศร้าที่ต้องมางานศพลูก และพบว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่เพียงใด
“คุณหญิงย่าอย่าคิดมากเลยครับ ผมว่าเรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะครับ”
“ขอบใจมากนะภูเขา ย่าน่ะไม่รู้จะพูดยังไงดี ความผิดของย่ามันอยู่ตรงนี้ ไม่สามารถลบล้างได้อีก” คุณหญิงช่อทิพย์วางมือกับอกด้านซ้าย ตบแรงๆ ด้วยความรู้สึกสะท้านในอก
“ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น คงไม่มีใครต้องการให้เกิดหรอกครับ มันผิดไปแล้ว แก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุดคือทำปัจจุบันครับ” ทัศกรปลอบใจคนเป็นย่า
“ย่าถามภูเขาอย่างหนึ่งสิ” คุณหญิงช่อทิพย์มองหน้าหลานชายคนเดียว คำถามนั้นดูจริงจังจนเขาต้องตั้งใจฟัง
“อะไรครับ”
“ถ้าเกิดวันหนึ่งภูเขารู้ตัวว่าตนเองผิดพลาด ไม่สิ... ต้องบอกว่าเคยทำผิดพลาดแต่ตัวเองไม่รู้ ไปรู้เอาตอนหลัง ภูเขาจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว”
“ผมก็คงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอกครับ แต่จะรับผิดชอบความผิดพลาดนั้นเท่าที่ตัวเองจะทำได้” ฟังคำหลานชายแล้วคุณหญิงช่อทิพย์พยักหน้าพึงพอใจ
“คุณหญิงย่าถามทำไมครับ”
“ย่าแค่อยากรู้ว่าภูเขาคิดยังไงกับสิ่งที่เคยทำผิดพลาดเท่านั้นแหละ แต่หลานของย่าเป็นคนดี ย่าเชื่อว่ามองคนไม่ผิด”
“คุณหญิงย่าพูดแปลกๆ”
“เปล่าหรอก ย่าแก่แล้ว พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วเรื่องบริษัทล่ะว่ายังไง ภูเขาเข้าไปช่วยย่าดูแลนะ กิจการของเรามากมาย ย่าแก่ลงไปทุกวัน ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง ถ้ามีคนช่วยดูแล ย่าก็นอนตายตาหลับ”
“คุณหญิงย่ายังแข็งแรงอยู่เลยครับ เอาไว้ผมเคลียร์ทางไร่เสร็จเรียบร้อย จะเข้าไปช่วยคุณหญิงย่าจัดการแน่นอนครับ”
“เห็นภูเขางานยุ่งจริงๆ อดหลับอดนอน ย่าไม่อยากรบกวนมาก คนเราสมองมีแค่สมองเดียว ทำงานหลายๆ อย่างก็ล้าเหมือนกัน หลานต้องดูแลตัวเองมากๆ นะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมแข็งแรงดี ไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ”
“อย่าประมาทไป” คุณหญิงช่อทิพย์ทำเสียงดุ ทัศกรยิ้มรับ เขาคิดว่าตัวเองแข็งแรงดี สามารถลุยงานอะไรได้สบาย เพราะไม่ใช่คนขี้โรคอ่อนแออะไรนิดอะไรหน่อยก็เจ็บป่วยไม่สบาย
“แม่กานต์คลอดแล้วอย่าลืมไปเยี่ยมล่ะ” ท่านกำชับหลานชาย
“ครับ คุณหญิงย่าบอกผมแล้ว”
“เราคิดยังไงกับแม่กานต์บ้างล่ะ” คุณหญิงช่อทิพย์ยังถามต่อ ท่านคิดอะไรต่อมิอะไรมากมายในหัว
“คิดอะไรยังไงครับ” ทัศกรไม่ค่อยเข้าใจคำถามของคนเป็นย่านัก
“ในสายตาเราน่ะแม่กานต์เค้าเป็นคนยังไง”
“เป็นคนยังไงผมไม่รู้หรอกครับ อันนี้ต้องถามคุณหญิงย่าเพราะเลี้ยงดูกันมา แต่จากที่ดู ผมว่าเค้าก็ดีนะครับ ดูแลคุณหญิงย่าดี หัวอ่อน คุณหญิงย่าพูดอะไรว่าอะไรก็ทำตามเสียหมด แต่ผมไม่ค่อยชอบหรอกครับ” ทัศกรพูดตามความคิด คุณหญิงช่อทิพย์เลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสนใจในท้ายประโยคของหลานชายคนเดียว
“ไม่ค่อยชอบอะไรตรงไหนรึ”
“พูดอะไรว่าอะไรก็ทำตามเสียหมด ผมไม่ค่อยชอบผู้หญิงแบบนี้ครับ ดูเป็นคนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง น่าเบื่อ น่ารำคาญ เหมือนเราต้องคอยแก้ปัญหาให้เขาด้วย”
“อ้าว... ย่านึกว่าผู้ชายชอบให้ผู้หญิงว่านอนสอนง่ายเสียอีก”
“ว่านอนสอนง่ายน่ะเด็กแล้วครับ คือผมอยากให้มีความคิดเป็นของตัวเองมากกว่า ถ้ามีอะไรได้โต้แย้งกันบ้าง ถ้าเกิดเราทำอะไรผิดไป เค้าจะได้ทักท้วงได้ ไม่ใช่เออออห่อหมกไปเสียหมด แบบนั้นล่มจมสิครับ”
“แล้วภูเขาชอบผู้หญิงแบบไหนรึ แบบแม่แขนภาหรือไง”
“แขเขาก็ยังไม่ใช่นะครับ แต่ผมคบเขาแล้ว ถ้ายังไม่เลิกกันก็ไม่อยากไปเกาะแกะกับผู้หญิงที่ไหน” คบกันไปเขาก็ว่าเธอไม่ใช่ แต่เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด
“แล้วภูเขาชอบผู้หญิงทำกับข้าวเก่ง เป็นแม่บ้านแม่เรือนไหมล่ะ”
“ชอบนะครับ ผมว่ามีเสน่ห์ดี แต่เดี๋ยวนี้ซื้อกินเอาก็ได้ ร้านอาหารเยอะแยะ ผมไม่ถือเรื่องอาหารการกิน เป็นแม่บ้านแม่เรือนอะไรหรอกครับ”
“แต่ซื้อกินกับทำเอง มันแตกต่างกันนะ” คุณหญิงช่อทิพย์ติง
“คุณหญิงย่าเป็นคนสมัยก่อน อาจจะชอบผู้หญิงเป็นแม่บ้านแม่เรือนทำอาหารเก่ง”