เกสรดอกรัก

145.0K · จบแล้ว
B.J.
74
บท
7.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

กานพลู ชุลีพร ... เธอเปรียบประดุจดั่งเกสรที่ถูกห่อหุ้มด้วยดอกรักอันงดงาม ความรักมันก็แปลก มันเกิดขึ้นได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เมื่อมันมาทักทายหัวใจของเขาแล้ว มันก็ยากที่จะสลัดทิ้งได้ นอกจากจะดูแลหัวใจดวงนี้ให้ดีตลอดไป... ทัศกร กลีบเมฆ ... เขาเหมือนภูเขาสูงชันที่ต้องป่ายปีนขึ้นไปหา เธอไม่เคยคิดจะป่ายปีนขึ้นไปเทียบเทียมกับผู้หญิงคนไหน คิดเพียงว่าตนเป็นเพียงละอองเกสรเล็กๆ ที่ห่อหุ้มด้วยความรัก แต่เกสรดอกรักดอกนี้กลับลอยละลิ่วขึ้นไปถึงยอดภูเขาอันสูงเสียดฟ้าได้สำเร็จ.

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักแต่งงานสายฟ้าแลบดราม่า

1

บทนำ

ทัศกร กลีบเมฆ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ด เขากำลังนั่งฟังพินัยกรรมที่ทนายความประจำตระกูลของผู้เป็นย่าอ่านอย่างตั้งใจ หลังจากที่จัดงานศพของท่านเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เนื้อความในพินัยกรรมในประโยคแรก เขาฟังอย่างสงบ แต่ช่วงท้ายนั้นทำให้เขาเริ่มตกใจ งุนงง หงุดหงิด และโมโห หันขวับไปมองหญิงสาวที่กำลังอุ้มลูกสาวของตัวเองเอาไว้ด้วยความรู้สึกโกรธ

กานพลู ชุลีพร หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ เป็นเด็กในอุปการะของคุณหญิงช่อทิพย์ กลีบเมฆ ที่เพิ่งเสียชีวิต เธอเองก็ตกตะลึงกับพินัยกรรมที่ท่านเขียนเอาไว้ก่อนตาย

นอกจากนั้นยังมีญาติสนิทที่เป็นลูกหลานของท่านได้รับมรดกร่วมด้วย อาทิเช่น คุณชาลินี และอีกคนหนึ่งคือลูกชายของนาง เชาวน์ เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยช่วยเหลือเขามาตลอด แถมยังเคยช่วยชีวิตเขาด้วย ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเชาวน์จะกลายมาเป็นญาติสนิทฝั่งบิดาเช่นนี้

‘คุณทัศกร กลีบเมฆ ซึ่งเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของท่าน ได้รับมรดกทั้งหมดของท่าน นอกเหนือจากที่แบ่งให้นางชาลินีและนายเชาวน์ เทพพยัคฆ์ ทั้งบ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เงินสดในธนาคาร เครื่องเพชร ฯลฯ แต่หลังจากจดทะเบียนกับนางสาว กานพลู ชุลีพร เด็กสาวในอุปการะของข้าพเจ้า และรับเธอเป็นภรรยา พร้อมกับลูกสาวคือ เด็กหญิงทัดดาว กลีบเมฆ ซึ่งเป็นเหลนของข้าพเจ้า หากไม่แล้ว ทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้า จะยกให้แก่เหลนของข้าพเจ้าเพียงคนเดียวคือเด็กหญิง ทัดดาว กลีบเมฆ’

เนื้อความในพินัยกรรมที่ทัศกรจับใจความได้ทำให้เขาโมโหอย่างหนัก มองสองแม่ลูกเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ชาลินีกับเชาวน์เองก็มองสบตากัน ต่างคนต่างความคิด ความไม่พอใจเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด ชาลินีคิดว่าไม่น่าปล่อยให้ทัศกรรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้เลย

นี่มันเรื่องบ้าอะไร ในวันที่พินัยกรรมถูกเปิด หลานชายคนเดียวของคุณหญิงช่อทิพย์ก็ปรากฏตัวขึ้น ทั้งๆ ที่มันควรจะเหมือนพ่อของมัน ไม่สนใจไยดี อยู่ในป่าในดงที่ต่างจังหวัดของมันไป!!!

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคุณทนาย เหอะ!” ทัศกรทำเสียงเยาะในลำคอ มองสองแม่ลูกที่ทำท่าทีเหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องราวมาก่อน โดยเฉพาะคนเป็นแม่ที่ทำหน้าใสซื่อไร้เดียงสาอย่างที่สุด

กานพลู เธอแสบมาก!!!

“ตามที่ผมได้อ่านให้คุณทัศกรฟังครับ คุณต้องรับภรรยาและลูกของคุณไปดูแล และจดทะเบียนสมรสกับกานพลูอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงจะได้รับมรดก และห้ามหย่าขาดจากเธอโดยเด็ดขาด จนกว่าหนูทัดดาวจะเรียนจบปริญญาตรีครับ”

“ฮ่าๆๆๆ” ทัศกรหัวเราะลั่น เขาเท้าสะเอวมองทนายสูงวัยดวงตาลุกวาบ ไอ้ทนายนี่ก็ไม่มีท่าทีตัณหากลับ แต่ก็ไม่แน่ โดนยายกานพลูหน้าซื่อใจคดนั่นยั่วยวนอาจจะช่วยกันเกลี่ยกล่อมเป่าหูย่าของเขา หรือปลอมพินัยกรรมใครจะไปรู้

“คุณกินยาผิดขวดหรือเปล่า หรือว่าสมองกลับ ผมยังไม่มีลูกมีเมีย คุณหญิงย่าเอาอะไรมาคิด ถึงได้ทำพินัยกรรมบ้าบอแบบนี้ขึ้นมา”

ทัศกรคิดว่าตัวเองไม่เคยมีลูกมีเมียแน่นอน ไม่ใช่สิ เขามั่นใจว่าตัวเองยังไม่มีลูกเมีย แล้วจู่ๆ จะโผล่มาได้ยังไง แถมเมียเขายังเป็นเด็กในอุปการะของคุณย่า ไปท้องกับใครก็ไม่รู้ ถ้าท้องกับเขาจริงคนเป็นย่ามิโวยวายให้เขารับผิดชอบแต่แรกหรือไง ทำไมถึงปล่อยเวลายืดเยื้อมาถึงตอนนี้ ถ้าไม่เพราะกานพลูมีแผนการอะไรสักอย่าง และแผนการนั้นก็คงจะเป็นพินัยกรรมฉบับนี้แน่ๆ

“ตอนที่ท่านให้ผมร่างพินัยกรรม คุณหญิงช่อทิพย์ มีสติสัมปชัญญะทุกอย่างครบถ้วนครับ”

“บ้าแล้ว บ้ากันไปหมดแล้ว ฉันกับยายกานพลูเด็กของคุณหญิงย่าไม่เคยมีอะไรกัน หล่อนท้องฉันรู้ ท้องกับผู้ชายสารเลวที่ไหน แล้วมายัดเยียดให้ฉัน เหอะ!” เขาทำเสียงในลำคอ เพราะเขามาเยี่ยมคนเป็นย่า และรู้มาโดยตลอดว่ากานพลูท้อง ก็ไม่เห็นว่าเธอจะมาเรียกร้องอะไร ย่าของเขาก็รู้ แถมเขายังหลวมตัวนึกสงสารรับทัดดาวเป็นบุตรบุญธรรมเสียอีกด้วย

คำว่า ‘ผู้ชายสารเลว’ ทำให้กานพลูสะดุ้งมองหน้าทัศกรตาปริบๆ เขากำลังด่าตัวเอง แต่ก็นะ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำเธอท้อง เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นในตอนนั้น กานพลูจมดิ่งเข้าไปสู่อดีตที่รู้สึกว่ามันเพิ่งผ่านพ้นมาไม่นานนี้เอง

ข่าวการเสียชีวิตของลูกชายคนทำให้คุณหญิงช่อทิพย์ กลีบเมฆ เสียใจอย่างที่สุด เป็นเพราะทิฐิของท่านโดยแท้ ถึงทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้

ในอดีตท่านเหมือนแม่หลายๆ คนที่มีลูกชายคนเดียว มีหน้าตาฐานะทางสังคม เป็นธรรมดาที่อยากให้ลูกชายคนเดียวที่จะสืบสกุลต่อไป ได้ภรรยาที่ดีสมฐานะชาติตระกูล และมีการศึกษาที่ดี มีหน้ามีตาเป็นที่รู้จัก จะได้เกื้อหนุนกัน แต่ ทศพล ลูกชายคนเดียวของท่าน กลับไม่แต่งงานกับผู้หญิงเพียบพร้อมที่ท่านหาให้อย่างชาลินี ดันไปคว้าหญิงสาวชาวไร่บ้านนอกคอกนามาเป็นเมีย ท่านโกรธมากจึงตัดขาดความเป็นแม่ลูก ไม่ให้ทรัพย์สินเงินทองอะไรแม้แต่บาทเดียว เพราะคิดว่า ทศพลจะต้องซมซานกลับมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านหาให้ และทิ้งผู้หญิงไร้สกุลรุนชาติคนนั้น

แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากทศพลออกจากบ้านไปโดยไม่เอาอะไรไปสักอย่าง อีกฝ่ายก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ท่านใจแข็งไม่ยอมไปง้องอนให้ลูกชายกลับมา เพราะพูดไล่ไปด้วยความโกรธเท่านั้น ว่าไม่ให้มาเหยียบบ้านหลังนี้ ถ้ายังไม่เลิกกับผู้หญิงคนนั้น คิดว่าคนเป็นลูกน่าจะสำนึกกลับมากราบกรานขออภัยบ้าง เมื่อลูกไม่กลับมา ท่านก็ไม่ง้อแต่เพราะบ้านหลังใหญ่ ฐานะร่ำรวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ความเหงาก็มีมากมายเหลือเกิน เมื่อไร้ลูกหลาน คุณหญิงช่อทิพย์ จึงอุปการะเด็กสาวหน้าตาน่ารัก นามว่า กานพลู เอาไว้

ชาลินี หญิงสาวที่เพียบพร้อม เป็นลูกสาวของเพื่อนรัก คอยช่วยเหลือเป็นคนติดต่อกับทศพล แต่อีกฝ่ายก็ใจแข็งไม่ยอมกลับมา ท่านถือว่าตนเป็นแม่ เมื่อลูกอยากตัดเป็นตัดตาย ท่านก็ถือทิฐิไม่ยอมเหมือนกัน ไม่นานท่านก็ทาบทามชาลินีให้หลานชายของท่านอีกคน จนทั้งสองได้แต่งงานกัน

“คุณท่านคะ รถพร้อมแล้วค่ะ” น้ำเสียงของ กานพลู ชุลีพร เด็กสาววัยสิบเก้า ทำให้ท่านหลุดจากภวังค์ความคิดในอดีต เด็กสาวหน้าตาสะอาดหมดจด กิริยามารยาทเรียบร้อย ผิวพรรณผุดผ่อง เธอได้รับการศึกษาจนจบมัธยมปลายในโรงเรียนที่ดีที่สุด และกำลังจะได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย คุณหญิงช่อทิพย์รักและเอ็นดูกานพลูมาก ท่านให้กานพลูได้รับการศึกษาเล่าเรียนทุกอย่างที่ดีพร้อมเพื่อมาเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลืองานของท่าน และกานพลูได้ช่วยผู้มีพระคุณทำงานตั้งแต่เด็กๆ ถือว่าเป็นเลขาส่วนตัวที่ท่านไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง

“เรียบร้อยแล้วเหรอ ฉันนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย คิดถึงอดีตน่ะ อดีตคือสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านพ้นไป และไม่สามารถหวนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก” ท่านพูดก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่

“คุณท่านอย่าคิดมากเลยนะคะ”

“ไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง คนไม่เคยเจอกันเลย ไม่เคยเลี้ยงดู ไม่เคยแม้แต่กอด แสดงความรักต่อกัน หลานชายฉันคงเกลียดฉัน ที่ใจดำกับพ่อของเขา ไม่แน่ ฉันอาจจะโดนไล่ออกมาจากงานก็เป็นได้”

คุณหญิงช่อทิพย์พูดอย่างเป็นกังวลใจ เวลาล่วงเลยผ่านมายี่สิบกว่าปี ท่านถือทิฐิคิดว่ายังแข็งแรง เงินทองมากมาย ไม่ต้องง้อหรือพึ่งใครก็ได้ แต่พอแก่ตัวไป ความเหงาก็บังเกิด อยากเห็นหน้าลูกหลาน อยากยกทรัพย์สินให้ทายาทของตัวเอง ไม่อยากยกให้คนนอก ท่านจึงให้คนออกไปสืบหาลูกชายคนเดียว และรับรู้ว่าอีกฝ่ายไปสร้างเนื้อสร้างตัวกับผู้หญิงที่ท่านรังเกียจ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ฐานะร่ำรวยไม่ได้ลำบากยากแค้นอย่างที่ท่านดูถูก

มณีนิลคือผู้หญิงที่ท่านรังเกียจ พยายามกีดกันลูกชายของตนไม่ให้คบหาด้วย แต่สุดท้ายแล้ว ผู้หญิงคนนี้กลับรักลูกชายของท่านจริง แม้ทศพลจะไปแต่ตัว อีกฝ่ายกลับไม่รังเกียจ ช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะ แถมยังมีลูกชายที่หล่อเหลา เก่งกาจ ปกครองคนมากมายในไร่อันกว้างใหญ่ไพศาล