บทที่ 2 น้ำตาฟ้า
อัครวุฒิจอดรถริมบาทวิถี มองดูแฟนเดินเข้าโรงพยาบาล เขาขับรถออกจากบริเวณนั้นเพื่อเดินทางไปทำงานที่ระยองต่อ ชายหนุ่มมองนาฬิกาใกล้เวลานัดแล้ว เขามีอาชีพเป็นช่างถ่ายภาพนิตยสารชื่อดัง พบนักแสดงนางแบบมากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยรู้สึกชอบพอใครเท่าอิงดาวมาก่อน เขาเคยเห็นผลงานเพื่อนๆ แต่ไม่เคยสัมผัสพูดคุยกับเธอเลย
รถจอดลงเมื่อถึงสถานที่ถ่ายภาพ ทีมงานเคลียร์ทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว อัครวุฒิหยิบกล้องออกมาแล้วเดินตรงไปยังชายหาด นางแบบในชุดว่ายน้ำบิกินี่สวมผ้าคลุมตาข่ายสีขาวทับหันมาสบตา ชายหนุ่มชะงักดวงตาจดจ้องภาพนั้นราวกับต้องมนต์สะกด ไม่คิดว่าวันนี้จะได้พบกันอีก สองเท้าก้าวเดินอย่างระมัดระวังภายในสั่นไหวอย่างรุนแรง เพราะความปลาบปลื้มภายใน
“นี่อัครวุฒิครับ ที่จะมาถ่ายภาพให้คุณอิงดาว” ผู้กำกับแนะนำ
“สวัสดีค่ะ” เธอระบายยิ้ม “เจอกันอีกแล้วนะคะ”
ชายหนุ่มชะงัก ไม่คิดว่าคนสวยจะจำตนได้ด้วย
“จำผมได้ด้วยเหรอครับ”
“จำได้สิคะ วันนั้นฉันหลงทางไปเจอคุณที่บ้านไงคะ”
อัครวุฒิยิ้มเขิน ก่อนทีมงานจะพากันมาตามให้ถ่ายแบบ เพราะดวงอาทิตย์กำลังให้แสงสวย ช่างภาพรัวถ่ายเมื่อนางเอกสาวโพสต์ท่า แสงสะท้อนผ่านเรือนร่าง เผยให้เห็นทรวดทรงน่ามอง อัครวุฒิกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น หนึ่งชั่วโมงต่อมาการถ่ายภาพจบลง อิงดาวเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า มือถือของเธอดังขึ้น
“ค่ะคุณสาวิตรี” เธอกรอกเสียง
“ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีค่ะ อีกไม่นานเกินรอแน่นอน”
สาวิตรียกยิ้มพึงพอใจ “ขอบคุณมาก ฉันวางสายก่อนนะคะ” ตัดสายออกแล้วมองมือถือแววตาแข็งกร้าว ความเจ็บแค้นในอกอีกไม่นานจะได้รับการชำระ
อิงดาวมองตนเองในกระจก แล้วหยิบเสื้อผ้าจัดการเปลี่ยนชุด ออกมานอกห้องแต่งตัวเห็นร่างสูงยืนอยู่ เธอก้าวมาหาแล้วหยุดมอง เขาหันมาสบตาพอดี สีหน้าคนมองแดงขึ้น หญิงสาวยิ้มทักทาย
“อ้าวคุณอัครวุฒิ!”
เขายกมือเกาศีรษะ “เรียกผมวุฒิเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“อ๋อค่ะคุณวุฒิ มายืนรอใครเหรอคะ” พูดจบ เธอแสร้งกวาดตามองรอบๆ
“ผมมารอคุณอิงดาวน่ะครับ”
เธอกระตุกยิ้มมุมปาก “เรียกดาวเฉยๆ ก็ได้นะคะ”
“ครับคุณดาว”
“ว่าแต่มารอดาวมีอะไรหรือเปล่าคะ”
อัครวุฒิอึกอักเล็กน้อย “ผมขอแลกไลน์กับคุณดาวได้ไหม”
อิงดาวชะงักเล็กน้อย แล้วฉีกยิ้มกว้าง
“ได้สิคะ” เธอบอกเบอร์โทรให้กับเขา พร้อมกับเมมเบอร์ของอัครวุฒิไว้
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นดาวขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีงานอีกที่หนึ่ง”
“ได้ครับ”
ศิรินภาจ้องมองคนรักกำลังนั่งจดจ่อกับมือถือ พักหลังเขาแปลกไป ไม่ค่อยพูดคุยกับเธอ แถมยังทำท่าทีเมินเฉยเหมือนคนไม่เคยรักกัน ยิ่งนานเธอยิ่งรู้สึกสับสนว้าวุ่นใจ ตกลงเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หรือมีปัญหาตรงไหน ทำไมถึงไม่บอกกล่าว
สีหน้าเวลามองมือถือทำเอาหัวใจหญิงสาวกระตุกวูบ ดูเขามีความสุขเหมือนอยู่คนละโลก หญิงสาวค่อยๆ ย่องมาหา แล้วชะเง้อมองหน้าจอ เจ้าของมันรู้ตัวรีบหลบทันควันแล้วหันมาจ้องมองคนรักสายตาตำหนิ
“คุณทำอะไรน่ะนภา!” เขาถามเสียงแข็งสีหน้าไม่พอใจ
คนถูกถามพยายามเก็บอารมณ์
“ทำไมเหรอคะ ปกติคุณไม่เคยปกปิดอะไรอยู่แล้ว ฉันเคยเล่นมือถือคุณด้วยซ้ำ เดี๋ยวนี้มันมีอะไรถึงกับต้องตวาดฉันแบบนี้ด้วย” สบตาคนรัก แววตาหม่น มันเต็มไปด้วยความน้อยใจ
คนถูกตัดพ้อชะงักเล็กน้อย แล้วเม้มริมฝีปากสีหน้าเครียดขึ้น
“ช่วงนี้งานผมยุ่งมากน่ะนภา ผมเลยเครียด แถมยังถูกดุอีก” เขาโกหก ว่าที่เจ้าสาวสบตายิ้มเศร้า รู้แก่ใจคนรักกำลังโกหก ก่อนหน้าเห็นเขายิ้มให้กับการพิมพ์ข้อความส่งถึงใครบางคน
“ค่ะ นภาเข้าใจขอโทษด้วยนะคะ ถ้านภาพูดอะไรเหมือนระแวงคุณ นภารู้ดีว่าคุณเป็นคนซื่อสัตย์ต่อนภามาก” พยายามเน้นย้ำคำพูดนี้ แม้ใจจะรู้สึกสังหรณ์และหวาดหวั่นมากเพียงใดก็ตาม
คนฟังยิ้มเจือน ดวงตากรอกไปมาเหมือนมีบางอย่างปิดยัง หญิงสาวสบตาแล้วเดินหันหลังกล้ำกลืนน้ำตากลับไปยังห้องครัวอีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่ที่เคยทำเช่นทุกวัน