ตอนที่3 หมั้นหมาย
พรนับพันในวัยสิบเจ็ดบอกเขา ในวันที่เธอตั้งใจปลูกกุหลาบบริเวณหลังบ้าน ‘กุหลาบที่เราปลูกเองจะได้มั่นใจว่าไม่มีสารเคมีต้องค้าง ชากุหลาบ มีคุณสมบัติ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ในทางเดินอาหาร และลำไส้งช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ จึงมีส่วนช่วย บรรเทาอาการ ท้องผูก ท้องอืด บรรเทาอาการหวัดได้ด้วย และยัง...พี่ธารณ์ยิ้มแบบนี้คิดว่าปันปันเพี้ยนใช่ไหมคะ’
‘เปล่าครับ พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น พี่แค่ฟังเพลินและไม่เคยรู้ว่ากุหลาบจะมีประโยชน์ขนาดนี้ คุณปันปันเก่งจังครับจำสรรพคุณของดอกไม้ได้’
‘ปันปันเป็นหลานปู่ทองอินหมอยาเลื่องชื่อนะคะ เรื่องแค่นี้ก็ต้องรู้อยู่แล้ว’ เธอยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเล็ก ‘คุณพ่อบอกว่าจะสานต่อความรู้ของคุณปู่ผลิตยาสมุนไพรให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปต่างประเทศ ปันปันก็จะไปเรียนแพทย์แผนไทยประยุกต์ค่ะ จะช่วยงานคุณพ่อ’
‘คุณปันปันต้องทำได้แน่นอนครับ’
‘ปันปันทำคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ พี่ธารณ์อยู่ช่วยปันปันด้วยกันนะคะ’
‘ครับ’
เขารู้ว่าเธอพูดแบบเด็กๆ ไม่ได้มีเจตนาจะหลอกให้เขาทำงานที่นี่ แต่เขาเต็มใจและอยากอยู่เคียงข้างเธอจนถึงวันที่ความฝันเป็นจริง
และเมื่อถึงวันนั้น เขาอาจเอื้อมมือคว้าเธอไว้ได้ เหมือนที่เขาประคองดอกกุหลาบดอกนี้ไว้ในมือ
พรนับพันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดรสกลางคืน ปกติเธอไม่ใช่นักท่องราตรี ชีวิตเธอมีแค่เรื่องเรียนและศึกษายาสมุนไพรกับคุณปู่ จนเมื่อเรียนจบก็ยังยุ่งกับยา เธอมีโปรเจคผลิตเครื่องสำอางจากสมุนไพรไทยที่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง แต่คืนนี้เธอมีนัดปาร์ตี้วันเกิดเล็กๆ กับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายเป็นกลุ่มที่สนิทกันมาก ขณะที่เธอเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง มารดาที่กำลังจะขึ้นไปตามก็เรียกลูกสาวไว้ก่อน
“จะออกไปไหนเหรอ”
“ไปงานวันเกิดแป๋มค่ะแม่” เธอตอบอย่างไม่ปิดบัง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของแม่ก็อดถามไม่ได้ “มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“มาคุยกับปู่กับพ่อก่อน” คุณนับดาวถอนหายใจแล้วดึงมือลูกสาวมากุมไว้ “ค่อยๆ ฟังความคิดของผู้ใหญ่อย่าใช้อารมณ์ล่ะ”
พรนับพันเลิกคิ้วสงสัยแต่เดินตามมารดาไปที่ห้องหนังสือ บ้านนี้เป็นหนอนนักอ่านตัวยง พ่อสร้างห้องหนังสือไว้เก็บตำราแพทย์เก่าๆมากมาย กลายเป็นห้องประชุมและห้องทำงานไปพร้อมกัน เมื่อเธอเดินเข้ามาก็พบว่าคุณปู่ทองอินและพ่อฐากรูนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยว ส่วนมารดานั่งข้างบิดา บรรยากาศตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“มีเรื่องอะไรหรือคะ” พรนับพันถามอย่างไม่อ้อมค้อม เธอเป็นอย่างนี้เสมอ ตรงไปตรงมา เธอเติบโตมาในครอบครัวนี้ที่มีอะไรก็พูดคุยกัน เห็นพ่อที่ค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นจากบ้านหลังเล็กจนเป็นบ้านหลังใหญ่ ยามครอบครัวเผชิญหน้ากับปัญหาใดๆ พ่อกับแม่ก็ไม่ปิดบังเพื่อให้ลูกทั้งสองเข้าใจสถานการณ์และพร้อมรับมือ
ปู่ทองอินมองหน้าหลานสาวแล้วถอนหายครั้งหนึ่งก่อนพูดขึ้น
“หลานยังจำปู่หลิวจิ้นอัน สหายชาวจีนของปู่ได้ไหม”
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ทบทวนความทรงจำในวัยเยาว์ คุณปู่มีเพื่อนเยอะ คนที่คุณปู่เคยรักษาและยังมีเพื่อนร่วมวิชาชีพที่แบ่งปันความรู้กัน
“คุณปู่ที่เคยสอนภาษาจีนให้ปันปันใช่ไหมคะ”
“อืม คนนั้นแหละ”
พรนับพันจำได้ในทันที เพราะปู่หลิวท่านนี้ทำให้เธออยากเรียนภาษาจีนจนดิ้นรนไปร่ำเรียนจนได้ เพราะเธอเองก็สนใจการแพทย์แผนจีน ทั้งการฝังเข็ม,ครอบแก้วและยาสมุนไพรที่มีมานับพันปี
“ปู่หลิวขอเคยขอหมั้นหมายปันปันกับหลานชายของปู่หลิว”
“หลายชายปู่หลิว?” เธอเลิกคิ้วประหลาดใจ “ลูกชายคุณปู่หลิวไม่รุ่นพ่อปันปันเหรอคะ”
“แค่กๆ” คราวนี้พ่อสะดุ้ง “ฟังให้มันดีๆหน่อย หลานไม่ใช่ลูก อายุก็...ห่างกันไม่ถึงสิบปีหรอก”
“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่เรื่องหมั้นหมายต่างหาก” พรนับพันขึงตาใส่ผู้ใหญ่ในบ้าน “นี่มันยุคไหนแล้วยังมีเรื่องแบบนี้อีกหรือคะ?”
“ตอนนั้นปู่ก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าปู่หลิวจะทักมาถามเรื่องนี้อีก”
“คุณปู่เคยปฏิเสธไปแล้ว ทำไมไม่ปฏิเสธไปอีกล่ะคะ?” เธอยังคงงุนงงอยู่
“ก็เพราะ...” ปู่ทองอินถอนหายใจอีกครั้ง
“เพราะทางโน้นเสนอจะช่วยครอบครัวเรา” คราวนี้พ่อพูดขึ้นมาเอง
“ทำไมเราต้องให้เขาช่วยคะ” พรนับพันเริ่มเห็นเค้าลางไม่ดี “เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเรา”
“ปันปันใจเย็นๆ แล้วฟังพ่อกับปู่พูดก่อนนะลูก” แม่ยื่นมือมากุมมือลูกสาว “ผู้ใหญ่ทางนั้นเสนอมา หากปันปันแต่งงานกับหลายชายปู่หลิว เขาจะช่วยเรื่องเงินทุนในการเปิดโรงงานของพ่อ ลูกก็รู้ว่าเรื่องนี้พ่อกับปู่ลงทุนไปมาก สถานะการเงินของเราขาดสภาพคล่อง ทางธนาคารก็ไม่ปล่อยกู้เพิ่ม เรามีหนี้ต้องจ่าย มีคนงานที่รอความหวังจากเรา”
