ตอนที่4 เสียใจ
“บ้านเรา...การเงินวิกฤตหรือคะ” หญิงสาวยังไม่อยากเชื่อนัก การบริหารจัดการเงินเป็นหน้าที่ของพ่อ เธอรู้ว่ารายรับจากการขายยาสมุนไพรของพ่อยังไม่คงที่นัก
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้” คุณปู่พูดขึ้น
“ถ้าปันปันแต่งงานก็ต้องอยู่ที่โน้น...” เธอพึมพำออกมาเหมือนละเมอ เธอไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่ แม้เคยคิดเรื่องไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่เรื่องแต่งงานมีครอบครัวกับคนต่างชาติ เธอไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลยสักนิด อย่างน้อย เธอก็อยากอยู่ใกล้ๆ ครอบครัว เธอเติบโตมาในครอบครัวใหญ่จึงตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไป
แต่ความจริงที่ต้องเผชิญ คือสิ่งที่ต้องตัดสินใจ
“ไทยกับจีนก็ไม่ได้ไกลนัก นั่งเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมง เดี๋ยวนี้มีเที่ยวบินตรงแล้วด้วย” พ่อพูดพึมพำออกมา
“พูดแบบนี้คิดแทนปันปันแล้วสินะคะ” หญิงสาวทำเสียงดุใส่พ่อ “การแต่งงานนี่มันความสุขชั่วชีวิตของปันปันเลยนะ แล้วผู้ชายเป็นใครก็ไม่รู้”
“หน้าตาก็ไม่เลวนะ นี่ไง” พ่อยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้ลูกสาว แต่เพราะความโมโหเธอจึงลุกขึ้นยืนและไม่ยอมดูรูปว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเอง
“ปันปันไม่คิดว่ายุคนี้แล้วเราจะมีเรื่องคลุมถุงชนอีก ถ้าพ่อกับปู่ตัดสินใจกันก่อนมาคุยกับปันปันแล้วก็ไม่ต้องมาถามความเห็นกันแบบนี้หรอกค่ะ”
“ปันปันจะไปไหน” พ่อเรียกลูกสาวที่หมุนตัวเดินไปถึงประตูห้องหนังสือ
“คืนนี้ปันปันมีนัดกินเลี้ยงวันเกิดยัยแป๋มค่ะ เรื่องที่คุยกันวันนี้ขอเวลาปันปันหาวิธีจัดการก่อน ปันปันไม่เชื่อว่าเราจะหาเงินทุนจากที่อื่นไม่ได้จนต้องใช้วิธีแต่งงานแบบนี้”
พ่อกำลังจะห้ามแต่แม่กลับตบหลังมือพ่อเบาๆ เป็นเชิงเตือน “ปล่อยให้ลูกไปคิดทบทวนก่อนเถอะ เราก็รู้นิสัยปันปันอยู่ ยิ่งไปบังคับก็ยิ่งไม่ทำตาม ถ้าลูกไม่อยากแต่งก็คงฝืนใจไม่ได้ เรื่องเงินก็...ช่างมันเถอะ ล้มแล้วก็ค่อยหาใหม่ได้”
ทั้งปู่กับพ่อถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน จริงอยู่ เรื่องเงินถ้าไม่ตายก็หาใหม่ได้ เพียงแต่มันไม่ใช่แค่ครอบครัวของตนเอง แต่ยังมีอีกหลายชีวิตที่ฝากความหวังไว้ที่พวกเขา ล่มหัวจมท้ายกันมานานต่างก็หวังจะเห็นกิจการตระกูลศุขไสยาศน์รุ่งเรือง ไม่ได้เป็นแค่ยาผีบอกอย่างที่คนอื่นชอบพูดกัน
หญิงสาวเดินอย่างหงุดหงิดมาที่หน้าบ้าน อยากจะร้องกรี๊ดๆออกมาแต่ทำไม่ได้ นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ค.ศ.2025แล้วยังมีเรื่องพวกนี้อีกเหรอ ผู้ชายคนนั้นก็อะไร ไม่รู้จักกันเสียหน่อยจะมาแต่งงานกันได้ยังไง หรือแต่งๆไปแล้วแยกกันอยู่ ทำเหมือนไม่รู้จักกันอย่างนั้นเหรอ
“คุณปันปันจะไปไหนครับ” ธารณ์เอ่ยถามอย่างแปลกใจเพราะไม่ค่อยเห็นพรนับพันไปเที่ยวกลางคืนนัก เขาเพิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จและยังสวมชุดทำงานอยู่ เพียงแค่พับแขนเสื้อขึ้นเท่านั้น เพราะนิสัยของเขาชอบอาบน้ำทีเดียวก่อนเข้านอน
“ไปงานวันเกิดยัยแป๋มค่ะ” เธอตอบ
เพราะรู้จักกันมานาน ธารณ์เห็นสีหน้ากังวลใจของพรนับพัน เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ให้ผมขับรถให้คุณปันปันนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ธารณ์กลับมาเหนื่อยๆ พักผ่อนดีกว่าค่ะ”
“โรงงานยังไม่ได้เปิดเต็มที่ ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับ” เขาพูดยิ้มๆ ไม่อยากให้เธอกังวล และแอบดีใจที่เธอแสดงความเป็นห่วงมากขนาดนี้ “หรือคุณปันปันรังเกียจที่ผมขับรถให้”
“พูดอะไรแบบนั้นคะ” เธอทำเสียงอ่อนเหมือนเด็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมขับรถให้เถอะครับ คุณปันปันจะได้สนุกกับเพื่อนเต็มที่ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องขับรถกลับด้วย”
หญิงสาวนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วพยักหน้ารับ อารมณ์ของเธอตอนนี้ให้ขับรถออกไปคงได้ประสานงานกับรถบรรทุกแน่เลย
“คุณปันปันรอตรงนี้ไม่เกินสิบนาที ผมไปเอารถออกมาก่อน”
ธารณ์ยื่นมือไปรับกุญแจรถจากมือเรียวเล็กรีบเดินเร็วๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทางแล้วขับรถของพรนับพันมารอ หญิงสาวเปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง เมื่อประตูรถปิดสนิทแล้วรถเก๋งสีหวานจึงเคลื่อนออกไปโดยไม่รู้ว่ามีสายตาของป้าฉลวยจ้องมองมองอยู่ นางได้แต่เป็นกังวลเกรงว่าลูกชายใฝ่สูงจะหมายโน้มกิ่งดอกฟ้า นางรู้ดีว่าอย่างไรเสีย พรนับพันมองลูกชายนางเป็นแค่พี่ชาย ไม่เคยแสดงท่าทีเช่นหนุ่มสาว คนมั่นรักจริงจังอย่างลูกชายนางเกรงว่าอกหักครั้งนี้อาจเจ็บเจียนตายเลยก็ได้ ถ้านางกับลูกเกิดเป็นคนรวยคงดีไม่น้อย คงได้ช่วยแบ่งเบาภาระใหญ่ของตระกูลศุขไสยาศน์ได้บ้าง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธารณ์ขับรถให้พรนับพันนั่ง บางครั้งเขาก็อยากเอื้อมมือข้ามเกียร์ไปกุมมือเธอ แต่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาทำงานแทบทุกอย่างในบ้านหลังนี้ ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะดูแคลนยังไง แต่สำหรับเขาแล้วแค่ทุกวันได้เห็นรอยยิ้มของหญิงสาวก็ทำให้เขามีความสุขมากพอแล้ว
“พี่ธารณ์ค่ะ”
“ครับ”
“เรื่องที่โรงงานเป็นยังไงบ้างคะ”
ชายหนุ่มปรายตามองคนที่นั่งข้างๆแล้วยิ้มบางๆ “เรียบร้อยดีครับ ชาวบ้านที่ปลูกสมุนไพรต่างก็ดีใจที่จะได้มีที่ขายกัน คุณฐากรูให้ราคาดีไม่กดราคาพวกเขา ทุกคนก็มีความสุขครับ”
พรนับพันรู้ว่าธารณ์เป็นมากกว่าคนงานหรือพนักงาน เขารู้เรื่องในบ้านดีร่วมทั้งเรื่องบริษัทยาสมุนไพรที่กำลังก่อตั้งอยู่นี้ เขาอาจจะรู้แต่ไม่อยากพูดก็ได้ เธอพยายามคิดในแง่บวกมันน่าจะเหลือหนทางอื่นเป็นทางเลือกให้เธอได้สิ หากเป็นอย่างที่พ่อพูด บ้านเราขาดสภาพคล่องธนาคารไม่ปล่อยกู้ การจะใช้เงินดำเนินการกิจการต่อนั้นจำเป็นต้องใช้มากกว่าเจ็ดหลัก การแต่งงานบ้าบออะไรกัน คนดีๆ ที่ไหนจะเอาเงินเป็นล้านมาแลกเพื่อการแต่งงานแบบนี้
ไม่นานนักธารณ์ก็ขับรถมาถึงร้านอาหารกึ่งผับ เขาจอดรถที่ลาดจอดรถแล้วอาสาเดินไปส่งที่ประตูทางเขา
